ย้อนคุยเรื่องฟุตบอลในอดีต : อดีตที่เคยขมขื่นระหว่าง ''เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน'' กับ ''เดวิด เบ็คแฮม''


''ผมไม่ได้ถือโทษโกรธเดวิดเลย อันที่จริงผมชอบเขามาก ผมว่าเขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม แต่คนเราไม่ควรละทิ้งสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี''
------------------------------------------------------------------------

นอกจากเรื่องราวของภาพยนตร์แล้ว ฟุตบอลก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ผมชอบเลยนะครับ ว่างๆก็อยากเขียนถึง อยากชวนคุยถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในวงการนี้มั่งแหละครับ

แต่ก่อนอื่นผมมานั่งคิดอยู่เงียบๆคนเดียว แล้วว่าจะเขียนเล่าเรื่องถึงอะไรดี มีหลายหัวข้อมากที่เคยได้ยินมา ตอนแรกว่าจะเขียนถึง ''จอร์จ เบส'' ไปๆมาๆก็คิดเรื่อง ''บราซิลยุค 3 R'' ไล่ไปจนถึงเรื่อง ''การจัดฟุตบอลโลกของประเทศแอฟริกาใต้'' แต่พอมานั่งคิดอีกสักพัก.....

พบว่าผมมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะเขียนถึงเรื่องนั้น (เรียกภาษาบ้านๆว่าข้อมูลไม่พอนั่นแหละครับ) จึงขอกลับไปรวบรวมใหม่ เพื่ออรรถรสในการเล่าเรื่อง แต่จู่ๆ มีความคิดนึงวิ่งผ่านแสกเข้ามาในหัว คือ เรื่องราว ''ความบาดหมางของพี่เบ็ค กับ ป๋าเฟอร์กี้'' เรื่องนี้ผมเชื่อว่าคอฟุตบอลหลายๆคนคงเคยฟังผ่านๆกันมาบ้างเเล้ว แต่ผมก็ขอเอากลับมาเล่าใหม่ในมุมมองของผมให้ฟังนะครับ

------------------------------------------------------------------------

ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2002/2003 ตอนนั้น ''เบ็คแฮม'' ถือเป็นนักเตะที่โด่งดังสุดขีด นอกจากชื่อเสียงในวงการฟุตบอลแล้ว ชื่อเสียงนอกวงการเขาก็ดังไม่แพ้กัน พี่เบ็คถือเป็นนักฟุตบอลที่หล่อที่สุดคนนึงในโลกเลยก็ว่าได้ มีงานถ่ายแบบ ถ่ยโฆษณาเข้ามาเพียบ จนคำว่า ''ชื่อเสียง'' นั้นค่อยๆเปลี่ยนเบ็คแฮมคนเดิมไป จากเด็กที่หลงไหลในกีฬาฟุตบอล กลายเป็นชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุดคนนึงของโลก และเมื่อสิ่งเหล่านั้นเริ่มมาลดเวลาความทุ่มเทในการเล่นฟุตบอลของเขาลงไป

และสิ่งนั้นก็สร้างความผิดหวังกับ ''เฟอร์กี้'' (เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน) ผู้จัดการทีมของเขาเป็นอย่างมาก เฟอร์กี้ บอกกับ เบ็คแฮม เสมอว่า ''แกมีพรสวรรค์ที่หลายๆคนไม่มี และควรจะใช้มันให้คุ้มค่า'' แต่เรื่องราวฟางเส้นสุดท้ายก็เกิดขึ้นกับทั้งสองในช่วงการแข่งขันเอฟเอ คัพ ระหว่าง ''แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด'' ปะทะ ''อาเซนอล'' เกมนั้นอาเซนอลเป็นฝ่ายชนะ 2-0 และหนึ่งในนั้นเป็นความผิดของเบ็คแฮม เพราะไม่ยอมลงไปช่วยรับ

ในห้องพักนักฟุตบอล
วันนั้น เฟอร์กี้ โกรธมาก และด้วยความโกรธเขาพลาดไปเตะรองเท้าสตั๊ดข้างหนึ่งลอยไปโดนที่คิ้วของเบ็คแฮมอย่างจัง และเบ็คแฮมก็จะลุกมาเอาเรื่องเฟอร์กี้ แต่นักเตะคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์มาห้ามไว้ทัน

วันต่อมา เฟอร์กี้ ก็เรียก เบ็คแฮม มาคุยและเปิดวิดีโออธิบายให้ฟัง แต่เขาก็ไม่ยอมรับ ไม่มีแม้แต่เสียงเอ่ยปากพูดของชายที่ชื่อว่า ''เดวิด เบ็คแฮม''

ความบาดหมางในครั้งนี้ส่งเสียงไปถึงทีมรีล มาดริด ให้ยื่อข้อเสนอซื้อตัวเบ็คแฮมไปร่วมทีม และจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างรอยร้าวที่ยากจะต่อติดให้ทั้งสอง เฟอร์กี้ ไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยเบ็คแฮมออกจากทีม

''เดวิดเริ่มเปลี่ยนไปตอนอายุราว 22 หรือ 23 ปี เขาเริ่มตัดสินใจหลายๆ อย่างที่ทำให้เป็นเรื่องยากที่เขาจะพัฒนาต่อไปเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง นั่นแหละคือสิ่งที่ผมผิดหวัง เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดกัน สำหรับผมมันเป็นแค่ความผิดหวัง น่าเศร้า ผมได้แต่มองเขาและคิดในใจว่า เดวิด แกทำอะไรอยู่น่ะลูก ตอนแกเป็นเด็ก แกเป็นหนุ่มน้อยตาแป๋ว คลั่งไคล้ฟุตบอล ตอนอายุ 16 ปี เขาไม่ควรออกจากโรงยิมเลย เขาซ้อมไม่หยุด เขารักฟุตบอลและกำลังมีชีวิตเหมือนที่ฝันอยากจะเป็น แล้ววันหนึ่งเขากลับทิ้งมันไปหาอาชีพใหม่ ใช้ชีวิตแบบใหม่ไปเป็นดาราซะอย่างนั้น''
เฟอร์กี้พูดในภายหลัง

--------------------------------------------------------------------------


มันเหมือนจะเป็นการเดินคนละเส้นทางกัน ระหว่าง ''เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน'' กับ ''เดวิด เบ็คแฮม'' คนหนึ่งเหมือนครูที่เล็งเห็นความสามารถและอยากให้ลูกศิษย์ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด แต่อีกคนกลับเห็นว่าเขายังทำอะไรได้มากกว่าแค่การเล่นฟุตบอล

ผมคิดว่าไม่มีใครผิดหรอกครับ แค่ความคิดของพวกเขาไปคนละทางกันเท่านั้น

เบ็คแฮมยังรักฟุตบอลและเล่นต่อจนอายุเกือบ 40 ปีจึงแขวนสตั๊ด ด้วยความที่โตเป็นผู้ใหญ่เขาก็สำนึกได้และมาขอโทษต่อเฟอร์กูสันในเวลาต่อมา และแน่นอนเฟอร์กูสันไม่เคยโกรธเขาเลย และยังแวะมาร่วมงาน มาทานข้าว มาพูดคุยด้วยกันเสมอ

-----------------------------------------------------------------------

นี่คือเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในวงการฟุตบอล ที่ผมอยากนำมามาเล่าให้ฟัง ผมว่าเรื่องนี้ได้เห็นข้อคิดของคนสองวัยเลยนะ และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาพูดคุยกันนะครับ ^^


สุดท้ายขออนุญาตแปะลิ้งเพจของผมไว้นะครับ ไว้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆเช่นเรื่องหนัง บอล เกม เพลง หนังสือดีๆ ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/Chekie-1067083510064457/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่