ยาวพอสมควร ไม่รู้จะมีคนอ่านจบหรือเปล่า รบกวนด้วยนะคะ
ตอนก่อนปีใหม่ (28/12/60) เราไปใช้บริการที่ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรแห่งหนึ่ง
ซึ่งเราตั้งใจไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และวันนั้นดันเป็นวันที่จู่ๆ แอร์ก็ไม่เย็น แบบไม่มีความเย็นเลย มีแต่ลม
เราเลยบอกน้องช่างว่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แล้วก็แอร์เพิ่งจะไม่เย็นวันนี้ช่วยเช็คให้หน่อย
น้องช่างก็เช็ค แล้วบอกเราว่าตู้แอร์รั่ว เสื่อมสภาพแล้วด้วย และมีน้องหนูเข้าไปพักอาศัย จะเปลี่ยนไหม?
(รถ Civic fd 2006 ค่ะ ล้างตู้แอร์ครั้งล่าสุดตอนปี 57 พร้อมเปลี่ยนกรองอากาศแอร์ และมาเปลี่ยนกรองอากาศแอร์อีกครั้งตอนปี 59)
เราก็โอเคเปลี่ยน เพราะคิดว่าคงหมดอายุการใช้งานแล้วจริงๆ เพราะมันนานมากแล้ว
สรุปว่ารายการที่ทำไปวันนั้น มีดังนี้ค่ะ
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
- เปลี่ยนตู้แอร์ วาล์วแอร์
- Flushing ทั้งระบบ (ระบบแอร์)
ออกจากศูนย์บริการ กลับบ้าน ก่อนถึงบ้าน เราลองเร่งแอร์จนสุด ปิด AC ปรากฏว่ามีเสียงไม่คุ้นหูเพิ่มเข้ามา
วันต่อไปเราเลยกลับไปที่ศูนย์บริการ ให้น้องช่างตรวจสอบให้ ก็พบว่ามีพลาสติกเข้าไปติดอยู่ (ไม่รู้มาจากไหนเหมือนกัน)
น้องช่างก็เอาออก เสียงก็หายไป โอเคสบายใจ ปกติละ
หลังจากใช้บริการวันนั้น หยุดปีใหม่เราไม่ได้ใช้รถเลยค่ะ (30 ธ.ค. 60 - 1 ม.ค. 61)
มาใช้อีกทีก็วันที่ 2 หลังจากนั้นก็ใช้รถไปทำงานตามปกติ แต่เราเริ่มเห็นความผิดปกติตอนวันที่ 3 ม.ค. 61
น้ำมันเครื่องไม่ได้มีปัญหาอะไร แอร์เย็นปกติค่ะ แต่พรมที่พื้นฝั่งผู้โดยสารมันเปียก
เราก็คิดว่ารอดูไปก่อน (เพราะวันนั้นฝนตก) จนวันศุกร์ (5 ม.ค. 61) พรมตรงนั้นเปียกชุ่มฉ่ำ ฝนก็ไม่ได้ตกอีกตั้งแต่วันที่ 3 เราก็มั่นใจแล้วว่า
ผิดปกติแน่ๆ ท่อตรงไหนหลุดหรือเปล่า หรือท่อน้ำแอร์มันตัน
วันเสาร์เราเลยไปที่ศูนย์บริการเดิมอีกครั้ง
เพราะระบบแอร์รับประกัน 30 วัน น้องช่างคนที่เคยทำให้ไม่อยู่ เลยบอกอาการกับน้องช่างที่อยู่วันนั้นให้ช่วยเช็คให้
เช็คแล้วน้องช่างคนที่ 1 บอกว่าท่อแอร์หลุด เราก็อืมม.. น้องช่วยดูดน้ำที่พรมฝั่งผู้โดยสารให้หมด แล้วเป่าให้แห้งด้วยนะ
น้องช่างก็โอเค บอกว่าจะจัดการให้ รอไม่นาน น้องช่างคนที่ 2 ก็บอกว่าเรียบร้อยแล้ว ท่อตัน แก้ให้แล้ว น้ำแอร์ไหลออกมาเต็มเลย
เราถามว่าเป่าแห้งแล้วใช่ป่าว น้องช่างก็บอกเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเช็ค มันยังไม่แห้ง
(ก่อนออกจากบ้าน พ่อบอกว่าเค้าดูดน้ำออก แล้วเป่าให้แห้งได้ เราก็เชื่อพ่อ)
เราเลยไปบอกน้องช่างอีกครั้งว่ามันยังเปียกอยู่เลย น้องช่วยเป่าให้แห้งได้ไหม น้องช่างบอกว่าพอแห้งอ่ะได้ ถ้าให้แห้งเลยมันต้องตากแดด
เราก็บอกว่าเป่าให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ละกัน น้องช่างก็โอเค ไปเป่าอยู่นานพอควร
ก็โอเคพรมแห้งกว่าเดิมเยอะ แต่ถ้าลองกดน้ำหนักลงบนพรมเยอะๆ ก็เหมือนจะยังมีน้ำอยู่ใต้พรมทำให้พรมเปียกชื้นอีก
ไม่แน่ใจว่าน้องช่างได้ดูดน้ำใต้พรมออกหรือเปล่า แต่เราก็ใช้รถไปจนวันอังคาร (9 ม.ค. 61)
ตอนขับรถไปทำงาน ใกล้ถึงที่ทำงานละ จู่ๆก็มีกลิ่นไหม้ในรถ พอจอดรถที่ทำงาน ดับเครื่อง
มีควันลอยออกมาจากช่องแอร์ฝั่งคนขับติดกับตรงกลางใกล้เครื่องเล่นCD
เอามือไปใกล้จะรู้สึกอุ่น เราก็กังวล วันนั้นบ่ายเลยลางานเอารถไปที่ศูนย์บริการเดิม
เจอน้องช่างที่เคยเปลี่ยนตู้แอร์ให้ เลยบอกอาการไป น้องช่างก็ตรวจสอบให้
พบว่า น้องหนูกลับมาพักอาศัยอีกแล้ว แล้วบอกว่ากลิ่นไหม้นั้นอาจมาจาก เศษอะไรบางอย่างเข้าไปติด
เมื่อเกิดความร้อน มันก็ไหม้ (เรายังคงไม่สบายใจ) และบอกว่าท่อแอร์ตันอีกแล้ว เราบอกว่าวันเสาร์เพิ่งแก้ไขไปเองนะ
น้องช่างบอกว่าใช้ลมไล่ให้แล้ว มีเศษอะไรไม่รู้สีดำหลุดออกมาพอสมควร น้ำแอร์ก็ไหลลงมาเยอะเลย
เราก็สงสัย ทำไมตันอีกแล้ว น้องช่างบอกว่าโทรถามช่างที่ทำให้วันเสาร์ เค้าบอกว่าเมื่อวันเสาร์ท่อแอร์มันพับอยู่
(เราคิดในใจ หืมมมม.. นี่แสดงว่าทำงานไม่เรียบร้อยตั้งแต่ต้นอ่ะดิ่ แต่ละคนก็บอกไปคนละสาเหตุ)
หลังจากนั้นก็เอารถมาใช้ตามปกติ ก็คอยสังเกตไปด้วยว่าน้ำแอร์ใต้ท้องรถหยดหรือเปล่า
วันนี้ตอนบ่ายก็ยังหยดอยู่ แต่ความถี่น้อยกว่าปกติ ตอนเย็นเลยสังเกตอีกครั้ง
คราวนี้แทบไม่มีน้ำแอร์หยดออกมาเลย เราก็...เอาอีกแล้ววว เซ็งมากกกกกกกกกกกกก
คือก่อนเปลี่ยนตู้แอร์ ถึงจะมีน้องหนูมาพักศัย แต่ท่อแอร์ก้ไม่เคยตัน ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้
เรารู้สึกเหมือนมันเป็นเพราะเราตัดสินใจเปลี่ยนตู้แอร์วันนั้น ทำให้รถมีปัญหาจนถึงวันนี้
ไปศูนย์บริการแต่ละครั้งก็เสียเวลาไปมาก แต่สุดท้ายปัญหาก็ไม่หายไป
พี่ที่ทำงานบอกว่าศูนย์บริการนี้ไม่เก่งเรื่องแอร์ ทำไมไม่ไปร้านซ่อมแอร์รถยนต์โดยตรง
เราก็ไม่เคยเอารถไปเข้าร้านแบบนั้นเลย เลยไม่มั่นใจ แต่พี่ที่ทำงานก็แนะนำร้านที่โอเคมา
เราเลยคิดว่าหรือเราจะลองไปร้านที่พี่แนะนำดู เผื่อจะเจอสาเหตุที่แท้จริง
แต่ถ้าเอาไปเข้าศูนย์บริการเดิม ก็จะยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน (ระบบแอร์ 30 วัน) แต่เราก็ไม่มั่นใจว่าปัญหามันจะหายไปอย่างถาวร
เลยอยากจะสอบถามคนที่พอจะมีความรู้เรื่องพวกนี้ว่าเราควรเปลี่ยนร้านไหมคะ หรือควรให้ศูนย์บริการเดิมรับผิดชอบจนกว่า
ปัญหาจะหายไปถาวร หรือจนกว่าสิ้นสุดเวลารับประกัน เราควรทำไงดี ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะล่วงหน้าเลยค่ะ
*edit แก้ไขคำผิดค่ะ
เราควรเปลี่ยนศูนย์บริการไหม ถ้ายังอยู่ในระยะเวลารับประกันของศูนย์บริการเดิม
ตอนก่อนปีใหม่ (28/12/60) เราไปใช้บริการที่ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรแห่งหนึ่ง
ซึ่งเราตั้งใจไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และวันนั้นดันเป็นวันที่จู่ๆ แอร์ก็ไม่เย็น แบบไม่มีความเย็นเลย มีแต่ลม
เราเลยบอกน้องช่างว่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แล้วก็แอร์เพิ่งจะไม่เย็นวันนี้ช่วยเช็คให้หน่อย
น้องช่างก็เช็ค แล้วบอกเราว่าตู้แอร์รั่ว เสื่อมสภาพแล้วด้วย และมีน้องหนูเข้าไปพักอาศัย จะเปลี่ยนไหม?
(รถ Civic fd 2006 ค่ะ ล้างตู้แอร์ครั้งล่าสุดตอนปี 57 พร้อมเปลี่ยนกรองอากาศแอร์ และมาเปลี่ยนกรองอากาศแอร์อีกครั้งตอนปี 59)
เราก็โอเคเปลี่ยน เพราะคิดว่าคงหมดอายุการใช้งานแล้วจริงๆ เพราะมันนานมากแล้ว
สรุปว่ารายการที่ทำไปวันนั้น มีดังนี้ค่ะ
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
- เปลี่ยนตู้แอร์ วาล์วแอร์
- Flushing ทั้งระบบ (ระบบแอร์)
ออกจากศูนย์บริการ กลับบ้าน ก่อนถึงบ้าน เราลองเร่งแอร์จนสุด ปิด AC ปรากฏว่ามีเสียงไม่คุ้นหูเพิ่มเข้ามา
วันต่อไปเราเลยกลับไปที่ศูนย์บริการ ให้น้องช่างตรวจสอบให้ ก็พบว่ามีพลาสติกเข้าไปติดอยู่ (ไม่รู้มาจากไหนเหมือนกัน)
น้องช่างก็เอาออก เสียงก็หายไป โอเคสบายใจ ปกติละ
หลังจากใช้บริการวันนั้น หยุดปีใหม่เราไม่ได้ใช้รถเลยค่ะ (30 ธ.ค. 60 - 1 ม.ค. 61)
มาใช้อีกทีก็วันที่ 2 หลังจากนั้นก็ใช้รถไปทำงานตามปกติ แต่เราเริ่มเห็นความผิดปกติตอนวันที่ 3 ม.ค. 61
น้ำมันเครื่องไม่ได้มีปัญหาอะไร แอร์เย็นปกติค่ะ แต่พรมที่พื้นฝั่งผู้โดยสารมันเปียก
เราก็คิดว่ารอดูไปก่อน (เพราะวันนั้นฝนตก) จนวันศุกร์ (5 ม.ค. 61) พรมตรงนั้นเปียกชุ่มฉ่ำ ฝนก็ไม่ได้ตกอีกตั้งแต่วันที่ 3 เราก็มั่นใจแล้วว่า
ผิดปกติแน่ๆ ท่อตรงไหนหลุดหรือเปล่า หรือท่อน้ำแอร์มันตัน
วันเสาร์เราเลยไปที่ศูนย์บริการเดิมอีกครั้ง
เพราะระบบแอร์รับประกัน 30 วัน น้องช่างคนที่เคยทำให้ไม่อยู่ เลยบอกอาการกับน้องช่างที่อยู่วันนั้นให้ช่วยเช็คให้
เช็คแล้วน้องช่างคนที่ 1 บอกว่าท่อแอร์หลุด เราก็อืมม.. น้องช่วยดูดน้ำที่พรมฝั่งผู้โดยสารให้หมด แล้วเป่าให้แห้งด้วยนะ
น้องช่างก็โอเค บอกว่าจะจัดการให้ รอไม่นาน น้องช่างคนที่ 2 ก็บอกว่าเรียบร้อยแล้ว ท่อตัน แก้ให้แล้ว น้ำแอร์ไหลออกมาเต็มเลย
เราถามว่าเป่าแห้งแล้วใช่ป่าว น้องช่างก็บอกเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเช็ค มันยังไม่แห้ง
(ก่อนออกจากบ้าน พ่อบอกว่าเค้าดูดน้ำออก แล้วเป่าให้แห้งได้ เราก็เชื่อพ่อ)
เราเลยไปบอกน้องช่างอีกครั้งว่ามันยังเปียกอยู่เลย น้องช่วยเป่าให้แห้งได้ไหม น้องช่างบอกว่าพอแห้งอ่ะได้ ถ้าให้แห้งเลยมันต้องตากแดด
เราก็บอกว่าเป่าให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ละกัน น้องช่างก็โอเค ไปเป่าอยู่นานพอควร
ก็โอเคพรมแห้งกว่าเดิมเยอะ แต่ถ้าลองกดน้ำหนักลงบนพรมเยอะๆ ก็เหมือนจะยังมีน้ำอยู่ใต้พรมทำให้พรมเปียกชื้นอีก
ไม่แน่ใจว่าน้องช่างได้ดูดน้ำใต้พรมออกหรือเปล่า แต่เราก็ใช้รถไปจนวันอังคาร (9 ม.ค. 61)
ตอนขับรถไปทำงาน ใกล้ถึงที่ทำงานละ จู่ๆก็มีกลิ่นไหม้ในรถ พอจอดรถที่ทำงาน ดับเครื่อง
มีควันลอยออกมาจากช่องแอร์ฝั่งคนขับติดกับตรงกลางใกล้เครื่องเล่นCD
เอามือไปใกล้จะรู้สึกอุ่น เราก็กังวล วันนั้นบ่ายเลยลางานเอารถไปที่ศูนย์บริการเดิม
เจอน้องช่างที่เคยเปลี่ยนตู้แอร์ให้ เลยบอกอาการไป น้องช่างก็ตรวจสอบให้
พบว่า น้องหนูกลับมาพักอาศัยอีกแล้ว แล้วบอกว่ากลิ่นไหม้นั้นอาจมาจาก เศษอะไรบางอย่างเข้าไปติด
เมื่อเกิดความร้อน มันก็ไหม้ (เรายังคงไม่สบายใจ) และบอกว่าท่อแอร์ตันอีกแล้ว เราบอกว่าวันเสาร์เพิ่งแก้ไขไปเองนะ
น้องช่างบอกว่าใช้ลมไล่ให้แล้ว มีเศษอะไรไม่รู้สีดำหลุดออกมาพอสมควร น้ำแอร์ก็ไหลลงมาเยอะเลย
เราก็สงสัย ทำไมตันอีกแล้ว น้องช่างบอกว่าโทรถามช่างที่ทำให้วันเสาร์ เค้าบอกว่าเมื่อวันเสาร์ท่อแอร์มันพับอยู่
(เราคิดในใจ หืมมมม.. นี่แสดงว่าทำงานไม่เรียบร้อยตั้งแต่ต้นอ่ะดิ่ แต่ละคนก็บอกไปคนละสาเหตุ)
หลังจากนั้นก็เอารถมาใช้ตามปกติ ก็คอยสังเกตไปด้วยว่าน้ำแอร์ใต้ท้องรถหยดหรือเปล่า
วันนี้ตอนบ่ายก็ยังหยดอยู่ แต่ความถี่น้อยกว่าปกติ ตอนเย็นเลยสังเกตอีกครั้ง
คราวนี้แทบไม่มีน้ำแอร์หยดออกมาเลย เราก็...เอาอีกแล้ววว เซ็งมากกกกกกกกกกกกก
คือก่อนเปลี่ยนตู้แอร์ ถึงจะมีน้องหนูมาพักศัย แต่ท่อแอร์ก้ไม่เคยตัน ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้
เรารู้สึกเหมือนมันเป็นเพราะเราตัดสินใจเปลี่ยนตู้แอร์วันนั้น ทำให้รถมีปัญหาจนถึงวันนี้
ไปศูนย์บริการแต่ละครั้งก็เสียเวลาไปมาก แต่สุดท้ายปัญหาก็ไม่หายไป
พี่ที่ทำงานบอกว่าศูนย์บริการนี้ไม่เก่งเรื่องแอร์ ทำไมไม่ไปร้านซ่อมแอร์รถยนต์โดยตรง
เราก็ไม่เคยเอารถไปเข้าร้านแบบนั้นเลย เลยไม่มั่นใจ แต่พี่ที่ทำงานก็แนะนำร้านที่โอเคมา
เราเลยคิดว่าหรือเราจะลองไปร้านที่พี่แนะนำดู เผื่อจะเจอสาเหตุที่แท้จริง
แต่ถ้าเอาไปเข้าศูนย์บริการเดิม ก็จะยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน (ระบบแอร์ 30 วัน) แต่เราก็ไม่มั่นใจว่าปัญหามันจะหายไปอย่างถาวร
เลยอยากจะสอบถามคนที่พอจะมีความรู้เรื่องพวกนี้ว่าเราควรเปลี่ยนร้านไหมคะ หรือควรให้ศูนย์บริการเดิมรับผิดชอบจนกว่า
ปัญหาจะหายไปถาวร หรือจนกว่าสิ้นสุดเวลารับประกัน เราควรทำไงดี ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะล่วงหน้าเลยค่ะ
*edit แก้ไขคำผิดค่ะ