สวัสดีครับ ผมต้องขอบอกก่อนว่าผมอายุ 22 ปี เป็นเด็กที่เพิ่งเรียนจบมาและกำลังทำงานอยู่ครับ
อันนี้เป็นเรื่องราวของผมเองมันเป็นปัญหาครอบครัวเรื้อรังมานานที่ เด็กๆ อย่างผมอย่างไม่สามารถแสดงความคิดอะไรได้เลย มีปัญหาคาใจก็ปรึกษาไม่ได้แม้แต่คนที่เรียกว่า"พ่อแม่"ตัวเอง
ต้องขอบอกก่อนว่าบ้านผมนั้นมีฐานะปานกลาง บ้านต้องผ่อน หาเช้ากินค่ำ พ่อทำงานคนเดียวแม่อยู่บ้านมีลูก 4 คน เพราะฉะนั้นจะต้องประหยัดเพื่อให้ทั้งน้องๆ ได้ใช้ได้กินด้วย และทุกๆ ครั้งที่มีปัญหาผมก็จะปรึกษา "แม่" ซึ่งที่อยู่บ้านตลอด แม่เป็นคนที่ปากจัดด่าเก่งเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ใครค้านไม่ได้แม่ถูกเสมอ และแม่ผมเป็นคนที่เรียกได้ว่าทุกอย่างคือเงิน ไม่มีเงินทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรเงินต้องมาก่อน และนี่คือจุดเริ่มต้นปัญหาเพราะคำว่า"เงิน"
ผมเรียนจบทางด้านภาษาที่ 3 จบมาแล้วก็มีงานทำเงินเดือนสตาร์ทอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าๆ และผมก็ได้บอกแม่ทุกอย่างเกี่ยวกับงาน และในทุกๆ เดือน ผมจะต้องเอาเงินเดือนครึ่งนึงให้แม่ เพราะถ้า"ไม่ให้ครึ่งนึงของเงินเดือน" แม่ก็จะบอกว่าเป็นลูกอกตัญญู เป็นลูกเลวที่ไม่สำนึกบุญคุณที่เค้าเลี้ยงมา ซึ่งตรงนี้ผมไม่อยากให้แม่เพราะแม่ชอบเอาเงินไป "สั่งซื้อของตามรายการทีวี" สั่งมาจนล้นบ้านมีทั้งใช้และไม่ใช้บ้าง และเนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกลบ้านมาก จะต้องใช้ค่าเดินทางสูงซึ่งมันไม่พอ ผมก็ไปปรึกษาแม่หลายครั้งแต่คำตอบก็คือการด่าว่าไม่เคยเห็นใจพ่อแม่ จนผมหยุดที่จะเข้าไปปรึกษาเรื่องนี้และตัดสินใจมาหางานแถวบ้านเพื่อที่เงินจะได้พอใช้ และพอผมย้ายมาทำงานที่ใหม่ ซึ่งมันได้เงินสูงกว่าที่เดิมนิดหน่อยและอยู่ใกล้บ้าน แม่จึงร้องขอเอาเงินเพิ่มให้เรามีเก็บไว้แค่พอใช้ในแต่ละวันพอ
ซึ่งที่ทำงานที่ใหม่นี้ ผมทำมาได้สักพักนึงผมก็คิดว่าที่นี่มันไม่ได้ใช้ภาษาที่เราเรียนจบมา มันไม่พัฒนาศักยภาพที่เราจะเอาไปต่อยอดในอนาคต ผมจึงตัดสินใจไปปรึกษาแม่ และแม่ก็บอกว่าทำที่นี่ดีแล้ว เงินก็ดีโบนัสก็มีจะลาออกไปทำไมโง่หรือเปล่า ผมเลยแสดงความคิดของผมต่างๆ ให้แม่ฟัง อธิบายไปทุกๆ อย่าง ซึ่งคำตอบก็วนมาที่เดิมคือ เงินเดือนดีแล้วไม่ต้องออก ทำๆ ไปเหอะอย่าโง่ ไปที่อื่นก็ไม่ได้เงินเท่านี้แล้ว เชื่อแม่แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน ซึ่งมันไม่ใช่คำตอบที่ผมอยากจะรู้เลย ทำไมทุกอย่างต้องไปลงที่คำว่าเงิน ผมเป็นเด็กจบใหม่ไฟในการอยากเรียนรู้ผมมีมาก ผมอยากจะทำงานในที่ที่สามารถใช้ศักยภาพตัวเองให้เต็มที่เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่พูดไปก็สูญเปล่ามากครับ พอจะปรึกษาพ่อ พ่อเองก็มีอะไรก็ให้ไปถามแม่ ณ จุดนี้ผมจึงไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
มีครั้งนึงผมได้ลองถามแม่ว่าทำไมชอบซื้อของตามรายการทีวี ทำไมต้องใช้ของแบรนด์แพงๆ เราเก็บออมไว้ดีกว่าไหมหนี้เราก็มี คำตอบที่ได้ก็คือ กุอยากได้จะทำไม เงินก็เงินกุ ซึ่งแม่ไม่รับฟังความคิดเห็น เป็นที่ปรึกษาไม่ได้ เอาแต่ความสุขความสบายของตนเองในขณะที่ผมกับพ่อทำงานกันจนมืดค่ำเพื่อเอาเงินให้พอใช้ในแต่ละเดือน ผมอึดอัดมาก ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่รู้จะไปปรึกษาใคร บางครั้งก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง ทำงานมาครึ่งปีไม่มีเงินเก็บสักบาททั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ
อาจจะดูเป็นกระทู้ระบายความรู้สึก แต่อยากให้พ่อแม่ทุกคนรู้ไว้นะครับ บางทีลูกๆ ของคุณนั้นอาจจะมีปัญหาอยู่ในใจอยากปรึกษาอยากแสดงความคิดเห็น กรุณาให้คำปรึกษาที่เป็นกลางและรับฟังความคิดเห็น อย่าเอาเรื่องเงินมาเกี่ยวมองหาความสุขของลูกๆ ให้มากๆ นะครับ ความจนมันไม่น่ากลัวครับ สิ่งที่น่ากลัวคือ การไม่มีความสุขในครอบครัวครับ
ปล.ไม่รู้จะต้องแท็กห้องไหนบ้าง ถ้าแท็กผิดขออภัยครับ
นี่ใช่ไหมครับที่เรียกว่า "พ่อแม่รังแกฉัน"
อันนี้เป็นเรื่องราวของผมเองมันเป็นปัญหาครอบครัวเรื้อรังมานานที่ เด็กๆ อย่างผมอย่างไม่สามารถแสดงความคิดอะไรได้เลย มีปัญหาคาใจก็ปรึกษาไม่ได้แม้แต่คนที่เรียกว่า"พ่อแม่"ตัวเอง
ต้องขอบอกก่อนว่าบ้านผมนั้นมีฐานะปานกลาง บ้านต้องผ่อน หาเช้ากินค่ำ พ่อทำงานคนเดียวแม่อยู่บ้านมีลูก 4 คน เพราะฉะนั้นจะต้องประหยัดเพื่อให้ทั้งน้องๆ ได้ใช้ได้กินด้วย และทุกๆ ครั้งที่มีปัญหาผมก็จะปรึกษา "แม่" ซึ่งที่อยู่บ้านตลอด แม่เป็นคนที่ปากจัดด่าเก่งเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ใครค้านไม่ได้แม่ถูกเสมอ และแม่ผมเป็นคนที่เรียกได้ว่าทุกอย่างคือเงิน ไม่มีเงินทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรเงินต้องมาก่อน และนี่คือจุดเริ่มต้นปัญหาเพราะคำว่า"เงิน"
ผมเรียนจบทางด้านภาษาที่ 3 จบมาแล้วก็มีงานทำเงินเดือนสตาร์ทอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าๆ และผมก็ได้บอกแม่ทุกอย่างเกี่ยวกับงาน และในทุกๆ เดือน ผมจะต้องเอาเงินเดือนครึ่งนึงให้แม่ เพราะถ้า"ไม่ให้ครึ่งนึงของเงินเดือน" แม่ก็จะบอกว่าเป็นลูกอกตัญญู เป็นลูกเลวที่ไม่สำนึกบุญคุณที่เค้าเลี้ยงมา ซึ่งตรงนี้ผมไม่อยากให้แม่เพราะแม่ชอบเอาเงินไป "สั่งซื้อของตามรายการทีวี" สั่งมาจนล้นบ้านมีทั้งใช้และไม่ใช้บ้าง และเนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกลบ้านมาก จะต้องใช้ค่าเดินทางสูงซึ่งมันไม่พอ ผมก็ไปปรึกษาแม่หลายครั้งแต่คำตอบก็คือการด่าว่าไม่เคยเห็นใจพ่อแม่ จนผมหยุดที่จะเข้าไปปรึกษาเรื่องนี้และตัดสินใจมาหางานแถวบ้านเพื่อที่เงินจะได้พอใช้ และพอผมย้ายมาทำงานที่ใหม่ ซึ่งมันได้เงินสูงกว่าที่เดิมนิดหน่อยและอยู่ใกล้บ้าน แม่จึงร้องขอเอาเงินเพิ่มให้เรามีเก็บไว้แค่พอใช้ในแต่ละวันพอ
ซึ่งที่ทำงานที่ใหม่นี้ ผมทำมาได้สักพักนึงผมก็คิดว่าที่นี่มันไม่ได้ใช้ภาษาที่เราเรียนจบมา มันไม่พัฒนาศักยภาพที่เราจะเอาไปต่อยอดในอนาคต ผมจึงตัดสินใจไปปรึกษาแม่ และแม่ก็บอกว่าทำที่นี่ดีแล้ว เงินก็ดีโบนัสก็มีจะลาออกไปทำไมโง่หรือเปล่า ผมเลยแสดงความคิดของผมต่างๆ ให้แม่ฟัง อธิบายไปทุกๆ อย่าง ซึ่งคำตอบก็วนมาที่เดิมคือ เงินเดือนดีแล้วไม่ต้องออก ทำๆ ไปเหอะอย่าโง่ ไปที่อื่นก็ไม่ได้เงินเท่านี้แล้ว เชื่อแม่แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน ซึ่งมันไม่ใช่คำตอบที่ผมอยากจะรู้เลย ทำไมทุกอย่างต้องไปลงที่คำว่าเงิน ผมเป็นเด็กจบใหม่ไฟในการอยากเรียนรู้ผมมีมาก ผมอยากจะทำงานในที่ที่สามารถใช้ศักยภาพตัวเองให้เต็มที่เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่พูดไปก็สูญเปล่ามากครับ พอจะปรึกษาพ่อ พ่อเองก็มีอะไรก็ให้ไปถามแม่ ณ จุดนี้ผมจึงไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
มีครั้งนึงผมได้ลองถามแม่ว่าทำไมชอบซื้อของตามรายการทีวี ทำไมต้องใช้ของแบรนด์แพงๆ เราเก็บออมไว้ดีกว่าไหมหนี้เราก็มี คำตอบที่ได้ก็คือ กุอยากได้จะทำไม เงินก็เงินกุ ซึ่งแม่ไม่รับฟังความคิดเห็น เป็นที่ปรึกษาไม่ได้ เอาแต่ความสุขความสบายของตนเองในขณะที่ผมกับพ่อทำงานกันจนมืดค่ำเพื่อเอาเงินให้พอใช้ในแต่ละเดือน ผมอึดอัดมาก ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่รู้จะไปปรึกษาใคร บางครั้งก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง ทำงานมาครึ่งปีไม่มีเงินเก็บสักบาททั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ
อาจจะดูเป็นกระทู้ระบายความรู้สึก แต่อยากให้พ่อแม่ทุกคนรู้ไว้นะครับ บางทีลูกๆ ของคุณนั้นอาจจะมีปัญหาอยู่ในใจอยากปรึกษาอยากแสดงความคิดเห็น กรุณาให้คำปรึกษาที่เป็นกลางและรับฟังความคิดเห็น อย่าเอาเรื่องเงินมาเกี่ยวมองหาความสุขของลูกๆ ให้มากๆ นะครับ ความจนมันไม่น่ากลัวครับ สิ่งที่น่ากลัวคือ การไม่มีความสุขในครอบครัวครับ
ปล.ไม่รู้จะต้องแท็กห้องไหนบ้าง ถ้าแท็กผิดขออภัยครับ