Review First Class Etihad Airways และ First class lounge and spa at Abu Dhabi ครับ
สำหรับสายการบิน Etihad นั้น ถ้าบิน First class จะมี Cabin สามแบบ แบบแรกเรียกว่า First ของ First หรือ อภิมหา first หรือที่เรียกว่า Residence ครับ จะเป็นที่นั่งสำหรับสองคน เป็นห้องโดยเฉพาะ ราคาแพงมาก มีเฉพาะในเครื่อง A380 ครับ ราคาประมาณสี่เท่าของ First class ปกติ
แบบที่สองเป็น First class ในเครื่อง A380 ครับ เรียกว่า Apartment ส่วนของที่นั่งนั้นกว้างขวางมาก แยกที่นั่ง กับที่นอนออกจากกัน และมีห้องน้ำกับบาร์บนเครื่องด้วย (เหมือนของ Emirtaes ใน A380)
แบบที่สามคือ First class ในเครื่อง A330 หรือรุ่นอื่นๆ ที่เรียกว่า Diamond First class ครับ .... First class แบบนี้แม้ว่าที่นั่งกับที่นอนจะไม่แยกกันแบบ Apartment แต่ว่าก็เป็นส่วนตัว กว้างขวาง ปิดประตูเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ครับ ที่ไม่เหมือน Apartment อีกอย่างคือไม่มีห้องอาบน้ำ แต่ห้องน้ำก็กว้างขวางดีครับ ส่วนตัวที่นั่งนั้นผมว่ากว้างครับ นั่งสบาย และหลับได้สนิทมาก เพราะตัวใหญ่อย่างผม
ยังพอพลิกตัวได้เลย แต่ถ้าเป็น Business class จะพลิกตัวไม่ได้ ผมไป Morocco ได้นั่ง A330 ครับ ก็เลยเป็น Diamond First Class ครับผม
จุดเด่นของการบริการของ Etihad First Class คือ มีพ่อครัวประจำตัวให้เราครับ เราจะสั่งอาหารมาทานตอนไหนก็ได้ แค่ไหนก็ได้ ถ้าทานได้ เชฟยินดีทำให้ครับ ทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม มีให้ไม่อั้น
และอาหารที่มี จะทำสด ๆ ร้อนๆ มีครัวร้อนอยู่หน้าเครื่องเลยครับ เพราะฉนั้นอาหารจะร้อนเหมือนได้ทานตามร้านอาหารเลย
หลังจาก take off ไปแล้ว เชฟจะมารับ order ครับ แล้วก็จะถามว่าเราอยากทานตอนไหน อยากทานอะไรบ้าง เป็นเหมือนทั้งเชฟ และบริกรไปด้วย แถมยังเป็น steward ด้วยนะครับ เพราะว่าจะช่วยบริการและปูเตียงให้ด้วย
Flight ที่ผมบินนี้ออกจากอาบูดาบีประมาณตีสอง ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง ผมเลยไม่ทานก่อนครับ เพราะว่าอิ่มมาจาก Lounge แล้ว
เลยบอกเชฟไปว่า จะขอทานตอนเช้าเลย ก่อนเครื่องลดระดับประมาณ 1 ชั่วโมง
เชฟของผมชื่อ Enrico ครับ มีภรรยาเป็นคนไทย เพิ่งแต่งงานกันสองอาทิตย์ทีผ่านมาเองครับ ก็เลยคุยกันสนุกไปเลย
พอเครื่องปรับระดับได้ ผมก็ให้ Enrico ช่วยปรับเตียงเป็นที่นอนให้ครับ ก็กว้างขวาง หลับสบายดีมากๆ เครื่องไม่เจอ Turbulance อะไรเลย ทำให้ผมหลับสบาย พร้อมเที่ยวทันที เมื่อถึงจุดหมาย โดยไม่ต้องงัวเงียครับ
อาหารบนเครื่องนั้น serve ทั้งอาหารค่ำ แล้วก็อาหารเช้า แต่เนื่องจากผมอยากนอนเลย จึงให้ Enrico เตรียมทั้งอาหารค่ำและอาหารเช้ามาให้ผมทีเดียว ตอนตื่นนอนเลยครับ
ที่ผมได้ลองก็มี Steak นะครับ เนื้อนุ่มมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าทำบนเครื่องจะยังทำให้นุ่มได้ เคยมีคน comment ว่า อาหารของ Etihad ไม่โอเค แต่ผมว่าอร่อยเลยครับ ผมทาน steak กับไข่กวน แล้วก็ที่อร่อยมากเลยคือ Hash brown ครับ ต้องขอเบิ้ลเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็มีของหวานที่เชฟจัดมาให้แบบให้อิ่ม แล้วเที่ยวได้เลยทันทีเมื่อลงเครื่องครับ ทั้ง Waffle ที่หอม แล้วก็กรอบมาก มีไอศครีมสตรอเบอรี่ ชิ้นใหญ่มาก แล้วก็รวมของหวาน ที่มีทั้ง Baklava ที่อร่อยมากๆ ครัวซองร้อนๆ Madeleine ที่ทำร้อนๆ เลย รวมทั้ง fresh baked cookies ด้วยครับ อุ่นๆ ร้อนๆ เลย ประทับใจมาก
หลังจากผมทานไปหมดแล้ว Enrico เดินมาบอกว่ามีอีกอย่างที่แม้จะอิ่มแล้วก็อยากให้ผมได้ลองทานอีกคือ Raspberry tart ครับ ซึ่งก็อร่อยจริงๆ อย่างที่เขาบอกครับ
เสียดายที่ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะว่าตอนที่ทานนั้นยังเช้ามืดอยู่เลยครับ ไฟใน cabin ยังปิดอยู่เลย
Amenity ที่ใช้ กระเป๋าเป็นของ Christian Lacroix ครับ สวยงาม หรูหรา ออกแบบมาดีมาก พับได้เป็นกระเป๋าใส่เครื่องสำอาง แต่ถ้าปลดกระดุมออกมาจะเป็น Clutch ครับ ออกแบบได้ดีมากๆ
ส่วนเครื่องสำอางที่นี่เป็นของ Brand Omarosa จากฮังการีครับ
ส่วน entertainment system ก็โอเคครับ หนังอาจไม่เยอะเท่า Emirates แต่ว่าก็เยอะกว่า TG ครับ
ส่วน First class lounge and spa ที่ Abu Dhabi airport นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใหญ่โตอลังการเหมือนของ Emirates ที่ Dubai แต่ก็โอเคมาก ๆ ครับ
ส่วนของห้องอาหาร เป็นห้องอาหารจริงๆ เลย มีบริกรมารับ order แล้วก็ทำร้อนๆ มี line buffet เล็กๆ ของขนมหวาน แล้วก็มีบาร์ที่ถ้าใครชอบดื่ม คงถูกใจมากครับ
ที่พิเศษไปกว่าที่ Dubai ก็คือมีบริการฟรีให้เราเลือกใช้ได้ว่า จะเป็นสปา ทำเล็บ หรือโกนหนวด ก็ได้ แต่ถ้าจะสปามากกว่าเวลาที่ให้ หรืออยากตัดผม อันนี้ต้องข่ายเพิ่มครับ Spa ที่อยู่ใน lounge เป็น Six Sense Spa ครับ ผมใช้บริการแล้ว นวดดีมากๆ ครับ
และที่ไม่เหมือนที่อื่นเลย คือใน lounge มี Fitness ด้วยครับ ผมก็แค่เข้าไปดูนะครับ ไม่ได้ออกกำลังกายในนั้น ก่อนบิน 5555
อีกจุดที่ดีมากเลย คือมีห้องนอนครับ ที่มีจอทีวีปรับสีเป็นสีฟ้าให้หลับสบาย พร้อมทั้งมีที่ปิดตาให้ เหมือนว่าเราได้พักผ่อนในทุ่งหญ้าหรือริมทะเลไปด้วย
อาหารและบริการ ถือว่าดีเลยครับ ประทับใจ
หวังว่าคราวหน้าจะได้ลอง Apartment บ้าง ส่วน Residence นั้นต้องรอคนมาหารครับ เพราะว่าราคาเป็นราคาต่อสองคน
[CR] Etihad Diamond First Class และ First Class Lounge and Spa at Abu Dhabi Airport
สำหรับสายการบิน Etihad นั้น ถ้าบิน First class จะมี Cabin สามแบบ แบบแรกเรียกว่า First ของ First หรือ อภิมหา first หรือที่เรียกว่า Residence ครับ จะเป็นที่นั่งสำหรับสองคน เป็นห้องโดยเฉพาะ ราคาแพงมาก มีเฉพาะในเครื่อง A380 ครับ ราคาประมาณสี่เท่าของ First class ปกติ
แบบที่สองเป็น First class ในเครื่อง A380 ครับ เรียกว่า Apartment ส่วนของที่นั่งนั้นกว้างขวางมาก แยกที่นั่ง กับที่นอนออกจากกัน และมีห้องน้ำกับบาร์บนเครื่องด้วย (เหมือนของ Emirtaes ใน A380)
แบบที่สามคือ First class ในเครื่อง A330 หรือรุ่นอื่นๆ ที่เรียกว่า Diamond First class ครับ .... First class แบบนี้แม้ว่าที่นั่งกับที่นอนจะไม่แยกกันแบบ Apartment แต่ว่าก็เป็นส่วนตัว กว้างขวาง ปิดประตูเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ครับ ที่ไม่เหมือน Apartment อีกอย่างคือไม่มีห้องอาบน้ำ แต่ห้องน้ำก็กว้างขวางดีครับ ส่วนตัวที่นั่งนั้นผมว่ากว้างครับ นั่งสบาย และหลับได้สนิทมาก เพราะตัวใหญ่อย่างผม
ยังพอพลิกตัวได้เลย แต่ถ้าเป็น Business class จะพลิกตัวไม่ได้ ผมไป Morocco ได้นั่ง A330 ครับ ก็เลยเป็น Diamond First Class ครับผม
จุดเด่นของการบริการของ Etihad First Class คือ มีพ่อครัวประจำตัวให้เราครับ เราจะสั่งอาหารมาทานตอนไหนก็ได้ แค่ไหนก็ได้ ถ้าทานได้ เชฟยินดีทำให้ครับ ทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม มีให้ไม่อั้น
และอาหารที่มี จะทำสด ๆ ร้อนๆ มีครัวร้อนอยู่หน้าเครื่องเลยครับ เพราะฉนั้นอาหารจะร้อนเหมือนได้ทานตามร้านอาหารเลย
หลังจาก take off ไปแล้ว เชฟจะมารับ order ครับ แล้วก็จะถามว่าเราอยากทานตอนไหน อยากทานอะไรบ้าง เป็นเหมือนทั้งเชฟ และบริกรไปด้วย แถมยังเป็น steward ด้วยนะครับ เพราะว่าจะช่วยบริการและปูเตียงให้ด้วย
Flight ที่ผมบินนี้ออกจากอาบูดาบีประมาณตีสอง ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง ผมเลยไม่ทานก่อนครับ เพราะว่าอิ่มมาจาก Lounge แล้ว
เลยบอกเชฟไปว่า จะขอทานตอนเช้าเลย ก่อนเครื่องลดระดับประมาณ 1 ชั่วโมง
เชฟของผมชื่อ Enrico ครับ มีภรรยาเป็นคนไทย เพิ่งแต่งงานกันสองอาทิตย์ทีผ่านมาเองครับ ก็เลยคุยกันสนุกไปเลย
พอเครื่องปรับระดับได้ ผมก็ให้ Enrico ช่วยปรับเตียงเป็นที่นอนให้ครับ ก็กว้างขวาง หลับสบายดีมากๆ เครื่องไม่เจอ Turbulance อะไรเลย ทำให้ผมหลับสบาย พร้อมเที่ยวทันที เมื่อถึงจุดหมาย โดยไม่ต้องงัวเงียครับ
อาหารบนเครื่องนั้น serve ทั้งอาหารค่ำ แล้วก็อาหารเช้า แต่เนื่องจากผมอยากนอนเลย จึงให้ Enrico เตรียมทั้งอาหารค่ำและอาหารเช้ามาให้ผมทีเดียว ตอนตื่นนอนเลยครับ
ที่ผมได้ลองก็มี Steak นะครับ เนื้อนุ่มมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าทำบนเครื่องจะยังทำให้นุ่มได้ เคยมีคน comment ว่า อาหารของ Etihad ไม่โอเค แต่ผมว่าอร่อยเลยครับ ผมทาน steak กับไข่กวน แล้วก็ที่อร่อยมากเลยคือ Hash brown ครับ ต้องขอเบิ้ลเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็มีของหวานที่เชฟจัดมาให้แบบให้อิ่ม แล้วเที่ยวได้เลยทันทีเมื่อลงเครื่องครับ ทั้ง Waffle ที่หอม แล้วก็กรอบมาก มีไอศครีมสตรอเบอรี่ ชิ้นใหญ่มาก แล้วก็รวมของหวาน ที่มีทั้ง Baklava ที่อร่อยมากๆ ครัวซองร้อนๆ Madeleine ที่ทำร้อนๆ เลย รวมทั้ง fresh baked cookies ด้วยครับ อุ่นๆ ร้อนๆ เลย ประทับใจมาก
หลังจากผมทานไปหมดแล้ว Enrico เดินมาบอกว่ามีอีกอย่างที่แม้จะอิ่มแล้วก็อยากให้ผมได้ลองทานอีกคือ Raspberry tart ครับ ซึ่งก็อร่อยจริงๆ อย่างที่เขาบอกครับ
เสียดายที่ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะว่าตอนที่ทานนั้นยังเช้ามืดอยู่เลยครับ ไฟใน cabin ยังปิดอยู่เลย
Amenity ที่ใช้ กระเป๋าเป็นของ Christian Lacroix ครับ สวยงาม หรูหรา ออกแบบมาดีมาก พับได้เป็นกระเป๋าใส่เครื่องสำอาง แต่ถ้าปลดกระดุมออกมาจะเป็น Clutch ครับ ออกแบบได้ดีมากๆ
ส่วนเครื่องสำอางที่นี่เป็นของ Brand Omarosa จากฮังการีครับ
ส่วน entertainment system ก็โอเคครับ หนังอาจไม่เยอะเท่า Emirates แต่ว่าก็เยอะกว่า TG ครับ
ส่วน First class lounge and spa ที่ Abu Dhabi airport นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใหญ่โตอลังการเหมือนของ Emirates ที่ Dubai แต่ก็โอเคมาก ๆ ครับ
ส่วนของห้องอาหาร เป็นห้องอาหารจริงๆ เลย มีบริกรมารับ order แล้วก็ทำร้อนๆ มี line buffet เล็กๆ ของขนมหวาน แล้วก็มีบาร์ที่ถ้าใครชอบดื่ม คงถูกใจมากครับ
ที่พิเศษไปกว่าที่ Dubai ก็คือมีบริการฟรีให้เราเลือกใช้ได้ว่า จะเป็นสปา ทำเล็บ หรือโกนหนวด ก็ได้ แต่ถ้าจะสปามากกว่าเวลาที่ให้ หรืออยากตัดผม อันนี้ต้องข่ายเพิ่มครับ Spa ที่อยู่ใน lounge เป็น Six Sense Spa ครับ ผมใช้บริการแล้ว นวดดีมากๆ ครับ
และที่ไม่เหมือนที่อื่นเลย คือใน lounge มี Fitness ด้วยครับ ผมก็แค่เข้าไปดูนะครับ ไม่ได้ออกกำลังกายในนั้น ก่อนบิน 5555
อีกจุดที่ดีมากเลย คือมีห้องนอนครับ ที่มีจอทีวีปรับสีเป็นสีฟ้าให้หลับสบาย พร้อมทั้งมีที่ปิดตาให้ เหมือนว่าเราได้พักผ่อนในทุ่งหญ้าหรือริมทะเลไปด้วย
อาหารและบริการ ถือว่าดีเลยครับ ประทับใจ
หวังว่าคราวหน้าจะได้ลอง Apartment บ้าง ส่วน Residence นั้นต้องรอคนมาหารครับ เพราะว่าราคาเป็นราคาต่อสองคน