สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนนนนนน
(ไหว้สวยมาก ยังกะคนจะไปแข่งมารยาทไทยแหน่ะ) ฮ่าๆๆๆ
หลังจากที่กลับมาจากวังเวียง(ตั้งนานแล้ว) วันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีสักที ที่จะมาเล่าประสบการณ์การเที่ยวต่างประเทศแบบฉายเดี่ยวให้เพื่อนๆได้อ่านกัน นี่เป็นกระทู้เล่าประสบการณ์ครั้งแรกของเรา นักศึกษาชั้นปีที่3 อายุ20ปี ที่เดินทางไปกับกระเป๋าเป้หนึ่งใบกับใจหนึ่งดวงและถ่ายรูปจากกล้องมือถือHuaweiP10ของเธอ กระทู้นี้จะเน้นเล่าในสิ่งที่เราไปเจอมา ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพระหว่างทาง ความสวยงามของวังเวียงและอื่นๆ อาจจะมีเนื้อบ้าง น้ำบ้าง ไม่มีอะไรเลยบ้างก็อย่าว่ากันเน้อะ แฮ่ๆ ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเล้ยยยยยยย
เริ่มยัง อ่ะ เริ่มเลยนะ (คุยกับตัวเอง5555) ขอท้าวความก่อนเน้อะ คืองี้ช่วงปลายๆเดือนตุลาคม 2560 เราเห็นโพสต์รีวิววังเวียงในFacebook เยอะมาก ตอนนั้นคือนั่งอ่าน นอนอ่าน ตีลังกาอ่าน (เยอะไปๆ) แล้วแบบกรี๊ดดดดดดดดดด สวย น่าไปสุดๆ เลยจับปฎิทินมาดู (เดือนพฤศจิกา-ต้นธันวามคมก็ไปไต้หวัน) แต่วันหยุดปีใหม่นี่แหละน่าจะเหมาะสุดแล้ว จึงนับ 1 2 3 ในใจแล้วทักแชทเพื่อนไปทันที
เรา: ๆ ปีใหม่นี้ไปเที่ยววังเวียงกันมั้ย (พร้อมกับเล่าความน่าสนใจของวังเวียงแบบโอเว่อร์ๆให้เพื่อนฟัง)
เพื่อน1: ไม่มีเงิน
เพื่อน2: จะกลับบ้าน
เพื่อน3: ไม่ชอบเที่ยวแนวนี้
โอเคคคคคคคคค๊ ไม่มีใครไปใช่มั้ย ด๊ายยย ด้วยความที่เราอยากไปมากๆ ไม่สนหินสนแดดใดใดทั้งสิ้น เราก็เลยนับ 1 2 3 ในใจอีกครั้ง (ทำไมต้อง123 เออช่างเหอะ ฮ่าๆ) แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ 1624 แล้วกดโทรไปจองตั๋วกับนครชัยแอร์ทันที
วันที่ 31 ตุลาคม 2560
ด้วยความที่ปีใหม่คนเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันเยอะเรากลัวว่ารถจะเต็มก่อน ก็เลยรีบโทรไปจอง
พนง: "ลูกค้าจองตั๋วแบบไปกลับ กรุงเทพฯ-อุดรธานีนะคะ เดินทางไปวันที่ 30 ธันวา เดินทางกลับ 2 มกรา รวมยอดที่ต้องชำระ 862 บาท(นี่คือราคาสมาชิก) ลูกค้าสามารถชำระได้ที่เซเว่นสาขาใกล้บ้าน ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ" (ประมาณนี้) ใช้บริการนครชัยแอร์ทุกครั้งประทับใจทุกครั้ง (ปรบมือจ้าาา)
*จริงๆแล้ว เราสามารถไปจองตั๋วได้ที่เซเว่นเลยเด้อ คือสะดวกมากๆ (พร้อมกับเสียค่าบริการด้วยจ้า 10 บาท)
และแล้ววันเวลาก็ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จนถึงใกล้วันที่จะต้องเดินทาง เอาหล่ะสิ เริ่มหวั่นไหว เริ่มกลัว นี่เราจะไปคนเดียวจริงๆหรอ? เลยถามเพื่อนอีกครั้งว่าพวกจะปล่อยให้ตรูไปคนเดียวจริงๆหรอฟร๊ะ?? คำตอบของเพื่อนๆก็ยังเป็นเหมือนเดิม เราก็เลยนอนอ่านกระทู้รีวิวของชาวบ้านเพื่อปลุกใจอีกครั้ง สำเร็จ !
วันที่ 29 ธันวาคม 2560
ในเมื่อเสียเงินจองตั๋วรถทัวร์ไปแล้ว เราก็ต้องไปให้สุด (โลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าหน้าเราแล้วแหละ) ฮ่าาาาา
เราคิด(เอาเอง)ว่าปีใหม่ต้องมีคนไปเที่ยววังเวียงเยอะแน่ๆ กลัวไปต่อแถวซื้อที่ บขส. อุดรไม่ทัน ก็เลยตรงดิ่งไปที่เซเว่น
เรา: จองตั๋วของ บขสค่ะ ปลายทางวังเวียง (ต้องเลือกต้นทางอุดรแล้วปลายทางอะไรสักอย่าง) โอเคยังมีที่ว่างให้เราอีกเยอะ เมื่อจองที่นั่งแล้วก็จ่ายเงินค่ะ ค่าตั๋ว 320 บวกค่าบริการอีก 10 บาท สบายใจเลยทีนี้ มีรถไปวังเวียงแล้วโว้ยยยยยยยยยยย
แล้วเราก็กลับหอมาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า(กระเป๋าใบเดียวก็เที่ยวได้ไม่ยุ่งยาก)
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. พาสปอร์ต (สำคัญที่สุด)
2. ปากกา (เอาไว้เขียนใบข้าเข้า-ขาออก)
3. เสื้อผ้า (เราไปเที่ยวครับ ไม่ได้ย้ายบ้านไม่ต้องหอบไปเยอะ)
4. ของใช้ที่จำเป็น (เครื่องสำอางค์+ยาโรคประจำตัว ฯลฯ)
5. ความพร้อมของร่างกาย (เพราะกิจกรรมมันส์ๆ รอเราเพียบเลย)
6. รอยยิ้ม (แล้วคุณจะได้มิตรภาพกลับมาอย่างล้นเหลือม เอ้ย ล้นหลาม) พ่ามพาม
วันที่ 30 ธันวาคม 2560
เอาหล่ะ! ได้เวลาแล้ว เราไปขึ้นรถที่ศูนย์นครชัยแอร์ รถออก 20:45 ขึ้นรถได้ก็หลับกันไปยาวๆจ้า
วันที่ 31 ธันวาคม 2560
เราไปถึง บขส.เก่าอุดร ตอนตี5 (จากรีวิวอื่นๆ บอกว่าพอลงจากรถปุ๊บให้เลี้ยวซ้ายจะเจอช่องขายตั๋วเวียงจันทร์ - วังเวียง) แต่ช่องขายตั๋วเปิด 7 โมง ด้วยความที่เราจองตั๋วแล้วก็ไม่ได้กังวลอะไร เราก็ชิลๆ ไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินเล่นรอบๆ บขส. ตัวคนเดียวอ่ะเน้อะ ว่างไปอีกกกกก แล้วสายตาอันเฉียบคมของเราก็มองเห็น(บขส.ตามรูป) เราสามารถเอาใบเสร็จที่เราจ่ายกับทางเซเว่นไปเปลี่ยนเป็นตั๋วได้ที่นี่เลยเด้อ
ตั๋วก็จะเป็นแบบนี้ พี่พนักงานบอกว่าสามารถมาซื้อตั๋วที่นี่ได้เลย เพราะตรงช่องขายตั๋วในบขส.คอมพิวเตอร์พัง?? สรุปง่ายๆก็คือ ถ้าทุกคนกลัวรถเต็ม และไม่อยากมายืนต่อคิวซื้อตั๋ว ก็สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ที่เซเว่นแล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงที่นี่ได้ สะดวกสบายยกันไป โอเคเมื่อทำอะไรเสร็จแล้ว กว่ารถจะมาก็ 08:30 เราไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า
เขาบอกว่ามาถึงอุดรต้องกินไข่กระทะ (เขานี่ใคร??) ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ในเมื่อเรามาถึงอุดรและมีเวลามากพอ เราก็จะไปกิน (ฮ่าาาๆๆๆ) และแล้วการตามล่าหาไข่กระทะก็เกิดขึ้น มองซ้ายมองขวาอยู่นานไม่เจอสักที พี่ๆวินก็ถามว่าจะไปไหนด้วยความเป็นมิตร เราเลยตัดสินใจถาม "พี่คะ ร้านไข่กระทะไปยังไง?" พี่วินผู้หญิงก็ใจดี อาสาเดินไปส่งถึงร้าน (คนอุดรน่ารักมากๆเด้อ) และในที่สุดเราก็ได้กินไข่กระทะอุดรสมใจอยาก กับโกโก้ร้อนหนึ่งแก้ว เสียหายไป 30+15 บาท ทีนี้แบตโทรศัพท์เราก็จะหมด เลยขอป้าชาร์ตแบตป้าขายไข่กระทะก็ใจดีอนุญาตให้เราชาร์ตได้ งื้อออ ปลื้มใจ นี่แหละเสน่ห์ของคนอุดร ทั้งน่ารัก พูดเพราะ แล้วก็ใจดี

เมื่อเราอิ่มแล้วก็กลับไปนั่งรอรถที่ชานชาลา14 (นั่งมองซ้ายที ขวาที) ใครยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ แล้วมีป้าคนนึงดูท่าทางใจดี เราก็เลยชวนป้าคุยก่อน (ก็เค้าเหงา) ป้าก็คุยด้วย แล้วป้าก็ถามว่าจะไปไหน เราก็บอกว่าไปวังเวียง พอป้ารู้ว่าไปคนเดียวป้าก็ชมว่าเก่งเน้อะ เป็นผู้หญิงกล้าไปคนเดียวแล้วก็บอกให้ดูแลตัวเอง ขอบคุณมากนะงับป้า ^ ^ แท่น แท่น แท๊นนนนน และในที่สุดรถไปวังเวียงก็มาถึงสักที

ขึ้นรถกันเลยจ้า นั่งตามเลขที่นั่งเลยเด้ออ รถนี้จะเริ่มรับคนที่อุดร และจอดรับคนที่หนองคาย

พอเราขึ้นรถเสร็จพนักงานก็จะเดินมาแจกใบขาเข้าขาออกให้เรา(ห้ามทำหายนะจ๊ะ) ทีนี้แหละปากกาแท่งละ5บาทที่เราซื้อมาจะได้ใช้งานสักที เย้ๆ

ลืมเล่า ขอเม้าท์นิดนึง
คือก่อนที่เราจะเดินทาง เราได้ตั้งกระทู้ถามว่าไปเที่ยววังเวียงคนเดียวควรเตรียมตัวยังไงบ้าง แล้วก็มีพี่คนนึงมาคอมเม้นท์ว่าไปวันเดียวกันเลย พี่เขาก็ไปคนเดียวเหมือนกัน แล้วพี่ก็ทิ้งไอดีไลน์ไว้ (ทีแรกก็นึกว่าพี่ชาย) เราเลยตัดสินใจนานอยู่กว่าจะแอดไป พอแอดไปแล้วได้คุย มันบังเอิญมากพี่เขานั่งรถคันเดียวกันกับเรา ชื่อว่าพี่เอ(และเป็นพี่สาวด้วย กรี๊ดสิคะ) และมีพี่อีกคนนึงเป็นผู้หญิง นั่งข้างๆเรา(แต่มีทางเดินคั่นอยู่) พี่เขาก็มาคนเดียวเหมือนกัน ด้วยความที่เราเป็นเด็กกว่า เราก็เริ่มที่จะทักก่อน "พี่มาคนเดียวหรอคะ?" "อ๋อ ใช่ๆ" หลังจากนั้นก็คุยกัน แล้วก็ได้รู้ว่าพี่เขาชื่อเอ้ (โอ้โหหห นี่คอบครัวตัว อ ป่าว) คนตัว อ โคจรมาพบกัน (เอ เอ้ อ้อย(เราชื่ออ้อย)) หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว หลังจากนั้นเราสามคนเวลาลงไปไหนก็ไปด้วยกัน (มีเพื่อนแล้วโว้ยยย) เชื่อสิ แค่เรารู้จักเข้าหาคนอื่นก่อน เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง ยิ้มๆ

มาต่อนี่คือด่านแรก ด่านนี้เอาแค่พาสปอร์ตลงไป(เพราะเป็นด่านขาออกจากประเทศไทย) **เตรียมเงิน 5 บาทด้วย คือไม่ต้องกังวลเพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำเราอยู่แล้ว และไม่ต้องกลัวว่าเราจะตกรถ เพราะพนักงานและคนขับรถจะดูแลเราตลอดการเดินทางดั่งญาติสนิทมิตรสหายกันเลยทีเดียว(จริงๆนะ) และที่สำคัญเลยอย่าลืมให้เจ้าหน้าที่ประทับตราลงในพาสปอร์ตของเราด้วยนาจา เดี๋ยวข้ามไปฝั่งลาวบ่ได้เด้อ
โอเค เสร็จจากด่านไทยแล้วก็ไปต่อที่อีกหนึ่งด่าน และก่อนที่จะถึงด่านเราต้องกรอกข้อมูลของเราให้เรียบร้อย พอดีลุงที่นั่งข้างๆเรา เขาเป็นคนไทยที่มีครอบครัวอยู่ที่วังเวียง ลุงเลยแนะนำเราว่า ไม่ต้องไปกรอกอะไรเยอะ กรอกชื่อนามสกุลแล้วก็ตามพาสปอร์ตเลย **รอบนี้เตรียมเงินไปด้วย 50 บาท และที่สำคัญเอาทั้งพาสปอร์ตและใบขาเข้าลงไปด้วย (ว๊ายยย พาสปอร์ตดิฉันเก่ามาก) แฮ่ๆๆ

พอลงไปเดี๋ยวพนักงานขับรถจะแนะนำเราเองว่าต้องทำยังไงบ้าง จริงๆก็ไปยื่นตรวจเอกสารคนเข้าเมืองก่อน (ไปยืนต่อแถวนั่นแหละ) ตรงนี้ๆ

แล้วก็ข้ามถนนไปทางขวามือ เพื่อซื้อบัตร(เหมือนBTS) เพื่อข้ามฝั่งไปยังประเทศลาวอย่างเต็มตัว
50 บาทที่บอกให้เตรียมมา ก็เพื่อจะมาจ่ายตรงนี้แหละจ้า อ้อ ! จะจ่ายเงินบาทหรือเงินกีบก็ได้เด้อ แต่เตรียมไปให้พอดีจะดีสุด ไม่งั้นอาจเป็นเหมือนเราที่จ่ายแบงค์ 500 แล้วลืมเอาเงินทอน (ความเอ๋อของดิฉันมาแล้วค่าาาา รู้ตัวอีกทีก็ถึงวังเวียงแล้วอ่ะ เสียใจมากกกก) และที่ด่านนี้ก็จะมีจุดให้เราแลกเงิน เรทอยู่ที่ 1 บาท = 239 กีบ (เราแลก2000บาทได้มา500,000กว่ากีบ) ถ้ามีเวลามากพอก็แลกได้นะ แต่ถ้าคนขับรถบอกว่าอย่าพึ่งแลกก็คืออย่าพึ่งแลกเน้อะ เพราะข้างในก็มีร้านรับแลกเงินเหมือนกัน เรทก็พอๆกัน จริงๆใช้เงินไทยก็ได้นะ แต่ใช้เงินกีบจะดีกว่า (เอ๊าา พูดเพื่อ?) โอเคจ้า เมื่อเสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถกัน บอกแล้วว่ารถคันนี้ถ้าคนไม่ครบเขาจะไม่ออกเดินทางเด็ดขาด! ประทับใจจริงๆจ้า
สบายดี

(ทักทายแบบคนลาว) เมื่อเข้ามาประเทศลาวอย่างเต็มตัวแล้วสัญญาณมือถือเราก็จะหายไปในทันที (เนี่ยยยยยย) ว่าไม่ได้เด้อ นี่ฉันมาเที่ยวต่างประเทศเด้อ ไม่มีพาสปอร์ตก็ไปวังเวียงไม่ได้เด้อ ฮ่าๆ หลังจากนี้แหละ ทุกคนก็จะได้เห็น ได้สัมผัส ถึงกลิ่นไอของความบ้านๆ ของประเทศลาว (เส้นทางที่เรากำลังนั่งรถอยู่นี้เหมือนต่างจังหวัดเมื่อ 10 20 ปีที่แล้วบ้านเราเลย) มีทุ่งนา ถนนดินแดง(สลับคอนกรีต) ฝุ่นฟุ้งกระจาย หลังคาแดง รถแดง ใบไม้ยังสีแดงอ่ะคิดดู และหลุมก็จะเยอะๆหน่อย แต่ด้วยความบ้านๆก็ดูน่ารักไปอีกแบบ (รู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาน้ำตาก็ไหล) ฮือออ และระหว่างทางนี้ลุงที่นั่งข้างๆเรา ก็ชวนคุย เล่านู่นเล่านี่ให้ฟัง ทำให้ได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมความเป็นคนอยู่ของคนลาว ทั้งเหมือนและแตกต่างจากคนไทย (ขอบคุณคุณลุงมากๆค่ะสำหรับเรื่องเล่าและมิตรภาพระหว่างทาง)
ไปๆมาๆเริ่มหิวแล้ววววววว เมื่อไหร่จะได้กินข้าวซักที (ปิ๊ง ป่อง)เวลาบ่ายกว่าๆ รถก็จะจอดที่ร้านร้านนึง มีทั้งข้าว มีขนม มีหลายอย่างให้เราเลือกซื้อ(ทั้งขนมไทยและขนมลาว) พอเราลงรถได้ปุ๊บ ก็เดินตรงดิ่งไปซื้อซิมเลยจ้า เลือกแบบ 1.5G 7วัน 120บาท (เพราะชีวิตขาดเน็ตไม่ได้) แนะนำมาซื้อร้านนี้แหละ ห้องน้ำสะอาด บริการก็ดีจ้า พี่เขาพูดไทยได้ด้วย พอดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ ^ ^

เล่ามาถึงนี่แล้ว ก็ยังไม่ถึงวังเวียงสักทีเน้อะ55555 เดี๋ยวมาต่อเด้อ
[CR] รีวิว"ผู้หญิงคนเดียวเที่ยววังเวียง" ฉบับเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่วังเวียงแบบไม่วังเวง
เริ่มยัง อ่ะ เริ่มเลยนะ (คุยกับตัวเอง5555) ขอท้าวความก่อนเน้อะ คืองี้ช่วงปลายๆเดือนตุลาคม 2560 เราเห็นโพสต์รีวิววังเวียงในFacebook เยอะมาก ตอนนั้นคือนั่งอ่าน นอนอ่าน ตีลังกาอ่าน (เยอะไปๆ) แล้วแบบกรี๊ดดดดดดดดดด สวย น่าไปสุดๆ เลยจับปฎิทินมาดู (เดือนพฤศจิกา-ต้นธันวามคมก็ไปไต้หวัน) แต่วันหยุดปีใหม่นี่แหละน่าจะเหมาะสุดแล้ว จึงนับ 1 2 3 ในใจแล้วทักแชทเพื่อนไปทันที
เรา: ๆ ปีใหม่นี้ไปเที่ยววังเวียงกันมั้ย (พร้อมกับเล่าความน่าสนใจของวังเวียงแบบโอเว่อร์ๆให้เพื่อนฟัง)
เพื่อน1: ไม่มีเงิน
เพื่อน2: จะกลับบ้าน
เพื่อน3: ไม่ชอบเที่ยวแนวนี้
โอเคคคคคคคคค๊ ไม่มีใครไปใช่มั้ย ด๊ายยย ด้วยความที่เราอยากไปมากๆ ไม่สนหินสนแดดใดใดทั้งสิ้น เราก็เลยนับ 1 2 3 ในใจอีกครั้ง (ทำไมต้อง123 เออช่างเหอะ ฮ่าๆ) แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ 1624 แล้วกดโทรไปจองตั๋วกับนครชัยแอร์ทันที
วันที่ 31 ตุลาคม 2560
ด้วยความที่ปีใหม่คนเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันเยอะเรากลัวว่ารถจะเต็มก่อน ก็เลยรีบโทรไปจอง
พนง: "ลูกค้าจองตั๋วแบบไปกลับ กรุงเทพฯ-อุดรธานีนะคะ เดินทางไปวันที่ 30 ธันวา เดินทางกลับ 2 มกรา รวมยอดที่ต้องชำระ 862 บาท(นี่คือราคาสมาชิก) ลูกค้าสามารถชำระได้ที่เซเว่นสาขาใกล้บ้าน ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ" (ประมาณนี้) ใช้บริการนครชัยแอร์ทุกครั้งประทับใจทุกครั้ง (ปรบมือจ้าาา)
*จริงๆแล้ว เราสามารถไปจองตั๋วได้ที่เซเว่นเลยเด้อ คือสะดวกมากๆ (พร้อมกับเสียค่าบริการด้วยจ้า 10 บาท)
และแล้ววันเวลาก็ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จนถึงใกล้วันที่จะต้องเดินทาง เอาหล่ะสิ เริ่มหวั่นไหว เริ่มกลัว นี่เราจะไปคนเดียวจริงๆหรอ? เลยถามเพื่อนอีกครั้งว่าพวกจะปล่อยให้ตรูไปคนเดียวจริงๆหรอฟร๊ะ?? คำตอบของเพื่อนๆก็ยังเป็นเหมือนเดิม เราก็เลยนอนอ่านกระทู้รีวิวของชาวบ้านเพื่อปลุกใจอีกครั้ง สำเร็จ !
วันที่ 29 ธันวาคม 2560
เราคิด(เอาเอง)ว่าปีใหม่ต้องมีคนไปเที่ยววังเวียงเยอะแน่ๆ กลัวไปต่อแถวซื้อที่ บขส. อุดรไม่ทัน ก็เลยตรงดิ่งไปที่เซเว่น
เรา: จองตั๋วของ บขสค่ะ ปลายทางวังเวียง (ต้องเลือกต้นทางอุดรแล้วปลายทางอะไรสักอย่าง) โอเคยังมีที่ว่างให้เราอีกเยอะ เมื่อจองที่นั่งแล้วก็จ่ายเงินค่ะ ค่าตั๋ว 320 บวกค่าบริการอีก 10 บาท สบายใจเลยทีนี้ มีรถไปวังเวียงแล้วโว้ยยยยยยยยยยย
แล้วเราก็กลับหอมาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า(กระเป๋าใบเดียวก็เที่ยวได้ไม่ยุ่งยาก)
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. พาสปอร์ต (สำคัญที่สุด)
2. ปากกา (เอาไว้เขียนใบข้าเข้า-ขาออก)
3. เสื้อผ้า (เราไปเที่ยวครับ ไม่ได้ย้ายบ้านไม่ต้องหอบไปเยอะ)
4. ของใช้ที่จำเป็น (เครื่องสำอางค์+ยาโรคประจำตัว ฯลฯ)
5. ความพร้อมของร่างกาย (เพราะกิจกรรมมันส์ๆ รอเราเพียบเลย)
6. รอยยิ้ม (แล้วคุณจะได้มิตรภาพกลับมาอย่างล้นเหลือม เอ้ย ล้นหลาม) พ่ามพาม
วันที่ 30 ธันวาคม 2560
วันที่ 31 ธันวาคม 2560
คือก่อนที่เราจะเดินทาง เราได้ตั้งกระทู้ถามว่าไปเที่ยววังเวียงคนเดียวควรเตรียมตัวยังไงบ้าง แล้วก็มีพี่คนนึงมาคอมเม้นท์ว่าไปวันเดียวกันเลย พี่เขาก็ไปคนเดียวเหมือนกัน แล้วพี่ก็ทิ้งไอดีไลน์ไว้ (ทีแรกก็นึกว่าพี่ชาย) เราเลยตัดสินใจนานอยู่กว่าจะแอดไป พอแอดไปแล้วได้คุย มันบังเอิญมากพี่เขานั่งรถคันเดียวกันกับเรา ชื่อว่าพี่เอ(และเป็นพี่สาวด้วย กรี๊ดสิคะ) และมีพี่อีกคนนึงเป็นผู้หญิง นั่งข้างๆเรา(แต่มีทางเดินคั่นอยู่) พี่เขาก็มาคนเดียวเหมือนกัน ด้วยความที่เราเป็นเด็กกว่า เราก็เริ่มที่จะทักก่อน "พี่มาคนเดียวหรอคะ?" "อ๋อ ใช่ๆ" หลังจากนั้นก็คุยกัน แล้วก็ได้รู้ว่าพี่เขาชื่อเอ้ (โอ้โหหห นี่คอบครัวตัว อ ป่าว) คนตัว อ โคจรมาพบกัน (เอ เอ้ อ้อย(เราชื่ออ้อย)) หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว หลังจากนั้นเราสามคนเวลาลงไปไหนก็ไปด้วยกัน (มีเพื่อนแล้วโว้ยยย) เชื่อสิ แค่เรารู้จักเข้าหาคนอื่นก่อน เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง ยิ้มๆ
สบายดี