สวัสดีครับ ผมเป็นชายรักชายคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านกระทู้ pantip ที่ติด #เพศที่สาม บ่อย ๆ และเห็นกระทู้ของชายรักชายหลายคนที่ต้องการคำแนะนำหรือหาทางออกเมื่อกำลังเจอ หรือต้องพบเจอกับเหตุการณ์ผิดหวังในความรัก ซึ่งแม้ผมจะไม่ได้ช่ำชองในเรื่องการอกหักมากมาย แต่จากประสบการณ์คนเคยผ่านความผิดหวังในความรักมาบ้าง ก็อยากแบ่งปันวิธีการบรรเทาความเจ็บปวดจากการเป็นคนที่ใช่ไม่พอให้ทราบนะครับ เผื่อจะช่วยใครหลาย ๆ คนได้บ้าง
จากประสบการณ์คนเคยอกหักและคนเคยถูกคนรัก ดับความฝัน ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งสำคัญข้อหนึ่งว่า สิ่งที่จะช่วยรักษาใจเราได้ดีที่สุดก็คือความคิดของเรานี่แหละครับ
ข้อแรก ผมอยากให้คุณเข้าใจและยอมรับความจริงหรือธรรมชาติของมนุษย์ข้อหนึ่งครับว่า มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดหรือเหมาะสมที่สุดให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ มือถือ หรืออาหาร เราก็มักจะเลือกชิ้นที่เราคิดว่าดีและเหมาะสมกับเรามากที่สุดเสมอใช่มั้ยครับ การเลือกคู่ครองก็เช่นกันครับ ใคร ๆ ก็ต้องการหาคนที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเองทั้งนั้น ซึ่งหากเราเข้าใจความจริงข้อนี้ ก็จะทำให้เรารู้จักเผื่อใจเวลารักใครสักคน เพราะหากวันหนึ่งเขาเจอคนที่ใช่กว่า เราก็จะกลายเป็นคนที่ใช่ไม่พอสำหรับเขาไปทันที และตราบใดที่โลกนี้ไม่ได้มีเพียงคุณกับเขา โอกาสที่เขาจะเจอคนที่ใช่กว่ามันก็เกิดได้เสมอครับ ดังนั้น การไปยึดติดหรือทุ่มเทกับคำว่ารักจนสุดหัวใจก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เราควรเผื่อใจไว้ให้กับอนาคตที่คาดเดาไม่ได้บ้าง อย่าเพิ่งไปเริ่มรักที่ 100 แต่ให้เริ่มจาก 0 เพราะยิ่งคุณเริ่มจากสูงเท่าไหร่ หากพลาดพลั้งตกลงมา ก็ยิ่งเจ็บเท่านั้นนะครับ
ข้อต่อมา หากวันนี้คุณรู้สึกว่ามันทรมานกับการผิดหวังในความรัก อยากให้ลองหาเพลงแนวอกหัก (ถ้ามี mv ด้วยยิ่งดีครับ) หรือคลิป หรือกะทู้ หรือข้อความที่บรรยายถึงการอกหักมาฟังหรืออ่านดูครับ ฟังแล้วอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาให้เต็มที่ ให้สุดหัวใจที่มันเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ ผมไม่ได้ต้องการซ้ำเติมความเจ็บปวดของคุณให้หนักลงไป แต่วิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีเพื่อนที่หัวอกเดียวกัน มีคนรับรู้และเข้าใจว่าความเจ็บปวดทรมานของคุณในขณะนั้นมันเป็นอย่างไร และที่สำคัญ คือ มันจะทำให้คุณเข้าใจความจริงอีกข้อว่า ไม่ใช่คุณเพียงคนเดียวที่พบเจอกับการอกหัก ใคร ๆ ก็เคยอกหักกันมาทั้งนั้น การอกหักจึงเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมาก และในเมื่อมันเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมเราต้องไปเสียเวลาหรือเสียใจกับมันมากขนาดนั้น ลองตั้งสติและกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า เราเกิดมาทำไม? เพื่อหาความสุขให้กับชีวิตไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงต้องมานั่งจมอยู่กับความทุกข์เพราะเรื่องธรรมดา ๆ แบบนี้ และที่อยากให้คุณคิดลึกไปกว่านั้น คือ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะมีชีวิตไปได้ถึงเมื่อไหร่ ดังนั้น เวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะอยู่กับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขก่อน ทิ้งสิ่งที่คิดว่าเป็นความทุกข์ไป ถึงแม้จะทำยาก แต่ถ้าไม่ลองทำ ความสำเร็จก็เท่ากับศูนย์นะครับ
ข้อสุดท้าย การจะลืมคนที่เรารัก ผมว่ามันยากที่จะทำได้ครับ แต่เราจะอยู่กับความคิดถึงอย่างไรให้มีความสุข ในสมัยเรียน ผมเคยแอบรักรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ผมไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่พอได้เจอเขาครั้งแรก ใจผมมันก็รู้สึกรักเขาขึ้นมาเฉย ๆ และผมมั่นใจว่ามันคือความรักจริง ๆ ไม่ใช่ความหลง แต่ความจริงที่ผมต้องยอมรับในตอนนั้น คือ ผมเกิดมาเป็นเพศชาย และพี่เขาไม่ได้ชอบเพศชายครับ สิ่งเดียวที่ผมทำได้จึงแค่การแอบมองเขาอยู่ห่าง ๆ ไม่เคยเข้าไปทักทายหรือพูดคุยกับเขาเลยสักครั้ง แต่เมื่อได้เห็นหน้าเขาทีไรมันก็มีความสุขทุกครั้ง จนผ่านไป 3 ปีพี่เขาเรียนจบ และจนถึงตอนนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปี ได้ข่าวว่าเขามีครอบครัวไปแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมเขา และยังคงมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงเขาครับ
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ กฎของการเป็นคนที่ใช่ไม่พอ หรือรักเขาข้างเดียว คือ เราต้องวางหัวใจไว้นอกขอบเขตของคำว่า "ต้องการได้มาครอบครอง" ครับ เราสามารถรักเขาได้ แต่ต้องเป็นความรักเพื่อการให้ เพื่อการเสียสละ ไม่ใช่รักเพื่อหวังครอบครองครับ ดังนั้น ในเมื่อความสุขของคนที่เรารัก คือเขาต้องการหยุดความเป็นเรา คุณก็ต้องหยุดคิดที่จะครอบครองเขา และทำให้เขารู้สึกว่า เรายินดีที่จะเสียสละให้เขาไปเจอคนที่ใช่กว่า มันอาจจะดูเป็นนางเอกแม่พระ ใจกว้าง โลกสวยนะครับ แต่การปล่อยเขาไปก็ทำให้เราเหนื่อยและเจ็บน้อยกว่าการยื้อไว้ไม่ใช่หรอครับ
อย่าไปลังเลกับคำว่า "ก็เหมือนจะยังมีใจ" เพราะถ้าเขารักเราจริง หรือเราคือคนที่ใช่สำหรับเขาจริง เขาจะต้องชัดเจนกับเราตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกับที่คุณชัดเจนกับเขา ดังนั้น ยิ่งเขาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนเท่านั้นครับว่า เขาไม่ได้จะหยุดที่เราหรือจะเลือกเรา เป็นคนสุดท้าย แต่ที่เขายังติดต่อหรือมีสัมพันธ์กับเราอยู่ เพราะเขายังหาคนที่ใช่ที่สุดไม่เจอเท่านั้น และถ้าวันไหนเขาหาเจอ คุณก็อาจจะกลายเป็นคนไม่มีตัวตนสำหรับเขาไปเลยก็ได้นะครับ ดังนั้น ยิ่งถอยออกมาเร็วเท่าไหร่แผลในใจคุณก็จะยิ่งหายเร็วขึ้นเท่านั้นครับ
ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า นี่เป็นการแบ่งปันแนวคิดที่ผมนำมาใช้กับตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันช่วยรักษาใจเราให้ดีขึ้นได้ ซึ่งหวังว่ามันจะมีประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนที่อยู่ในภาวะอกหักได้ไม่มากก็น้อยครับ
สู้ ๆ ครับ ^^
จดหมายจากคนเคยเจ็บ
จากประสบการณ์คนเคยอกหักและคนเคยถูกคนรัก ดับความฝัน ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งสำคัญข้อหนึ่งว่า สิ่งที่จะช่วยรักษาใจเราได้ดีที่สุดก็คือความคิดของเรานี่แหละครับ
ข้อแรก ผมอยากให้คุณเข้าใจและยอมรับความจริงหรือธรรมชาติของมนุษย์ข้อหนึ่งครับว่า มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดหรือเหมาะสมที่สุดให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ มือถือ หรืออาหาร เราก็มักจะเลือกชิ้นที่เราคิดว่าดีและเหมาะสมกับเรามากที่สุดเสมอใช่มั้ยครับ การเลือกคู่ครองก็เช่นกันครับ ใคร ๆ ก็ต้องการหาคนที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเองทั้งนั้น ซึ่งหากเราเข้าใจความจริงข้อนี้ ก็จะทำให้เรารู้จักเผื่อใจเวลารักใครสักคน เพราะหากวันหนึ่งเขาเจอคนที่ใช่กว่า เราก็จะกลายเป็นคนที่ใช่ไม่พอสำหรับเขาไปทันที และตราบใดที่โลกนี้ไม่ได้มีเพียงคุณกับเขา โอกาสที่เขาจะเจอคนที่ใช่กว่ามันก็เกิดได้เสมอครับ ดังนั้น การไปยึดติดหรือทุ่มเทกับคำว่ารักจนสุดหัวใจก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เราควรเผื่อใจไว้ให้กับอนาคตที่คาดเดาไม่ได้บ้าง อย่าเพิ่งไปเริ่มรักที่ 100 แต่ให้เริ่มจาก 0 เพราะยิ่งคุณเริ่มจากสูงเท่าไหร่ หากพลาดพลั้งตกลงมา ก็ยิ่งเจ็บเท่านั้นนะครับ
ข้อต่อมา หากวันนี้คุณรู้สึกว่ามันทรมานกับการผิดหวังในความรัก อยากให้ลองหาเพลงแนวอกหัก (ถ้ามี mv ด้วยยิ่งดีครับ) หรือคลิป หรือกะทู้ หรือข้อความที่บรรยายถึงการอกหักมาฟังหรืออ่านดูครับ ฟังแล้วอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาให้เต็มที่ ให้สุดหัวใจที่มันเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ ผมไม่ได้ต้องการซ้ำเติมความเจ็บปวดของคุณให้หนักลงไป แต่วิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีเพื่อนที่หัวอกเดียวกัน มีคนรับรู้และเข้าใจว่าความเจ็บปวดทรมานของคุณในขณะนั้นมันเป็นอย่างไร และที่สำคัญ คือ มันจะทำให้คุณเข้าใจความจริงอีกข้อว่า ไม่ใช่คุณเพียงคนเดียวที่พบเจอกับการอกหัก ใคร ๆ ก็เคยอกหักกันมาทั้งนั้น การอกหักจึงเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมาก และในเมื่อมันเป็นเรื่องธรรมดา ทำไมเราต้องไปเสียเวลาหรือเสียใจกับมันมากขนาดนั้น ลองตั้งสติและกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า เราเกิดมาทำไม? เพื่อหาความสุขให้กับชีวิตไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงต้องมานั่งจมอยู่กับความทุกข์เพราะเรื่องธรรมดา ๆ แบบนี้ และที่อยากให้คุณคิดลึกไปกว่านั้น คือ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะมีชีวิตไปได้ถึงเมื่อไหร่ ดังนั้น เวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะอยู่กับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขก่อน ทิ้งสิ่งที่คิดว่าเป็นความทุกข์ไป ถึงแม้จะทำยาก แต่ถ้าไม่ลองทำ ความสำเร็จก็เท่ากับศูนย์นะครับ
ข้อสุดท้าย การจะลืมคนที่เรารัก ผมว่ามันยากที่จะทำได้ครับ แต่เราจะอยู่กับความคิดถึงอย่างไรให้มีความสุข ในสมัยเรียน ผมเคยแอบรักรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ผมไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่พอได้เจอเขาครั้งแรก ใจผมมันก็รู้สึกรักเขาขึ้นมาเฉย ๆ และผมมั่นใจว่ามันคือความรักจริง ๆ ไม่ใช่ความหลง แต่ความจริงที่ผมต้องยอมรับในตอนนั้น คือ ผมเกิดมาเป็นเพศชาย และพี่เขาไม่ได้ชอบเพศชายครับ สิ่งเดียวที่ผมทำได้จึงแค่การแอบมองเขาอยู่ห่าง ๆ ไม่เคยเข้าไปทักทายหรือพูดคุยกับเขาเลยสักครั้ง แต่เมื่อได้เห็นหน้าเขาทีไรมันก็มีความสุขทุกครั้ง จนผ่านไป 3 ปีพี่เขาเรียนจบ และจนถึงตอนนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปี ได้ข่าวว่าเขามีครอบครัวไปแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมเขา และยังคงมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงเขาครับ
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ กฎของการเป็นคนที่ใช่ไม่พอ หรือรักเขาข้างเดียว คือ เราต้องวางหัวใจไว้นอกขอบเขตของคำว่า "ต้องการได้มาครอบครอง" ครับ เราสามารถรักเขาได้ แต่ต้องเป็นความรักเพื่อการให้ เพื่อการเสียสละ ไม่ใช่รักเพื่อหวังครอบครองครับ ดังนั้น ในเมื่อความสุขของคนที่เรารัก คือเขาต้องการหยุดความเป็นเรา คุณก็ต้องหยุดคิดที่จะครอบครองเขา และทำให้เขารู้สึกว่า เรายินดีที่จะเสียสละให้เขาไปเจอคนที่ใช่กว่า มันอาจจะดูเป็นนางเอกแม่พระ ใจกว้าง โลกสวยนะครับ แต่การปล่อยเขาไปก็ทำให้เราเหนื่อยและเจ็บน้อยกว่าการยื้อไว้ไม่ใช่หรอครับ
อย่าไปลังเลกับคำว่า "ก็เหมือนจะยังมีใจ" เพราะถ้าเขารักเราจริง หรือเราคือคนที่ใช่สำหรับเขาจริง เขาจะต้องชัดเจนกับเราตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกับที่คุณชัดเจนกับเขา ดังนั้น ยิ่งเขาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนเท่านั้นครับว่า เขาไม่ได้จะหยุดที่เราหรือจะเลือกเรา เป็นคนสุดท้าย แต่ที่เขายังติดต่อหรือมีสัมพันธ์กับเราอยู่ เพราะเขายังหาคนที่ใช่ที่สุดไม่เจอเท่านั้น และถ้าวันไหนเขาหาเจอ คุณก็อาจจะกลายเป็นคนไม่มีตัวตนสำหรับเขาไปเลยก็ได้นะครับ ดังนั้น ยิ่งถอยออกมาเร็วเท่าไหร่แผลในใจคุณก็จะยิ่งหายเร็วขึ้นเท่านั้นครับ
ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า นี่เป็นการแบ่งปันแนวคิดที่ผมนำมาใช้กับตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันช่วยรักษาใจเราให้ดีขึ้นได้ ซึ่งหวังว่ามันจะมีประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนที่อยู่ในภาวะอกหักได้ไม่มากก็น้อยครับ
สู้ ๆ ครับ ^^