หลังจากชมเกม u23 ไทย เล่นกับญี่ปุ่นแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับ2ปีก่อนในชุดชนาธิป
ต้องยอมรับว่า ชุดปัจจุบัน น่าดูแค่การเล่นของ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ เพียงคนเดียว
เพราะตลอดทั้งเกม เราจะไม่ได้ลุ้นอะไรมากมาย เพราะเอาแต่ป้องกันอย่างเดียว
แต่ก็เพราะป้องกันนี่แหละ เลยทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัว จักรกฤษณ์ ตอนเล่น u19 ค่อนข้างเยอะมาก
คือเขาสามารถเอาชนะผู้เล่นญี่ปุ่นได้อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนอื่นไม่แสดงให้เห็นว่าทำได้
เขารู้จักวิธีแก้เพลส รอจังหวะเตะลอดขา กระชากหนีแล้วเปิดบอล
สิ่งเหล่านี้ทำได้บ่อยมาก จนผมคิดว่า เขาเล่นดีกว่าผู้เล่นญี่ปุ่นนะ
คงเกิดจากการที่เขาไปเล่นญี่ปุ่น ทำให้รู้ว่า จะต้องเล่นกับผู้เล่นญี่ปุ่นอย่างไร ถึงจะเอาชนะได้
เคยมีคนพูดว่า ให้คนไทยยอมรับเถอะ ว่าเราไม่มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลเหมือนชาติอื่น
หลายคนเห็นด้วย โดยเฉพาะตอนที่ทีมชาติเราแพ้พวก ท้อป4ของเอเชีย
แต่ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง ทำไม ฟุตซอล เราถึงอยู่แนวหน้าได้
และก็กรณี จักรกฤษณ์ นี่ ทำไมสู้ได้สบาย
แสดงว่า มันไม่เกี่ยวกับ กรรมพันธุ์ ดีเอ็นเอ พรสวรรค์แต่กำเนิด
มันอยู่ที่การได้เล่นกับผู้เล่นที่มีมาตรฐานสูง ทำให้เราอัพเกรดได้เท่าเขา
และที่คนพูดว่า ต้องส่งผู้เล่นไปเล่นในลีกระดับสูงในต่างประเทศ จะทำให้พัฒนาเร็วมาก ก็คงจะจริง
และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็วด้วย
เพราะกว่าจะรอลีกในประเทศไทยพัฒนา มันคงกินเวลานับ 10 ปี เหมือนที่นายกสมาคมบอกให้แฟนบอลอดใจรอ
สุดท้าย อยากพูดถึง u23 ชุดนี้ เทียบกับชุดก่อน ชุดนี้จะมีตัวของชุดก่อนอยู่ด้วยเมื่อ2ปีก่อน เช่น เจนรบ ณัฐวุฒิ วรชิต(ถ้าจำไม่ผิด)
นอกนั้นก็มาจากชุด u19 ก็ตีว่า ความสามารถของนักบอลชุดนี้ เอามาเทียบกับ ชุดที่แล้วไม่ได้
แต่ที่เปรียบเทียบได้แน่นอน ก็คือ การวางแผนของโค้ช
ผลจากการวางแผนของโค้ช ก็คือ ตกรอบแรกเหมือนกันทั้งคู่
แต่ชุดเก่าผมดูสนุกกว่านะ บางครั้งก็มาคิดถึง แนวความคิดของหลายคน เมื่อปีที่แล้ว ที่บอกว่า
ไทยเราไประดับเอเชีย ต้องเล่นรับแล้วโต้ ผมก็ดูมาปีหนึ่งแล้ว มันก็เหมือนจะดีนะ ที่เสียประตูน้อย
และเวลาโต้ ก็มีลุ้นประตู แต่ดูไปดูมา เห็นว่าแนวนี้ ระยะยาว ไม่น่าจะก้าวหน้าไปได้ไกลในทักษะด้านฟุตบอล
สมาคมน่าจะลองพิจารณา คิดค้นไทยแลนด์เวย์แบบใหม่ดีกว่า
เพราะรับแล้วโต้ ลุ้นได้แค่เสมอกับแพ้ พอมันแพ้มากขึ้น ๆ ขอกลับไปแข่งแบบ หมูไม่กลัวน้ำร้อนดีกว่า อย่างน้อยก็ดูสนุกกว่า
จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์
ต้องยอมรับว่า ชุดปัจจุบัน น่าดูแค่การเล่นของ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ เพียงคนเดียว
เพราะตลอดทั้งเกม เราจะไม่ได้ลุ้นอะไรมากมาย เพราะเอาแต่ป้องกันอย่างเดียว
แต่ก็เพราะป้องกันนี่แหละ เลยทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัว จักรกฤษณ์ ตอนเล่น u19 ค่อนข้างเยอะมาก
คือเขาสามารถเอาชนะผู้เล่นญี่ปุ่นได้อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนอื่นไม่แสดงให้เห็นว่าทำได้
เขารู้จักวิธีแก้เพลส รอจังหวะเตะลอดขา กระชากหนีแล้วเปิดบอล
สิ่งเหล่านี้ทำได้บ่อยมาก จนผมคิดว่า เขาเล่นดีกว่าผู้เล่นญี่ปุ่นนะ
คงเกิดจากการที่เขาไปเล่นญี่ปุ่น ทำให้รู้ว่า จะต้องเล่นกับผู้เล่นญี่ปุ่นอย่างไร ถึงจะเอาชนะได้
เคยมีคนพูดว่า ให้คนไทยยอมรับเถอะ ว่าเราไม่มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลเหมือนชาติอื่น
หลายคนเห็นด้วย โดยเฉพาะตอนที่ทีมชาติเราแพ้พวก ท้อป4ของเอเชีย
แต่ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง ทำไม ฟุตซอล เราถึงอยู่แนวหน้าได้
และก็กรณี จักรกฤษณ์ นี่ ทำไมสู้ได้สบาย
แสดงว่า มันไม่เกี่ยวกับ กรรมพันธุ์ ดีเอ็นเอ พรสวรรค์แต่กำเนิด
มันอยู่ที่การได้เล่นกับผู้เล่นที่มีมาตรฐานสูง ทำให้เราอัพเกรดได้เท่าเขา
และที่คนพูดว่า ต้องส่งผู้เล่นไปเล่นในลีกระดับสูงในต่างประเทศ จะทำให้พัฒนาเร็วมาก ก็คงจะจริง
และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็วด้วย
เพราะกว่าจะรอลีกในประเทศไทยพัฒนา มันคงกินเวลานับ 10 ปี เหมือนที่นายกสมาคมบอกให้แฟนบอลอดใจรอ
สุดท้าย อยากพูดถึง u23 ชุดนี้ เทียบกับชุดก่อน ชุดนี้จะมีตัวของชุดก่อนอยู่ด้วยเมื่อ2ปีก่อน เช่น เจนรบ ณัฐวุฒิ วรชิต(ถ้าจำไม่ผิด)
นอกนั้นก็มาจากชุด u19 ก็ตีว่า ความสามารถของนักบอลชุดนี้ เอามาเทียบกับ ชุดที่แล้วไม่ได้
แต่ที่เปรียบเทียบได้แน่นอน ก็คือ การวางแผนของโค้ช
ผลจากการวางแผนของโค้ช ก็คือ ตกรอบแรกเหมือนกันทั้งคู่
แต่ชุดเก่าผมดูสนุกกว่านะ บางครั้งก็มาคิดถึง แนวความคิดของหลายคน เมื่อปีที่แล้ว ที่บอกว่า
ไทยเราไประดับเอเชีย ต้องเล่นรับแล้วโต้ ผมก็ดูมาปีหนึ่งแล้ว มันก็เหมือนจะดีนะ ที่เสียประตูน้อย
และเวลาโต้ ก็มีลุ้นประตู แต่ดูไปดูมา เห็นว่าแนวนี้ ระยะยาว ไม่น่าจะก้าวหน้าไปได้ไกลในทักษะด้านฟุตบอล
สมาคมน่าจะลองพิจารณา คิดค้นไทยแลนด์เวย์แบบใหม่ดีกว่า
เพราะรับแล้วโต้ ลุ้นได้แค่เสมอกับแพ้ พอมันแพ้มากขึ้น ๆ ขอกลับไปแข่งแบบ หมูไม่กลัวน้ำร้อนดีกว่า อย่างน้อยก็ดูสนุกกว่า