ประเทศไทยกำลังสร้างความเชื่อมั่นจากรถไฟความเร็วสูง
จากกรณีที่ นายกรัฐมนตรีร่วมเป็นประธานเปิดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณให้กับทั้งนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงคนไทยในหลายภาคส่วน ถึงสัญลักษณ์ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างประเทศไทย และประเทศจีน ซึ่งจะเป็นความสำเร็จในการเริ่มต้นโครงการต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งความร่วมมืออื่นๆ และจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งคนไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ในการเชื่อมโยงทุกประเทศให้สามารถเดินทางถึงกันได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น
คาดว่าจะทำให้สินค้าเกษตรของไทย ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา พืช ผัก และผลไม้สามารถนำไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านได้เพิ่มมากขึ้น โดยจะสามารถรักษาความสดใหม่ และลดต้นทุนในการขนส่งได้มากขึ้น
อีกทั้ง ประเทศไทยก็จะได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน และอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านคน/ปี (2557) และในปี 2561 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มมากถึง 400 ล้านคน/ปี ซึ่งจุดหมายหลักในประเทศไทย ก็จะเป็นกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนในปัจจุบัน
กล่าวคือ ประเทศจีนกำลังเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของตลาดโลก ซึ่งชาวจีนมักเลือกเมืองจุดหมายที่เดินทางเข้าง่าย รวมถึงมีนโยบายด้านวีซ่าสะดวก และประเทศไทยก็อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมเพราะ
• ใช้เวลาเดินทางไม่นาน
• อาหารการกินหลากหลาย
• อัธยาศัยของคนไทยที่เป็นมิตร
• มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย
• เดินทางสะดวก
• ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางไปประเทศอื่นๆ
จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนมีมุมมองที่ดีกับเมืองไทย ยกให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวในฝัน
ยิ่งประเทศไทยกำลังมีโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เชื่อมโยงจากประเทศจีน และโครงการอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง กรุงเทพ-หัวหิน และกรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่จะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางจากกรุงเทพไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งหากการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงแล้วเสร็จ จะทำให้เป็นคู่แข่งที่สำคัญของสายการบินต้นทุนต่ำ โดยนักวิชาการได้คาดการณ์ว่า คนรุ่นใหม่จะเปลี่ยนมาใช้การเดินทางระบบรางมากขึ้นกว่าเดิม หากสายการบินต้นทุนต่ำยังไม่มีการปรับตัว และเตรียมแผนรองรับไว้ให้ดี อาจจะต้องออกไปจากธุรกิจนี้ก็ได้ เพราะไม่สามารถแข่งขันกับระบบรางที่กำลังจะเสร็จ ...
ระวังระบบ "ราง" แซงโลว์คอสต์
จากกรณีที่ นายกรัฐมนตรีร่วมเป็นประธานเปิดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณให้กับทั้งนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงคนไทยในหลายภาคส่วน ถึงสัญลักษณ์ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างประเทศไทย และประเทศจีน ซึ่งจะเป็นความสำเร็จในการเริ่มต้นโครงการต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งความร่วมมืออื่นๆ และจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งคนไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ในการเชื่อมโยงทุกประเทศให้สามารถเดินทางถึงกันได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น
คาดว่าจะทำให้สินค้าเกษตรของไทย ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา พืช ผัก และผลไม้สามารถนำไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านได้เพิ่มมากขึ้น โดยจะสามารถรักษาความสดใหม่ และลดต้นทุนในการขนส่งได้มากขึ้น
อีกทั้ง ประเทศไทยก็จะได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน และอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านคน/ปี (2557) และในปี 2561 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มมากถึง 400 ล้านคน/ปี ซึ่งจุดหมายหลักในประเทศไทย ก็จะเป็นกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนในปัจจุบัน
กล่าวคือ ประเทศจีนกำลังเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของตลาดโลก ซึ่งชาวจีนมักเลือกเมืองจุดหมายที่เดินทางเข้าง่าย รวมถึงมีนโยบายด้านวีซ่าสะดวก และประเทศไทยก็อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมเพราะ
• ใช้เวลาเดินทางไม่นาน
• อาหารการกินหลากหลาย
• อัธยาศัยของคนไทยที่เป็นมิตร
• มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย
• เดินทางสะดวก
• ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางไปประเทศอื่นๆ
จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนมีมุมมองที่ดีกับเมืองไทย ยกให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวในฝัน
ยิ่งประเทศไทยกำลังมีโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เชื่อมโยงจากประเทศจีน และโครงการอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง กรุงเทพ-หัวหิน และกรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่จะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางจากกรุงเทพไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งหากการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงแล้วเสร็จ จะทำให้เป็นคู่แข่งที่สำคัญของสายการบินต้นทุนต่ำ โดยนักวิชาการได้คาดการณ์ว่า คนรุ่นใหม่จะเปลี่ยนมาใช้การเดินทางระบบรางมากขึ้นกว่าเดิม หากสายการบินต้นทุนต่ำยังไม่มีการปรับตัว และเตรียมแผนรองรับไว้ให้ดี อาจจะต้องออกไปจากธุรกิจนี้ก็ได้ เพราะไม่สามารถแข่งขันกับระบบรางที่กำลังจะเสร็จ ...