คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ยอดหนี้ของคุณไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท คดีนี้จึงขึ้นศาลแขวง และเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก คุณอาจจะไม่ต้องมีทนายก็ได้
ในวันกำหนดนัดตามหมาย คุณควรไป เพราะนัดแรกนี้จะเป็นการประนีประนอมกันก่อน คุณสามารถแจ้งได้ว่าคุณสะดวกชำระเท่าไหร และผ่อนชำระอย่างไร ตามที่สะดวก แต่ต้องชำระนะครับ ฉะนั้นต้องวางแผนเอาที่คุณสะดวกผ่อนชำระไหวจริง ๆ จากนั้นถ้าประนอมกันได้ จะมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลจะมีคำพิพากษาตามยอมเลย ซึ่งคำพิพากษานี้จะมีผลว่าคุณยอมรับตามฟ้องแล้วและศาลตัดสินให้คนเป็นฝ่ายแพ้คดี ดังนั้นหลังจาดนี้ ถ้าคุณไม่ชำระหนี้ตามกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จะสามารถยกคำพิพากษามาบังคับคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องฟ้องคดีใหม่ ฉะนั้นย้ำอีกครั้งว่า ในการประนีประนอมยอมความ คุณต้องวางแผนเอาที่คุณสะดวกผ่อนชำระไหวจริง ๆ นะครับ
อีกอย่างหนึ่ง ไม่อยากให้คุณกังวลไปนัก เพราะการที่เจ้าหนี้บัตรฯ ฟ้องคุณก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง คือ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของบัตรเหล่านี้จะหยุดลงถึงวันฟ้อง นับจากนี้ไป ยอดหนี้ของคุณจะเป็นตายตัวตามที่ระบุในคำฟ้อง และคิดดอกเบี้ยอีกร้อยละ ๗.๕ ต่อปีไป จนชำระเสร็จเท่านั้น ซึ่งจะทำให้คุณจ่ายดอกเบี้ยเบาลง และก็ไม่น่าหนักใจด้วยเพราะในสัญญาประนีประนอมฯ ทนายโจทก์จะคำนวนยอด+ดอกเบี้ยแล้วหารเฉลี่ยเป็นรายงวดให้คุณเสร็จสรรพ หลังจากนั้นขอเพียงแต่คุณ พยายามชำระหนี้ให้ตรงและครบตามเวลาก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเรื่องเครดิตอะไร มันก็เสียตั้งแต่ผิดนัดชำระก่อนฟ้องแล้วแนะนำว่าไม่ต้องไปใส่ใจเพราะยังทำอะไรไม่ได้ครับ
ปล ๑. วันไปศาลก็อย่าลืมบัตรประชาชนไปด้วยนะครับ
ปล ๒. แต่ถ้าคุณคิดว่ายอดหนี้ตามฟ้องมันสูงเกินไป ก็ต้องเอกสารการชำระหนี้ต่างไปยันด้วยนะครับ
ในวันกำหนดนัดตามหมาย คุณควรไป เพราะนัดแรกนี้จะเป็นการประนีประนอมกันก่อน คุณสามารถแจ้งได้ว่าคุณสะดวกชำระเท่าไหร และผ่อนชำระอย่างไร ตามที่สะดวก แต่ต้องชำระนะครับ ฉะนั้นต้องวางแผนเอาที่คุณสะดวกผ่อนชำระไหวจริง ๆ จากนั้นถ้าประนอมกันได้ จะมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลจะมีคำพิพากษาตามยอมเลย ซึ่งคำพิพากษานี้จะมีผลว่าคุณยอมรับตามฟ้องแล้วและศาลตัดสินให้คนเป็นฝ่ายแพ้คดี ดังนั้นหลังจาดนี้ ถ้าคุณไม่ชำระหนี้ตามกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จะสามารถยกคำพิพากษามาบังคับคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องฟ้องคดีใหม่ ฉะนั้นย้ำอีกครั้งว่า ในการประนีประนอมยอมความ คุณต้องวางแผนเอาที่คุณสะดวกผ่อนชำระไหวจริง ๆ นะครับ
อีกอย่างหนึ่ง ไม่อยากให้คุณกังวลไปนัก เพราะการที่เจ้าหนี้บัตรฯ ฟ้องคุณก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง คือ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของบัตรเหล่านี้จะหยุดลงถึงวันฟ้อง นับจากนี้ไป ยอดหนี้ของคุณจะเป็นตายตัวตามที่ระบุในคำฟ้อง และคิดดอกเบี้ยอีกร้อยละ ๗.๕ ต่อปีไป จนชำระเสร็จเท่านั้น ซึ่งจะทำให้คุณจ่ายดอกเบี้ยเบาลง และก็ไม่น่าหนักใจด้วยเพราะในสัญญาประนีประนอมฯ ทนายโจทก์จะคำนวนยอด+ดอกเบี้ยแล้วหารเฉลี่ยเป็นรายงวดให้คุณเสร็จสรรพ หลังจากนั้นขอเพียงแต่คุณ พยายามชำระหนี้ให้ตรงและครบตามเวลาก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเรื่องเครดิตอะไร มันก็เสียตั้งแต่ผิดนัดชำระก่อนฟ้องแล้วแนะนำว่าไม่ต้องไปใส่ใจเพราะยังทำอะไรไม่ได้ครับ
ปล ๑. วันไปศาลก็อย่าลืมบัตรประชาชนไปด้วยนะครับ
ปล ๒. แต่ถ้าคุณคิดว่ายอดหนี้ตามฟ้องมันสูงเกินไป ก็ต้องเอกสารการชำระหนี้ต่างไปยันด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
ถามคนที่เคยโดนฟ้องศาลหนี้บัตรเครดิตค่ะ
คำถามคือ
ดิฉันต้องเตรียมตัวยังไงบ้างค่ะ มีเอกสาร หรืออะไรที่ต้องนำไปศาลด้วยค่ะ
หรือมีทางออกที่ดีกว่าการไปศาลไหมคะ รบกวนด้วยค่ะดิฉันไม่รู้จริงๆ
ขอบคุณมากๆค่ะ