คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เราไม่ชอบสะสมแฟนเก่าในฐานะเพื่อน เลิกก็คือเลิก ไม่นิยมเก็บไว้เป็นเพื่อน เพื่อนมีเยอะแล้ว
ขอแนะนำ จขกท นะคะ จะคบกับใครควรชัดเจนในความต้องการของตัวเองให้มากกว่านี้ อย่าเล่นเกมไปมา มันเสียเวลาและความรู้สึก
ปัญหาของคุณกับผู้ชายคนนี้คือไม่เข้าใจกันเพราะต่างฝ่ายต่างไม่พูดจาตกลงกันให้รู้เรื่องในสิ่งที่ควรพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย หรือ deep conversations ก็ดี...
ยังไงก็ขอให้ จขกท ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้นะคะ ไม่ต้องติดต่อเขาไปอีกแล้ว เขาชัดเจนแล้วว่ารำคาญไม่อยากคุยด้วยจึงไม่เคยทักคุณก่อน หญิงไทยเราต้องมีศักดิ์ศรีค่ะ อย่าไปเสียดายและวิ่งตามผู้ชายห่วยๆคนหนึ่ง... เจนเทลแมนที่แท้จริงเขาไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก อ๋อ แล้วที่บอกว่าไปหาเพื่อนอยู่บ่อยๆน่ะ ใช่เพื่อนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจเป็นผู้หญิงคนอื่นที่เขานัดเอาไว้ก็ได้
ขอแนะนำ จขกท นะคะ จะคบกับใครควรชัดเจนในความต้องการของตัวเองให้มากกว่านี้ อย่าเล่นเกมไปมา มันเสียเวลาและความรู้สึก
ปัญหาของคุณกับผู้ชายคนนี้คือไม่เข้าใจกันเพราะต่างฝ่ายต่างไม่พูดจาตกลงกันให้รู้เรื่องในสิ่งที่ควรพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย หรือ deep conversations ก็ดี...
ยังไงก็ขอให้ จขกท ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้นะคะ ไม่ต้องติดต่อเขาไปอีกแล้ว เขาชัดเจนแล้วว่ารำคาญไม่อยากคุยด้วยจึงไม่เคยทักคุณก่อน หญิงไทยเราต้องมีศักดิ์ศรีค่ะ อย่าไปเสียดายและวิ่งตามผู้ชายห่วยๆคนหนึ่ง... เจนเทลแมนที่แท้จริงเขาไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก อ๋อ แล้วที่บอกว่าไปหาเพื่อนอยู่บ่อยๆน่ะ ใช่เพื่อนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจเป็นผู้หญิงคนอื่นที่เขานัดเอาไว้ก็ได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เท่าที่อ่านดู คุณกับเขา " เป็นแค่แฟนทางไกลกัน เฉพาะแค่ในอินเทอร์เน็ต " การพบปะตัวจริงกัน การไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไปแบบเพื่อน
แต่ตัวจริงๆ ไม่ได้เป็นแฟนกัน เคมีไม่เข้ากัน
เขาเป็นฝรั่งที่ไม่รู้จักคนไทย ไม่รู้จักเอเชีย ไม่รู้จักวัฒนธรรมไทย
ส่วนคุณเป็นคนไทยที่ไม่รู้จักฝรั่ง ไม่เข้าใจฝรั่ง ไม่รู้จักธรรมเนียมฝรั่ง และ คาดหวังจากเพื่อนฝรั่งมากเกินไป
สำหรับคุณกับเขา อุปสรรคใหญ่เลย คือ เรื่องของวัฒนธรรม ระบบความคิด สภาพแวดล้อม ฯลฯ ที่แตกต่าง
ที่ต่างคนต่างไม่รู้ การขาดการสื่อสาร ปราศจากการพูดคุยทำความตกลงที่ชัดเจน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน
______________________________
ส่วนการที่เขามาเที่ยว แล้วไปที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น คือ เป็นเรื่องปกติมาก ของคนที่เดินทาง ที่เขาไม่ได้มาคอยนั่งดูหน้าจอสมาร์ทโฟน
ไม่ใช่มาคอยตอบแชท
คุณต้องลองเดินทางดูเอง แล้วจะรู้ว่า คนที่เดินทางเยอะๆ เขาสามารถหายหัวไปได้ทีนึงเป็นชั่วโมงๆ หรือ เป็นครึ่งวัน หรือ ข้ามคืน
หรือ หายไปได้เป็นวันๆ
การที่เขาออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วบอกคุณว่า จะเป็นเด็กดี เป็นคนดี ทำตัวดี อะไรนั่น เขาแค่พูดเพื่อให้คุณไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขา
เป็นแค่กุศโลบายพื้นฐานที่จะกันคุณออกไป กำจัดคุณให้อยู่ห่างๆ เป็นจ็อบๆ ไป เอาตัวรอดหน้างานไปวันๆ
แล้วที่เขาออกไปเที่ยว เขาได้ไปเจอคนอื่น เผลอๆ เพื่อนที่ไปเที่ยวด้วย ก็อาจจะเป็นผู้หญิงไทยคนอื่นๆ ที่เขาแช็ทด้วย
เขาไม่ได้คุยกับคุณคนเดียวหรอก
_____________________________
ส่วนเรื่องการตอบข้อความช้า คือบางครั้ง จะแค่มีเวลาอ่านข้อความแค่แว๊บๆ แต่ยังไม่ได้ตอบ อาจจะติดพันกับอย่างอื่นอยู่
คือเรามีความคิดเห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่ หมกมุ่นอยู่กับไลน์ กับโซเชี่ยลมาก และ คาดหวังมากว่า เมื่อส่งอะไรไป ผู้รับจะต้องอ่านทันที
หรือ ต้องตอบทันที แต่จริงๆ ชีวิตจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นไง
(คือ เราไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุ๊ค ไม่มีอินสตาแกรม ไม่มีทวิตเต้อร์ แต่เราสังเกตุจาก
คนไทยรอบๆ ตัว หรือ จากการอ่านข่าว หรือ จากการอ่านกระทู้ในพันทิป พบว่า ชีวิตของคนไทยในสมัยนี้ส่วนใหญ่
ถือเอาโซเชี่ยลฯ มาเป็นตัวควบคุมตนเอง เอาตนเองไปหมุนรอบตัวสิ่งเหล่านั้น และ ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านั้นมากมาย)
___________________________________
ตัดใจเถอะนะ คุณกับเขาหน่ะ หมดโปรฯ กันแล้ว และ " เขาไม่คลิ๊กคุณ "
แต่ตอนที่ยังคุยกับคุณอยู่ ตอนที่ยังไปไหนมาไหนกับคุณอยู่ เขาแค่ต้องการรักษาน้ำใจ และ ยังไม่ได้หาวิธีที่จะเลิกคุยกับคุณอย่างเด็ดขาด
แต่เขาก็มองหาทางออกอยู่ เพราะไปกันต่อไม่ได้แล้ว เข้ากันไม่ได้เลย
เข้าใจว่าคุณคาดหวังมาก เพราะเขาเป็นฝรั่ง และ เป็นฝรั่งจาก ปท ที่พัฒนาแล้ว ที่ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงในหลายๆ ด้าน มาอย่างยาวนานแล้ว
และ มีหลายๆ อย่างที่ดูไฮโซ อย่างประเทศ " อังกฤษ" อีกต่างหาก ด้วย ก็ย่อมต้องผิดหวังมากเป็นธรรมดา
อนึ่ง คนอังกฤษโดยทั่วๆ ไป ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย หลายๆ คนมีการวางแผนทางด้านการเงิน การลงทุนที่ดีมาก
หลายคนก็ขึ้นชื่อในเรื่องความขี้เหนียว แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ขี้เหนียว แต่คนอังกฤษส่วนใหญ่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และ อย่างมีเหตุผล
(แต่คนอังกฤษพวกที่เป็นหนี้ธนาคาร เป็นหนี้บัตรเครดิต พวกที่ใช้จ่ายเงินเกินตัว ฟู่ฟ่า หน้าใหญ่ หรือ ถูกฟ้องล้มละลาย ก็มี ไม่ใช่ว่าจะไม่มี)
___________________________
//มา Edit เพิ่มเติม
จขกท มาเล่าเพิ่มเติม ใน คห 4 ข้างบนว่า เขามาไทยบ่อยมาเป็นปกติอยู่แล้ว และ จะมาอีกทีสงกรานต์
คืองี้นะ เราประเมิน ประมวญ เอาจากการอ่านที่คุณเขียนเล่ามาทั้งหมดในกระทู้นี้ ขอเดาว่า เขามีอายุราวๆ 20 กลางๆ ถึง 20 ปลายๆ
อย่างมากคือไม่เกิน 30 ต้นๆ เขาเป็นหนุ่มโสด
เป็นคนอังกฤษระดับเวิร์คกิ้งคลาส ทำงานมีรายได้ปานกลางแบบหนุ่มโสดทั่วๆ ไป
ว่างๆ ก็ออกไปผับตามประสาคนโสด
หากมีเวลา และ เก็บเงินแค่ไม่กี่เดือน อย่างมากมีแค่พันปอนด์ ไม่เกินสองพันปอนด์ ก็สามารถข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยว กิน ดื่ม
ใช้ชีวิตอยู่ในไทย และ ใน ปท เพื่อนบ้านใกล้เคียง ได้เดือนนึงแล้ว
เพราะค่าใช้จ่ายถูกมากๆ อาหารถูก เหล้าถูก เที่ยวสนุก กฏระเบียบหย่อนยาน
คนท้องถิ่นยกย่องเกรงใจฝรั่ง และ ผู้หญิง สาวประเภทสอง เกย์ กระเทย พร้อมที่จะวิ่งเข้าหาเสมอ
_______________________
เขาไม่คลิ๊กคุณอย่างแรง เชื่อเรา และ ในเมื่อไม่ได้มีอะไรกัน ไม่ได้ซั่มกัน เขาไม่เสียเวลาคุยกับคุณต่อหรอก เพราะเขายังมีผู้หญิงคนอื่นๆ อีก
ที่พร้อมจะนอนกับเขาทุกเมื่อ
การที่คุณบอกว่าเขาเป็นแฟน คุณคิดไปเองฝ่ายเดียว
เขาแค่ปากหวานกับคุณ คุยเล่นๆ สนุกๆ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่คุยต่อ
ไม่ต้องติดต่อไปอีก เขาไม่ได้ชอบคุณ ออกแนวรำคาญด้วยซ้ำไป แต่บางครั้งขี้ขลาดเกินกว่าจะบอกเลิกตรงๆ แต่หาทางเลี่ยงคุณมาหลายรอบแล้ว
จนหลายๆ อย่างที่สะสมเอาไว้ ระเบิดออกมาเอง แบบที่คุณเจอนั่นเอง
ตัดใจนะ และ ...........
__________________________
*****ถ้าอยากคบฝรั่งจริงๆ ต้องเริ่มด้วยการคบเพื่อนฝรั่งก่อน ไม่ใช่จากการข้ามขั้นตอนไปมีแฟนฝรั่งเลย
การที่จะคบเพื่อนต่างชาติ ก่อนอื่นเลย ต้องมีพื้นฐานที่สนใจเรื่องต่างประเทศก่อน สนใจเรื่องภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อาหาร
เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ภาพยนตร์ เพลง เข้าใจระบบความคิด ค่านิยม ไลฟ์สไตล์ โครงสร้างทางสังคมของเขา เป็นต้น
แล้วจากนั้นอย่างอื่นๆ จะตามมาเอง
จากการอ่านกระทู้พันทิปมากมาย และ จากการพบปะคนไทยในชีวิตจริง เราพบว่า ยังมีคนไทยอีกมาก
ที่อยากมีเพื่อนฝรั่ง อยากมีแฟนฝรั่ง อยากมีสามีฝรั่ง อยากมีภรรยาฝรั่ง ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
แต่ส่วนใหญ่เลย ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของภาษา วัฒนธรรม ระบบความคิด ค่านิยม สังคม ฯลฯ ของคนต่างชาติ
บ้างก็แค่อยากมีเพื่อนฝรั่งเอาไว้ประดับบารมี เพราะทำให้ดูโก้ ดูมีระดับ บ้างก็อยากมีภรรยาฝรั่งเพราะชอบสีผิว หน้าตา สรีระของผู้หญิงฝรั่ง
บ้างก็แค่ใช้การมีสามีฝรั่งเพื่อความมีหน้ามีตา ค่านิยม เพื่อให้ได้พาสปอร์ตของ ปท ที่พัฒนาแล้ว หรือ อยากมีลูกครึ่ง
หรือ อยากผลิตลูกครึ่งเข้าวงการบันเทิง เพื่อใช้ลูกครึ่งหาเงินให้จากการบังคับลูก สร้างลูก ให้เป็นเน็ตไอด้อล ดารา นักร้อง
เพราะหมายถึงเงินมหาศาล และ ชื่อเสียง และ คู่แต่งงานที่รวยๆ หากดังขึ้นมา เป็นต้น
__________________________
สองสามวันที่ผ่านมานี้ มีกระทู้เกี่ยวกับคนไทยที่มีคำถามเกี่ยวกับฝรั่งหลายกระทู้เลย
เราเคยไปแวะตอบเอาไว้ เอามาฝากให้ จขกท อ่านเล่นๆ นะ
กระทู้ " สมมุติเราเอาความคิดบางอย่างของคนไทยเช่นคนรวยได้เพราะดวงดีอยากรวยต้องหาผัวฝรั่งเล่าให้ต่างชาติที่รวยและพัฒนาฟังเขาจะว่าไง "
https://pantip.com/topic/37271359/comment17
กระทู้ " อยากลองคุยกับฝรั่งข้างบ้านค่ะ "
https://pantip.com/topic/37273952/comment11
แต่ตัวจริงๆ ไม่ได้เป็นแฟนกัน เคมีไม่เข้ากัน
เขาเป็นฝรั่งที่ไม่รู้จักคนไทย ไม่รู้จักเอเชีย ไม่รู้จักวัฒนธรรมไทย
ส่วนคุณเป็นคนไทยที่ไม่รู้จักฝรั่ง ไม่เข้าใจฝรั่ง ไม่รู้จักธรรมเนียมฝรั่ง และ คาดหวังจากเพื่อนฝรั่งมากเกินไป
สำหรับคุณกับเขา อุปสรรคใหญ่เลย คือ เรื่องของวัฒนธรรม ระบบความคิด สภาพแวดล้อม ฯลฯ ที่แตกต่าง
ที่ต่างคนต่างไม่รู้ การขาดการสื่อสาร ปราศจากการพูดคุยทำความตกลงที่ชัดเจน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน
______________________________
ส่วนการที่เขามาเที่ยว แล้วไปที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น คือ เป็นเรื่องปกติมาก ของคนที่เดินทาง ที่เขาไม่ได้มาคอยนั่งดูหน้าจอสมาร์ทโฟน
ไม่ใช่มาคอยตอบแชท
คุณต้องลองเดินทางดูเอง แล้วจะรู้ว่า คนที่เดินทางเยอะๆ เขาสามารถหายหัวไปได้ทีนึงเป็นชั่วโมงๆ หรือ เป็นครึ่งวัน หรือ ข้ามคืน
หรือ หายไปได้เป็นวันๆ
การที่เขาออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วบอกคุณว่า จะเป็นเด็กดี เป็นคนดี ทำตัวดี อะไรนั่น เขาแค่พูดเพื่อให้คุณไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขา
เป็นแค่กุศโลบายพื้นฐานที่จะกันคุณออกไป กำจัดคุณให้อยู่ห่างๆ เป็นจ็อบๆ ไป เอาตัวรอดหน้างานไปวันๆ
แล้วที่เขาออกไปเที่ยว เขาได้ไปเจอคนอื่น เผลอๆ เพื่อนที่ไปเที่ยวด้วย ก็อาจจะเป็นผู้หญิงไทยคนอื่นๆ ที่เขาแช็ทด้วย
เขาไม่ได้คุยกับคุณคนเดียวหรอก
_____________________________
ส่วนเรื่องการตอบข้อความช้า คือบางครั้ง จะแค่มีเวลาอ่านข้อความแค่แว๊บๆ แต่ยังไม่ได้ตอบ อาจจะติดพันกับอย่างอื่นอยู่
คือเรามีความคิดเห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่ หมกมุ่นอยู่กับไลน์ กับโซเชี่ยลมาก และ คาดหวังมากว่า เมื่อส่งอะไรไป ผู้รับจะต้องอ่านทันที
หรือ ต้องตอบทันที แต่จริงๆ ชีวิตจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นไง
(คือ เราไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุ๊ค ไม่มีอินสตาแกรม ไม่มีทวิตเต้อร์ แต่เราสังเกตุจาก
คนไทยรอบๆ ตัว หรือ จากการอ่านข่าว หรือ จากการอ่านกระทู้ในพันทิป พบว่า ชีวิตของคนไทยในสมัยนี้ส่วนใหญ่
ถือเอาโซเชี่ยลฯ มาเป็นตัวควบคุมตนเอง เอาตนเองไปหมุนรอบตัวสิ่งเหล่านั้น และ ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านั้นมากมาย)
___________________________________
ตัดใจเถอะนะ คุณกับเขาหน่ะ หมดโปรฯ กันแล้ว และ " เขาไม่คลิ๊กคุณ "
แต่ตอนที่ยังคุยกับคุณอยู่ ตอนที่ยังไปไหนมาไหนกับคุณอยู่ เขาแค่ต้องการรักษาน้ำใจ และ ยังไม่ได้หาวิธีที่จะเลิกคุยกับคุณอย่างเด็ดขาด
แต่เขาก็มองหาทางออกอยู่ เพราะไปกันต่อไม่ได้แล้ว เข้ากันไม่ได้เลย
เข้าใจว่าคุณคาดหวังมาก เพราะเขาเป็นฝรั่ง และ เป็นฝรั่งจาก ปท ที่พัฒนาแล้ว ที่ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงในหลายๆ ด้าน มาอย่างยาวนานแล้ว
และ มีหลายๆ อย่างที่ดูไฮโซ อย่างประเทศ " อังกฤษ" อีกต่างหาก ด้วย ก็ย่อมต้องผิดหวังมากเป็นธรรมดา
อนึ่ง คนอังกฤษโดยทั่วๆ ไป ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย หลายๆ คนมีการวางแผนทางด้านการเงิน การลงทุนที่ดีมาก
หลายคนก็ขึ้นชื่อในเรื่องความขี้เหนียว แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ขี้เหนียว แต่คนอังกฤษส่วนใหญ่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และ อย่างมีเหตุผล
(แต่คนอังกฤษพวกที่เป็นหนี้ธนาคาร เป็นหนี้บัตรเครดิต พวกที่ใช้จ่ายเงินเกินตัว ฟู่ฟ่า หน้าใหญ่ หรือ ถูกฟ้องล้มละลาย ก็มี ไม่ใช่ว่าจะไม่มี)
___________________________
//มา Edit เพิ่มเติม
จขกท มาเล่าเพิ่มเติม ใน คห 4 ข้างบนว่า เขามาไทยบ่อยมาเป็นปกติอยู่แล้ว และ จะมาอีกทีสงกรานต์
คืองี้นะ เราประเมิน ประมวญ เอาจากการอ่านที่คุณเขียนเล่ามาทั้งหมดในกระทู้นี้ ขอเดาว่า เขามีอายุราวๆ 20 กลางๆ ถึง 20 ปลายๆ
อย่างมากคือไม่เกิน 30 ต้นๆ เขาเป็นหนุ่มโสด
เป็นคนอังกฤษระดับเวิร์คกิ้งคลาส ทำงานมีรายได้ปานกลางแบบหนุ่มโสดทั่วๆ ไป
ว่างๆ ก็ออกไปผับตามประสาคนโสด
หากมีเวลา และ เก็บเงินแค่ไม่กี่เดือน อย่างมากมีแค่พันปอนด์ ไม่เกินสองพันปอนด์ ก็สามารถข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยว กิน ดื่ม
ใช้ชีวิตอยู่ในไทย และ ใน ปท เพื่อนบ้านใกล้เคียง ได้เดือนนึงแล้ว
เพราะค่าใช้จ่ายถูกมากๆ อาหารถูก เหล้าถูก เที่ยวสนุก กฏระเบียบหย่อนยาน
คนท้องถิ่นยกย่องเกรงใจฝรั่ง และ ผู้หญิง สาวประเภทสอง เกย์ กระเทย พร้อมที่จะวิ่งเข้าหาเสมอ
_______________________
เขาไม่คลิ๊กคุณอย่างแรง เชื่อเรา และ ในเมื่อไม่ได้มีอะไรกัน ไม่ได้ซั่มกัน เขาไม่เสียเวลาคุยกับคุณต่อหรอก เพราะเขายังมีผู้หญิงคนอื่นๆ อีก
ที่พร้อมจะนอนกับเขาทุกเมื่อ
การที่คุณบอกว่าเขาเป็นแฟน คุณคิดไปเองฝ่ายเดียว
เขาแค่ปากหวานกับคุณ คุยเล่นๆ สนุกๆ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่คุยต่อ
ไม่ต้องติดต่อไปอีก เขาไม่ได้ชอบคุณ ออกแนวรำคาญด้วยซ้ำไป แต่บางครั้งขี้ขลาดเกินกว่าจะบอกเลิกตรงๆ แต่หาทางเลี่ยงคุณมาหลายรอบแล้ว
จนหลายๆ อย่างที่สะสมเอาไว้ ระเบิดออกมาเอง แบบที่คุณเจอนั่นเอง
ตัดใจนะ และ ...........
__________________________
*****ถ้าอยากคบฝรั่งจริงๆ ต้องเริ่มด้วยการคบเพื่อนฝรั่งก่อน ไม่ใช่จากการข้ามขั้นตอนไปมีแฟนฝรั่งเลย
การที่จะคบเพื่อนต่างชาติ ก่อนอื่นเลย ต้องมีพื้นฐานที่สนใจเรื่องต่างประเทศก่อน สนใจเรื่องภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อาหาร
เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ภาพยนตร์ เพลง เข้าใจระบบความคิด ค่านิยม ไลฟ์สไตล์ โครงสร้างทางสังคมของเขา เป็นต้น
แล้วจากนั้นอย่างอื่นๆ จะตามมาเอง
จากการอ่านกระทู้พันทิปมากมาย และ จากการพบปะคนไทยในชีวิตจริง เราพบว่า ยังมีคนไทยอีกมาก
ที่อยากมีเพื่อนฝรั่ง อยากมีแฟนฝรั่ง อยากมีสามีฝรั่ง อยากมีภรรยาฝรั่ง ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
แต่ส่วนใหญ่เลย ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของภาษา วัฒนธรรม ระบบความคิด ค่านิยม สังคม ฯลฯ ของคนต่างชาติ
บ้างก็แค่อยากมีเพื่อนฝรั่งเอาไว้ประดับบารมี เพราะทำให้ดูโก้ ดูมีระดับ บ้างก็อยากมีภรรยาฝรั่งเพราะชอบสีผิว หน้าตา สรีระของผู้หญิงฝรั่ง
บ้างก็แค่ใช้การมีสามีฝรั่งเพื่อความมีหน้ามีตา ค่านิยม เพื่อให้ได้พาสปอร์ตของ ปท ที่พัฒนาแล้ว หรือ อยากมีลูกครึ่ง
หรือ อยากผลิตลูกครึ่งเข้าวงการบันเทิง เพื่อใช้ลูกครึ่งหาเงินให้จากการบังคับลูก สร้างลูก ให้เป็นเน็ตไอด้อล ดารา นักร้อง
เพราะหมายถึงเงินมหาศาล และ ชื่อเสียง และ คู่แต่งงานที่รวยๆ หากดังขึ้นมา เป็นต้น
__________________________
สองสามวันที่ผ่านมานี้ มีกระทู้เกี่ยวกับคนไทยที่มีคำถามเกี่ยวกับฝรั่งหลายกระทู้เลย
เราเคยไปแวะตอบเอาไว้ เอามาฝากให้ จขกท อ่านเล่นๆ นะ
กระทู้ " สมมุติเราเอาความคิดบางอย่างของคนไทยเช่นคนรวยได้เพราะดวงดีอยากรวยต้องหาผัวฝรั่งเล่าให้ต่างชาติที่รวยและพัฒนาฟังเขาจะว่าไง "
https://pantip.com/topic/37271359/comment17
กระทู้ " อยากลองคุยกับฝรั่งข้างบ้านค่ะ "
https://pantip.com/topic/37273952/comment11
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยคบฝรั่งและเมื่อเราไปต่อไม่ได้ จบที่คำว่าเพื่อน
และตอนเช้าวันเสาร์เราก็ส่งข้อความไปเพื่อจะพาไปเที่ยวแต่เราก็พิมพ์ไปปกติ แต่ทุกครั้งที่เราคุยกันจะต้องเติม x (kisses) ท้ายประโยคทุกครั้งแต่เพราะไม่คิดอะไรมาก เลยไม่ได้ใส่ x ที่ท้ายประโยค และเค้าก็น้อยใจบอกว่าเราไม่ได้สนใจเค้า เปลี่ยนไปไม่ชอบเขา เขาสังเกตตั้งแต่สนานบิน จนมาถึงโรงแรมเราสนใจแต่โทรศัพท์ไม่ได้สนใจเขาเลย
เราเลย VDO Call ไปแล้วก็คุยว่าเขาเข้าใจผิดฉันแค่เห็นว่าเขาเหนื่อยเลยไม่รบกวนปล่อยให้เขาพักผ่อน แล้วเช้าค่อยเจอกัน แต่เขาก็ง้อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วก็ขอตัวว่าไม่พร้อมจะคุยแล้ววันนี้จะไปหาเพื่อน แล้วแบตเตอรี่ก็หมดด้วย แล้วก็ตัดสายไปเราก็เลยส่งข้อความไปว่าเดี่ยวจะไปหา แต่เค้าไม่ตอบอะไร เราก็รีบขับรถไปหาเขาที่โรงแรม แล้วซื้อน้ำขนมไปให้เค้า แต่ไม่เจอเขาเพราะเขาไปหาเพื่อนแล้ว เราเลยแขวนขนมและน้ำไว้ทีหน้าประตู และก็กลับบ้านแต่ใจเราก็คิดว่าจบกันแล้วจริงๆเหรอ ไม่มีทางได้คุยกันเลยเหรอเลยส่งข้อความไปหาเขาว่าเราจะไม่คุยกันแล้วใช่ไหม ไหนบอกว่าชอบเรา ไปหาผู้หญิงอื่นเหรอ เค้าก็ตอบมาว่าเขาอยู่กับเพื่อน
พอประมาณสัก 4 ทุ่มเขาก็กลับโรงแรมและคงเห็นขนมกับน้ำแขวนอยู่ที่ประตูเลย VDO หาเราและขอบคุณแล้วเราก็คุยกัน แล้วเค้าก็ชวนเราไปกินข้าว เราเลยไป เราไปกินข้าวกันและได้คุยกันปรับความเข้าใจกันคืนนั้นเราก็มีจูบกันนิดหน่อยเหมือนอารมณ์ตอนนี้แต่เรารีบถอนจูบคืน แล้วก็รีบขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะตอนเช้าต้องไปทำงาน เขาก็เดินมาส่งที่รถ
ตอนเช้าก่อนเราไปทำงานเราก็แวะเอากาแฟไปให้เขา แล้วเราก็คุยกันนิดหน่อยก่อนไปทำงาน พอดีที่ทำงานเราใกล้กับโรงแรมที่เขาพักเราเลยชวนเขาไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน เขาก็ไปแต่เหมือนเขากังวลกลัวว่าจะต้องเลี้ยงข้าวเราเหรอยังไงนี้แหละเราสังเกตได้ บอกให้เรากินก่อนเลย แต่เราก็รอแต่ก็หิวจนทนไม่ไหวเลยกินข้าวก่อนแต่เขาก็ยังไม่มาจนใกล้จะบ่ายสองเขาก็มาเลยพาไปกินน้ำกับขนมหวานแต่ว่าเขาไม่กินเราก็เดินคุยกันนิดหน่อยเราก็ขอตัวไปทำงานต่อ
เขาก็เดินเล่นที่ห้างและขอตัวไปหาเพื่อนและดื่มกันพอตกเย็นก็ส่งข้อความมาบอกว่าขออนุญาตไปเที่ยวพัทยากับเพื่อนจะเป็นคนดีไม่ต้องเป็นห่วงนะ แล้วก็จะไปเที่ยวต่อกันที่กัมพูชากับเพื่อนๆและญาติเขาด้วย เราก็ไม่ว่าอะไรเราก็กลับบ้าน พอตอนเช้าเราก็แวะไปที่โรงแรมก่อนทำงานและก็ไปส่งเข้าที่ท่ารถเพื่อไปพัทยาต่อ เขาสัญญาว่าจะไม่เหลวไหลและจะติดต่อมาตลอด เราก็ไม่ว่าอะไรเชื่อใจแล้วก็ไปส่งที่ท่ารถ
พอเขาถึงพัทยาก็บอกว่าจะบอกว่าพักที่ไหน แต่ก็ต้องให้เราส่งข้อความถามแล้วก็บอกว่าถึงโรงแรมแล้วไม่ต้องห่วง พอตกกลางคืนก็คงดื่มกับเพื่อนจนเมาติดต่อไม่ได้ ไม่รับโทรศัพท์ จนประมาณสักสิบโมงเรา VDO ไปก็รับนอนอยู่บนเตียงบอกว่าเมามาก แต่ก็เป็นเด็กดี ไม่ต้องห่วง แล้วบอกว่าบ่ายๆจะไปเกาะว่ายน้ำเล่น เราก็ไม่ว่าอะไร
จนวันกลับมากทม.คิดว่าจะได้เจอกันแต่เขานัดเพื่อนและจะไปเที่ยวต่อที่เขมรเลยเพราะจองเที่ยวบินเย็นพอดี แต่จะบอกว่าเรามีแผนจะไปเที่ยวพม่ากันแต่ไม่ได้อยู่วางแผนจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินกันเลย เพราะไม่มีเวลา เลยใช้เวลาที่เขาอยู่บนรถจองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรม ที่พม่า แต่ตอนจองมันรีบไปหมดเขาคงกังวลว่าต้องจ่ายเงินทั้งหมดเลยบอกว่าให้เราจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและจ่ายคืนให้ เขาจะจองโรงแรมและทำวีซ่าเอง
ตอนนั้นเราก็อยากจะถามว่าเที่ยวครั้งนี้จะแชร์กันเหรออย่างไรแต่ว่ามันรีบร้อนไม่ทันได้ถามหรือวางแผนกันเลย เราเลยรีบจองตั๋วเครื่องบินและส่งตั๋วยืนยันให้เขา เขาก็จัดแจงจองโรงแรมและทำวีซ่าเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีอะไร เราก็คุยกันปกติจนเขาไปเที่ยวเขมร ก็ติดต่อได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะเขาไม่ซื้ออินเตอร์เน็ต คุยกันตอนอยู่โรงแรม
อ้อลืมไปวันที่เขาไปเที่ยวที่เขมรเป็นวันเกิดเขาพอดี เราก็เลยส่งข้อความอวยพรวันเกิดเขาไปแต่กว่าเขาจะตอบก็เช้าเพราะคงกินดื่มกับเพื่อน เราก็ไม่ว่าอะไร จริงๆเราอยากจะอยู่กับเขาและเที่ยวกับเขาที่เขมรแต่ว่าเขายืนยันจะไปกับเพื่อนและให้เราเลือกว่าจะไปเที่ยวไหนเราก็เลยไปเที่ยวพม่าแทน
เขาเที่ยวที่เขมร 3 วันและกลับมากทม. เพื่อจะไปเที่ยวพม่าต่อกับเรา แต่เขาต้องมาพักกทม.ก่อน 1 คืนก่อนจะบินไปพม่า เราในวันรุ่งขึ้น ตอนเย็นเขากลับมาแต่เขาไม่ได้จองโรงแรมล่วงหน้าและเราถามก็ไม่บอกว่าจะพักที่ไหน จนมาถึงเย็นแล้วไม่มีที่พักต้องเดินหานานกว่าจะได้ห้อง และเราก็ไม่ได้ไปหาเพราะเราก็เหนื่อยเลิกงานแล้วเข้าบ้านไม่ออกไปในเมืองอีก ให้เขาอยู่คนเดียว เดี่ยวก็ได้เจอกันแล้ว เขาก็มีอาการน้อยใจแต่เราก็ไม่ไป
จนตอนเช้าเราส่งข้อความไปว่าเดี่ยวเราเจอกันที่สนามบินตอนเย็นเลยนะ แต่เขาไม่ยอมพูดเชิงน้อยใจ เราก็เลยไปเจอเขาก็ได้แล้วไปกินข้าวกลางวันกันและไปสนามบินพร้อมกัน โดยขับรถไปจอดค้างคืนที่สนามบิน
ก่อนเช็คอินขึ้นเครื่องเราก็ปกติทั่วไป นั่งเครื่องไม่นานชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสนามบินย่างกุ้ง อ้อลืมไปเราแลกเงินดอลล่าไปด้วยแต่ไม่เยอะประมาณสามพันบาท แต่ตอนถึงพม่าเราคิดว่าอย่างไงเราก็จะช่วยจ่ายค่าตั๋วอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คุยกันไม่ได้บอก เราก็ให้เค้าจ่ายค่ารถและค่ากิน ( อันนี้เราคิดว่าเป็นข้อผิดพลาดเลยเพราะไม่ได้คุยกันให้ชัดเจน) คิดไปเองว่าให้เขาจ่ายและเราก็เที่ยวกันปกติ มีความสุขและเขาก็เทคแคร์ดูแลอย่างดี เขาก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่ลุ่มล่าม ไม่มือไม้ไหว เราไปเที่ยวกันโดยไม่ได้วางแผนใดๆ ไปวัดและก็นั่งรถไฟเที่ยวกัน
เราสังเกตเขาจะกังวลในการจ่ายเงินมาก แต่เราก็ไม่ได้สนใจคิดว่าไม่เยอะค่าใช้งานกินก็ไม่แพง ให้เขาจ่ายไปโดยไม่ถาม นี้อาจเป็นจุดผิดพลาดที่เขาคงคิดว่าทำไมเขาต้องจ่ายทั้งหมด การเที่ยวของเราก็ดำเนินต่อไปจนวันกลับ กทม.ทุกอย่างปกติ เขาก็เทคแคร์ดูแลดีตลอดไม่มีพูดอะไร แต่ตอนถึงสนามบิน เราแยกกันกลับบ้านเพราะเขาบอกว่าเพื่อนเขามารับเพราะว่าเขาจะต้องขึ้นเครื่องกลับอังกฤษในตอนเช้ามืด ไม่อยากให้เราลำบากไปส่งเพราะต้องตื่นเช้า บ้านเพื่อนเขาอยู่ใกล้สนามบิน เราก็เชื่อไม่ได้คิดอะไรแยกกันที่สนามบิน
พอเราแยกกันก็ส่งข้อความหากันตลอดจนเขากลับอังกฤษ ทุกอย่างก็ปกติ คุยกันทุกวันไม่มีอะไรผิดปกติ เสมอต้นเสมอปลาย เราเจอกันตอนกันยายน 2017 และเขากลับไปก็คุยกันทุกวัน
แต่ตอนกลับไปเราก็เริ่มสังเกตแหละว่าจะเปลี่ยนไปไหม แต่ก็ปกติดี อาจมีบ้างคือเขาไม่พูดเรื่องอนาคต เหมือนคุยไปเรื่อยๆ เราก็ถามระหว่างเรายังโอเครไหม เขาก็ตอบว่าเราโอเคร จนมาประมาณเดือนธันวาคมก่อนคริสมาสวันนั้นเหมือนระเบิดลง ไม่ได้ตั้งตัวเลยคุยกันปกติ ตอนเช้าเขาไปทำงานทักทายมาปกติ แล้วเขาก็บอกว่าวันนี้เป็นวัน jumper box ก่อนคริสมาส เราก็ขำๆส่งสติ๊กเกอร์รูปของขวัญไป แล้วบอกว่ารู้ไหมว่าน่าจะมีของขวัญให้ฉันบ้างนะ
ตอนแรกเขาก็ขำๆส่งสติ๊กเกอร์ขำๆกลับมา แล้วเราก็ส่งรูปสติ๊กเกอร์ line เหมือนอยากได้ของขวัญขำๆ ทีนี้แหละ สติแตกเลย ส่งข้อความมาเป็นชุดๆ บอกว่าทำไมผู้หญิงไทยส่วนมากเห็นว่าฝรั่งรวยอยากได้เงิน แล้วก็เอยตอนเราไปเที่ยวพม่า และ อยู่กทม.กับเราว่า รู้สึกไม่ดีทำไมเขาต้องจ่ายหมดทุกอย่าง และบอกว่ายิ่งกว่านั้นทำให้เขารู้สึกไม่ดีมาก ทำไมผู้หญิงที่ทำงาน ไม่มีภาระ ไม่มีลูก ไม่ต้องส่งเงินให้พ่อแม่ ทำไมถึงอยากได้เงินสองทางด้วย เขารู้สึกไม่ดีเลย
ตอนแรกเราคิดว่าเขาไม่น่าโกรธมากมายขนาดนั้นเพราะเราไม่ได้คุยเรื่องเงินเลย ก็ยังพูดอะไรไปเลย แต่เขาก็ไม่หยุดบอกว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วในยุโรปเราต้องช่วยกันทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ว่าต้องมาขอเงินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราเลยหยุดคิด และคิดอ่านข้อความอย่างละเอียด เราเลยนึกขึ้นได้ว่าเขาขุดเรื่องพม่า กับ กทม.มา คงว่าเราเต็มๆ คงคิดอยู่ในใจนานแล้วแต่ไม่กล้าบอก คงเก็บมาตลอด เลยขุดมาพูด
แต่จะบอกว่าตอนกทม.กับ พม่า เราไม่ได้ให้เขาเลี้ยงอะไรแพงๆเลย เราก็เลี้ยงกาแฟเขาคืน และเราก็ไปรับสนามบินเขาเลี้ยงข้าวเราตอบแทนมื้อหนึ่งก็ไม่แพง ไม่ถึงพัน เราก็เลี้ยงกาแฟคืนทุกเช้า แค่คิดว่าคนเป็นแฟนกันไม่ได้คิดมากเรื่องนี้เพราะนิดหน่อย แต่เราไม่ได้อยากได้เงินเขาเลยจริงๆ ไปพม่าเราก็จ่ายค่าตั๋วทั้งสองคน ค่ารถเราก็จ่ายบ้าง
นี้แหละเป็นจุดแตกหักสำหรับเราสองคน พอหลังจากนั้นเราก็ส่งข้อความบอกว่าทำไมขุดเรื่องเก่ามาพูด แล้วตอนนั้นทำไม ไม่พอใจทำไม่ไม่บอกเรา ทำไมไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย (คำนี้จะว่าไปก็แรงแต่เราก็โกรธ) แล้วเราเสียใจมากที่เห็นว่าเราเห็นแก่เงินเขา เพราะเราก็จ่ายค่าตั๋วที่พม่า
เขาก็ส่งข้อความมาว่าเขาให้เกียรติเราเสมอ แต่ต่อไปนี้จะไม่รบกวนอีกแล้วขอให้เราเจอสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเขาก็เงียบไปเราก็เงียบไปเหมือนกันไม่ได้คุยกันต่อ จนวันรุ่งขึ้นเรากลับตจว.ก็ไม่ได้คุยกันแต่พออารมณ์เย็นเราก็ส่งข้อความไปว่า เรื่องเงินมันเป็นเซ็นซีทีฟมากเราต้องเปิดใจคุยกันมากว่านี้ อย่าใช้อารมณ์คุยกัน แต่ก็เขาก็เงียบเพราะที่ส่งไปเป็นเวลากลางคืนของเขา พอตอนเช้าเขาก็ทักมาแต่ไม่ได้คุยเรื่องที่เราทะเลาะกัน คุยทักไปก็ตอบ แต่สังเกตไม่มี x (kisses ) ต่อท้ายประโยคเหมือนทุกครั้ง
ก็ทักตอบปกติ แต่อารมณ์ก็ยังตึงๆ อยู่และเราก็กลับกทม.เราก็ทักไปปกติเขาเงียบแต่ส่งข้อความมาว่าพ่อไม่สบายต้องไปเยี่ยมพ่อ และนี้ก็เป็นสาเหตุที่เราไม่ได้คุยกันอย่างเปิดใจอีก เพราะเขายุ่งกับพ่อ แล้วปัญหาเก่าเราก็ไม่ได้เคลียร์กันมันก็คาราคาซังไม่จบ ก็ยังตึงๆกันต่อไป ทักไปเขาตอบมั้งไม่ตอบมั้งพอเราบอกว่าไม่แคร์เราเลย เขาก็ส่งมาว่ายังอยู่กับพ่อ ยังอยู่กับครอบครัวไม่สะดวกคุย ก็หายเงียบไปอีก
จนปีใหม่เราก็ไม่อยากอยู่กทม.เลยไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่เชียงใหม่ ปัญหาของเราก็ยังไม่ได้เคลียร์กันก็ตึงๆไป ไม่ตอบข้อความ อ่านไม่ตอบ ไม่อ่านเป็นอยู่อย่างนี้เราก็เขาใจว่าเขาคงเครียดกับครอบครัวพ่อไม่สบาย เราก็จิตตก คิดมาก เหมือนพอคาดหวังให้เขาตอบแล้วไม่ตอบก็ผิดหวังเกิดอาการนอยด์ น้อยใจ แต่เราก็ยังเว้นระยะให้เขาได้ใช้เวลากับครอบครัว คืนวันที่ 31 เราก็ส่งข้อความ Happy new year 2018 แต่ก็ยังพ่วงอาการนอยด์ไปด้วยข้อความว่าอวยพรตัดพ้อตอนนั้นอารมณ์ล้วนๆ แต่เขาก็ไม่สนใจอ่านแต่ไม่ตอบ เราก็เลย VDO Call ไปเขาก็ไม่รับแต่ส่งข้อความกลับมาว่ายังอยู่กับพ่อขอโทษแล้วก็เงียบหายไปเหมือนเคย
พอตอนเช้าวันที่ 1 และเป็นวันปีใหม่บ้านเขา เขาก็ส่งสติ๊กเกอร์ Happy new year มาให้คงส่งพลาด ส่งมาสองครั้งเราก็ได้แต่ตอบสติ๊กเกอร์ไปว่าขอบคุณแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันเหมือนเคย จนมาวันเสาร์อาทิตย์ก็เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ ช่วงเวลานี้มันเป็นช่วงเวลาอันทรมานมาก กังวล ไม่เป็นสุข ทุกข์ใจ จิตตก เฝ้ามองแต่โทรศัพท์ ว่าจะว่ามีข้อความจากเขามาเหรอเปล่า แต่ก็ไม่มีเงียบหายไปเป็นอาทิตย์ เราเลยทนไม่ไหว ส่งข้อความไปว่าคุณเป็นไงบ้าง อยู่โรงพบาล หรือว่าทำงานแล้ว
พอเขาเห็นข้อความเขาก็ตอบกลับมาว่าพ่อเขาออกจากโรงบาลแล้ว แล้วถามเราว่าเราโอเครไหม เราก็ตอบไปว่าเราดีใจด้วยที่ได้ยินว่าพ่อคุณดีขึ้น แล้วเราก็คุยกันปกติ ถามไปเขาก็ตอบ แต่เราต้องเป็นฝ่ายทักเขาไปตลอดนับจากช่วงเวลานี้ไป ถามไปเขาก็ตอบ คุยกันไปแต่ก็ยังตึงๆเหมือนเดิม ไม่หวานเหมือนก่อนเหมือนเพื่อนกัน
จนเราทนไม่ไหวเลยถามไปว่าระหว่างเรามันโอเครไหม เขาตอบมาว่าโอเคร แล้วเราก็คุยกันโดยที่เราเป็นฝ่ายทักไป เขาก็ตอบนะ แต่บางครั้งข้อความที่ไม่สำคัญมากก็เงียบไม่ได้อ่านแล้วก็ไม่ตอบ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร บางที่ก็ไม่อ่าน แล้วพอทักอีกก็ตอบเป็นอย่างงี้ เรื่อยมา พอเราพูดอะไรหวานๆก็ไม่ตอบ ส่งสติ๊กเกอร์กอด จูบไปก็ตอบแบบธรรมดา