เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว (3) ...ตามหาปีศาจหิมะ



ผมและเพื่อน ๆ ออกเดินทางจากที่พักย่านชานเมืองโตเกียว โดยมีปลายทางอยู่ที่ยามากาตะ (Yamakata) ซึ่งต้องนั่งรถไฟขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจากโตเกียวประมาณสองชั่วโมงครึ่ง เมื่อถึงยามากาตะ เราต้องขึ้นรถบัสอีกต่อหนึ่ง แล้วเดินผ่านย่านร้านค้าไปที่ซาโอะ สกี รีสอร์ท (Zao Ski Resort)





ภายในรีสอร์ทมีเส้นทางสำหรับสกีและสโนว์บอร์ด ให้ผู้รักความท้าทายไหลลื่นบนน้ำแข็งตามความชันลงมา และยังมีออนเซ็นให้แช่น้ำร้อนผ่อนคลายจากการเล่นกีฬาด้วย แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกเรา เรามาที่นี่เพื่อตามล่าปีศาจหิมะ (Ice Monster)






เหล่าปีศาจหิมะ หรือ จูเฮียว (Juhyo) ในภาษาญี่ปุ่นนั้นอยู่บนเขาซาโอะ มีไม่กี่แห่งบนโลกนี้ที่จะมีปีศาจหิมะสีขาวสิงสถิตอยู่ และซาโอะเป็นจุดที่ผู้คนนิยมมาตามหาปีศาจหิมะมากที่สุดแห่งหนึ่ง





เริ่มจากปลายเดือนธันวาคมที่ลมหนาวจากไซบีเรีย (Siberia) พัดผ่านทะเลญี่ปุ่น ความเย็นและความชื้นที่ลงตัวผสมกับหิมะที่ตกลงมา เกิดเป็นเกล็ดหิมะเกาะอยู่บนต้นไม้ สะสมทีละเล็กละน้อยจนปกคลุมต้นไม้ทั้งต้น มองไม่ออกว่าเป็นต้นไม้ เห็นแต่เพียงปุยหิมะขาวรูปทรงประหลาด แตกต่างกันไปตามรูปทรงของต้นไม้แต่ละต้นอยู่เต็มภูเขา คล้ายกับปีศาจสีขาวตัวโตครอบครองภูเขาทั้งลูก





ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ในบริเวณที่มีสภาพอากาศเหมาะสมอย่างพอดิบพอดีเท่านั้น ถ้าอุณหภูมิอบอุ่นเกินไป เกล็ดหิมะจะละลาย ไม่เกาะอยู่บนต้นไม้ หรือถ้าอุณหภูมิหนาวเย็นเกินไป หิมะจะกลายเป็นน้ำแข็งและร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้





เราใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าตรงเชิงเขาขึ้นไปที่สถานีแรก ที่อยู่ราวกึ่งกลางระหว่างด้านล่างและยอดเขา ด้านนอกเป็นลานสกี พวกเราออกไปเดินชมทิวทัศน์รอบสถานี ยังไม่เจอปีศาจหิมะ มีแค่ต้นสนบางต้นอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านกลายร่างเป็นปีศาจ ส่วนต้นไม้อื่นที่มีกิ่งก้านแผ่ขยายออกไปจากลำต้นมีหิมะเกาะอยู่ตามกิ่งทั่วทั้งต้น หากมองในระยะใกล้ พอจะเห็นได้ว่าเกล็ดหิมะที่ว่าสวยนั้น มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร





นักสกีและสโนว์บอร์ดบางคนเริ่มต้นจากสถานีนี้ ในขณะที่บางส่วนเล่นลงมาจากยอดเขาด้านบน บางกลุ่มนั่งกระเช้าแยกไปอีกเส้นทางหนึ่ง ผู้ที่มาเล่นสกีและสโนว์บอร์ดมักใส่เสื้อผ้าสีสด ตัดกับสีขาวของหิมะ ภาพของพวกเขาที่นั่งกระเช้าแบบห้อยขาไปตามทางที่ทอดยาวขึ้นเขามองดูแล้วเหมือนภาพวาด คล้ายสีสวยหลากสีแต้มอยู่บนกระดาษขาว




จากสถานีแรก เรานั่งกระเช้าต่อไปที่สถานีปลายทางที่อยู่บนยอดเขา ภายในกระเช้ามีหิมะที่ติดมากับเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของนักสกีและสโนว์บอร์ดร่วงหล่นอยู่เต็มพื้น ระหว่างทางมองลงมาเบื้องล่าง ป่าสนบนเขาเกือบจะกลายเป็นปีศาจหิมะเต็มตัว เหลือแต่กิ่งและใบสีดำโผล่มาให้เห็นไม่มาก





สถานีบนยอดเขาชื่อว่า จิโซซานโช (Jizosancho) มีรูปปั้นจิโซ โบซัสสุ (Jizo Bosatsu) พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็ก สูงราว 2 เมตรอยู่นอกอาคารด้วย แต่ในฤดูหนาวมีหิมะลงหนาขนาดนี้ ผมมองหาจิโซไม่พบ รูปพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่คงจมอยู่ใต้หิมะไปแล้ว





สภาพอากาศนอกตัวอาคารหนาวเย็นจบเจ็บหู มือไม้แข็งไปหมด เราออกไปเดินถ่ายรูปสลับกับเข้ามาพักรับไออุ่นในสถานีเป็นระยะ น่าเสียดายที่ฟ้าไม่เปิด มีเมฆหมอกมาก ทำให้เราจับเหล่าปีศาจให้เข้ามาอยู่ในกล้องได้ไม่ชัดเจน เห็นเป็นเพียงเงาสีขาวเลือนราง





จากสถานี สามารถเดินขึ้นยอดเขาไปในจุดที่สูงกว่านี้ได้อีก แต่พวกเราไม่มีใครกล้า เสื้อผ้าที่ใส่กันมา ป้องกันความหนาวเย็นได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ชุดสำหรับลุยหิมะโดยตรง พวกเราได้แต่นั่งดื่มชาร้อนคลายหนาวอยู่ด้านใน รอเวลาให้แดดออก

เราตัดสินใจเดินออกไปถ่ายรูปด้านนอกเป็นรอบสุดท้าย ก่อนจะกลับลงมา ทำใจแล้วว่า เราคงไม่มีโอกาสได้รูปปีศาจหิมะท่ามกลางแดดใส ท้องฟ้าสีสวย แต่ในขณะที่เดินออกไปนั้น ดวงอาทิตย์เล็ดลอดการบดบังของเมฆหนามาได้บางส่วน ทำให้เห็นปีศาจหิมะขาวอยู่เต็มยอดเขา เป็นเพียงเวลาไม่ถึงนาทีที่ได้เห็นภาพน่าประทับใจนั้น แล้วดวงอาทิตย์ก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหมู่เมฆอีกครั้ง





เรากลับลงมาจากยอดเขาซาโอะพร้อมกับความสำเร็จในการตามล่าหาปีศาจหิมะ ปรากฏการณ์ธรรมชาติแบบนี้หาชมได้ไม่ง่าย แม้ไม่ใช่วันที่ท้องฟ้าเป็นใจ แต่การได้พบกับปีศาจหิมะ และความสวยงามในส่วนอื่นของเขาซาโอะยังคงเป็นภาพที่น่าจดจำ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่