The Legend of Muay Thai: 9 Satra
" นำเสนอความเป็นไทยอย่างสากล แอ็คชัน บู๊ มันส์เต็มพิกัด "
9 ศาสตรา แอนิเมชันไทยที่ดีในระดับไม่ควรพลาด ยอมรับว่า หลังจากที่ได้ดู Trailer และเห็น Poster หนัง รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเตะตาสักเท่าไร อาจจะเป็นแนวแอนิเมชันไทยเดิมๆ ที่ใส่ความเป็นไทยจ๋า (ชนิดยัดเยียดๆ) หลังจากที่ได้ดูจบ กลับรู้สึกเกินความคาดหมายมาก ตั้งแต่ดูมารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นหนังแอนิเมชันที่ดีที่สุดของไทยเลย
๙ ศาสตรา (2018) แอนิเมชันไทยทุนสร้างกว่า 230 ล้านบาท จากค่าย
Exformat Films ได้รับการกำกับโดย
คุณณัฐ ยศวัฒนานนท์ และคุณกันย์ พันธ์สุวรรณ เนื้อเรื่องพูดถึงการผจญภัยของ
อ๊อด เด็กหนุ่มผู้ถูกลิขิตให้มากู้เมืองรามเทพนคร อันเป็นเมืองของมนุษย์ที่ถูก
เทหยักษา และเหล่ากองทัพยักษ์ยึดครองเอาไว้ อ๊อดจะต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ พร้อมกับเหล่าผองเพื่อนในการกู้เมืองรามเทพนคร โดยมีสิ่งสำคัญที่สำคัญที่สุดในการกู้เมืองครั้งนี้ คือ
"๙ ศาสตรา" อาวุธอันทรงอานุภาพที่สามารถใช้ในการต่อสู้กับเหล่ายักษ์ได้
แอนิเมชันไทยสไตล์มมหากาพย์แฟนตาซีที่คิวบู๊มันส์มาก
จุดที่ขอยกให้ว่าโดดเด่นที่สุดในเรื่อง คือ
"ฉากแอ็คชันและคิวบู๊" ผมนับว่าเป็นหนังแอ็คชันไทยที่ดีที่สุดนับจาก
'องค์บาก' เลย ฉากบู๊ คิวบู๊ Slow motion ทำได้มันส์ ลื่นไหลมาก และเร้าอารมณ์สุดๆ ในการต่อสู้ก็ไม่มีพิรี้พิไรกันมากความ ซัดกันเดือดชนิดเอาเป็นเอาตาย เข้มข้น จริงจัง หลายๆฉาก พอเราดูแล้วอาจจะมีโมเมนต์เคยผ่านตาจากหนังฮอลลีวู้ดบ้าง ซึ่งก็ถือว่าหนังหยิบเลือกมาใช้ได้ดี ทำได้มันส์และลงตัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนตัวคิดว่าหนังได้แรงบันดาลใจสไตล์การต่อสู้จาก Zack Snyder เพราะเวลาสู้กันเนี่ย มันไม่บันยะบันยังกันเลย อัดกันนัวไม่รีรอ คล้ายกับสไตล์ฉากแอ็คชันของแซ็ค อย่าง 300 (2006) ที่ฟันกันเลือดสาด หรืออย่าง Batman V Superman (2016) ที่สเกลพลังอัดกันรุนแรงมาก
ความครีเอทของเนื้อเรื่องบนรากฐานความเป็นไทย
อย่างที่เรารู้ๆกัน
"๙ ศาสตรา" ได้นำความเป็นไทยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องมวยไทย ความเชื่อ หรือตำนานอย่างรามเกียรติ์มาผสมผสานกันในรูปแบบแฟนตาซี ไม่ว่าจะฉากต่างๆสุดอลังการ เช่น วัง เมือง หมู่บ้าน พระพุทธรูป (และอีกหลายๆอย่าง) ที่ออกไปในทางแฟนตาซี บางอย่างออกกึ่งหนังตะวันตก แต่ทำได้สร้างสรรค์ ที่น่าแปลกใจคือ หนังนำเสนอได้แบบเป็นสากลและดูไม่ยัดเยียดอะไรเลย หนังค่อยๆเกริ่นถึงความเป็นไทยทั้งหลาย สอดแทรกได้เรียบเนียน ผมรู้สึกชื่นชมนะที่หนังสามารถนำเสนอความเป็นไทยได้เป็นสากล และคิดว่าถ้าต่างชาติได้ชม น่าจะประทับใจกับความเป็นไทยแบบนี้นี่แหละ
แก่นหลักที่หนังเน้นย้ำที่สุดก็คือ
"มวยไทย" หนังนำเสนอจุดนี้มากที่สุด ในรูปแบบท่ามวยต่างๆ ซึ่งเราน่าจะเคยคุ้นตาจากองค์บากมาบ้าง แต่ที่ชอบก็คือ หนังยังย้ำถึงจิตวิญญาณของมวยไทยอีกด้วย ถึงแม้จะมีวิชาฝีมือ แต่สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจมวยไทยจริงๆ กลับเป็นเรื่องจิตใจและคุณธรรมผู้ใช้ โดยเฉพาะ
"ความศรัทธา" สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้มวยไทยเปล่งอานุภาพออกมาควบคู่ไปกับคุณธรรมอื่นๆ และเป็นแก่นที่สอดแทรกอยู่ในความเป็นไทยเสมอมา
ยังมีความเป็นไทยอีกหลายๆอย่างที่ผมไม่ได้พูดถึง เช่น วัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่ออย่างเรื่องโชคลาง การสักยันต์ ผมอาจจะพูดได้ไม่หมด แต่ก็อยากจะให้ไปดูด้วยตาตัวเองมากกว่า รับรองว่าประทับใจครับ
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ - กระหึ่มหู เร้าอารมณ์จนใจเต้นระส่ำตลอดทั้งเรื่อง
'ดนตรีประกอบภาพยนตร์อลังการมาก' โดดเด่นชนิดที่ต่างจากหนังไทยเรื่องอื่นๆอย่างสิ้นเชิง นี่คืออีกอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอในหนังไทย (ยิ่งเป็นแอนิเมชันยิ่งดูยากเข้าไปใหญ่) เพราะ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ของ
"๙ ศาสตรา" นั้น เนี้ยบมาก อัดแน่น ทั้งในแง่แอ็คชันและความยิ่งใหญ่แบบมหากาพย์ (Epic) เข้ากับอารมณ์ชนิดที่ผมว่าหาได้ยากในวงการหนังไทย เวลาเข้าสู่ฉากยิ่งใหญ่ๆ ดนตรีก็เปลี่ยนอารมณ์เป็น Epic เวลาเข้าฉากแอ็คชันลุ้นระทึก ดนตรีก็เร้าอารมณ์จนใจเต้นระส่ำ ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมากเลยทีเดียว
ที่สงสัยอีกอย่างคือ ผมแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีไทยใน ๙ ศาสตราเลย ทั้งๆที่ปกติถ้าเป็นหนังแนวนี้ยังไงต้องใส่ดนตรีไทยไว้แน่นอน (ซึ่งถ้าใส่ไม่ดีจะขัดอรรถรสหนังอย่างมาก หรือมันจะดูไทยจ๋าๆไปเลย) ผิดคาดคือ ไม่มีเสียงดนตรีไทยในเรื่อง มีแต่เสียงออร์เครสตร้าแบบดนตรีประกอบหนังปกติ ที่แปลกยิ่งกว่าคือ มีดนตรีจีนอย่าง
กู่เจิงสอดแทรกเข้ามา เสียงขลุ่ยที่เป่าผมก็รู้สึกคล้ายกับ
ขลุ่ยจีนหรือพวก
Ocarina (เครื่องเป่าดินเผา) ดูสไตล์เสียงไม่เหมือนเครื่องดนตรีไทยซะทีเดียว แต่ทั้งสองเครื่องดนตรีใส่เข้ามาได้อย่างกลมกลืนกับหนัง
หลังจากที่งงในดนตรีประกอบว่าทำไมมันถึงทำได้ดีขนาดนี้ ผมก็ได้คำตอบหลังจากเห็นใน End Credit เพราะจริงๆแล้วผู้ประพันธ์ดนตรีในเรื่องนี้ เป็นนักประพันธ์จากฮอลลีวู้ดนั่นเอง
Ryan Shore นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ระดับรางวัลแกรมมี่ ไรอัน ชอร์ มีผลงานดนตรีทั้งในหนังและซีรีย์มากมาย ซึ่งในเรื่องนี้ไรอันแกก็ทำดนตรีได้ดีจนทำให้หนังมีอรรถรสและมันส์มากๆ ส่วน
Music Director ได้รับการควบคุมโดยคนไทย คือ
คุณสุธี แสงเสรีชน ก็ถือว่าน่าชื่นชมเช่นกัน
ภาพรวมหนัง
เป็นหนังที่ภาพสวย ดีไซน์ดี สร้างสรรค์ ทั้งตัวละครและฉาก ในส่วนของบทหนัง พล็อตเรื่องโดยรวมเป็นอย่างที่เราะคุ้นเคยหนังแนวนี้มาจนชินแล้ว เหตุการณ์บางอย่างเราก็พอเดาได้ แต่ถึงกระนั้นหนังก็ยังทำได้น่าติดตาม ทำให้เราอยากรู้อยู่ตลอดว่าต่อไปจะเป็นยังไง รายละเอียดเนื้อเรื่องที่อยู่ในหนังทำได้สนุก น่าสนใจ น่าติดตาม บทหนังก็ไม่ได้ออกมาในมิติเดียว ตรงกันข้ามมีการใส่ประเด็นที่หลากหลายแทรกอยู่ในหนังเยอะพอสมควร โดยเฉพาะมิติความเป็นมนุษย์ของตัวละครที่มีเหตุผลที่มาที่ไปในการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่ใส่มาทื่อๆ ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ดังนั้นแม้อาจจะมีผิดพลาดบ้าง แต่โดยรวมผมว่าบทหนังดีใช้ได้ มีความเป็นเหตุเป็นผล ทำได้เข้มข้น
การดำเนินเรื่องทำได้อย่างลื่นไหล สนุก กระชับฉับไว ไม่น่าเบื่อเลย พร้อมกับมีช็อตหักมุมหลายๆอย่าง ที่ช่วยดึงอารมณ์พีคพอสมควรและทำให้หนังน่าติดตามมากขึ้น
ข้อเสีย
ตามที่กล่าวมา ใช่ว่าหนังจะไม่มีข้อเสีย อย่างแรกที่เป็นข้อเสียที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ โดยรวมภาพสวยงาม แต่เทคนิคการทำภาพบางอย่างดูขาดรายละเอียดไปหรือมีรายละเอียดไม่ชัดเจน บางครั้งภาพตัวละคร / ฉากก็ดูทื่อๆ ไม่ละเอียดเนียนนัก จนเมื่อเวลาเข้าซีนดราม่าที่จะเค้นอารมณ์ กล้ามเนื้อใบหน้าตัวละครกลับดูแข็ง ไม่ตามอารมณ์หนังซะงั้น จุดนี้อาจจะเป็นเพราะ ความล้าหลังของเทคโนโลยีแอนิเมชันบ้านเรา เรายังไม่มีประสบการณ์ในการทำแอนิเมชัน 3 มิติมากเหมือนแอนิเมชันฮอลลีวูด ซึ่งเราก็ต้องแก้ไขปรับปรุงผลงานกันต่อไป
ส่วนข้อเสียรองลงมา เช่น พล็อตเรื่องกว้างๆ เราพอจะเดาทางได้อยู่แล้ว อาจจะทำให้ความตื่นเต้นลดลง อีกอย่างก็คือ เรื่องเสียงพากย์ของบางตัวละครดูไม่เนียน (แต่ส่วนใหญ่ทุกตัวเนียนหมด) นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะ บางคนอาจจะคิดไม่เหมือนกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เสียงพากย์ของ เสี่ยวหลาน (สาวิตรี สุทธิชานนท์) ผมว่าดูไม่เนียนเท่าที่ควร พอฟังแล้วรู้สึกว่าอารมณ์ผู้พากย์ไม่คล้อยตามตัวละครมากสักเท่าไร
ข้อสังเกต
มีจุดสังเกตที่ผมว่าน่าสนใจคือ การแทรกตัวละครจีนหรือเครื่องดนตรีจีนเข้ามาในเรื่อง ถ้ามองในเชิงวัฒนธรรมอาจจะหมายถึงสังคมไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมจีนพอสมควร ตั้งแต่โบราณ มีคนจีนจำนวนมากอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ถ้ามองในแง่การตลาด ตอนนี้เห็นว่าจีนก็เจรจาซื้อสิทธิ์ไปขายที่เมืองจีน ก็เลยมีบางอย่างที่เซอร์วิสแฟนๆชาวจีน (หวังว่าจะกวาดรายได้มหาศาลที่จีนด้วย)
แต่นอกจากจีนก็มีบริษัทอื่นสนใจติดต่อมาเช่นกัน อย่าง
The Weinstein Company - บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ชื่อดังของสหรัฐ ก็มีมาเจรจาขอซื้อสิขสิทธิ์เพื่อจัดฉายทั่วโลก ถือว่าเป็นโอกาสดีในการโปรโมตประเทศไทย เพราะหนังก็นำเสนอความเป็นไทยออกมาได้เป็นสากล ไม่ว่าจะจีนหรือฝรั่ง ผมว่าจะสามารถดูได้อย่างเข้าใจได้แน่นอน และถ้าประสบความสำเร็จ การท่องเที่ยวไทยก็คงบูมมากขึ้นตามไปด้วย
สรุป
๙ ศาสตรา (2018) เป็นแอนิเมชันไทยที่ทำได้เกินความคาดหมาย สามารถนำเสนอความเป็นไทยได้อย่างสากล น่าตื่นตาตื่นใจ ผมประทับใจกว่า
ก้านกล้วย นะ (แต่ก้านกล้วยขอยกขึ้นหิ้งในฐานะผู้บุกเบิกแอนิเมชันไทยยุคหลัง) เรื่องบทหนังก็ใช้ได้ มีมิติ (เห็นว่าใช้เวลาเขียนบทตั้ง 2 ปี) ดังนั้น
๙ ศาสตรา ถือเป็นแอนิเมชันคุณภาพของคนไทยที่น่าสนับสนุน โทนหนังอาจจะไม่เหมาะกับเด็กเล็กนัก แต่โฟกัสไปที่สำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กโตดูมากกว่า เนื่องด้วยประเด็นหลายๆอย่างอาจจะต้องมีการตีความบ้าง และฉากต่อสู้หลายฉากค่อนข้างจะระทึกเหมาะกับเด็กที่โตๆหน่อยดู
ส่วนสไตล์หนังกับกลุ่มความชอบ ผมว่าสามารถดูได้ทั้งสายหนังธรรมดาและสายหนังวิจารณ์ เพราะ ๙ ศาสตรา เป็นหนังที่ Mass ตามสูตรสำเร็จ ดูง่าย เข้าใจง่าย สนุก มันส์ บันเทิง คอหนังธรรมดาน่าจะประทับใจ ส่วนคอหนังวิจารณ์ ผมว่าเอกลักษณ์หนัง ฉากแอ็คชัน สิ่งที่สอดแทรก องค์ประกอบหนังทั้งหลาย มันก็ดีชวนน่าติดตาม น่าสนใจ (แต่ก็ไม่ควรคิดมากจนเกินไป)
หนังอาจจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ จุดผิดพลาดก็มี (แต่ไม่เยอะ) โดยรวมผมถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีของแอนิเมชันไทย และเป็นหนังไทยคุณภาพเรื่องหนึ่ง ถ้าดูก็แนะนำว่าอยากให้ดูในโรงหรือสถานที่ๆเครื่องเสียงดีๆ เพราะซาวน์หนังกระหึ่มมาก ถ้าได้โรงหนังดีๆหรือลำโพงดีๆ จะทำให้ได้อรรถรสหนังแบบสุดๆ
8.5/10
------------------------------------------
ป.ล. สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู ชอบเรื่องไหน ประทับใจฉากใด ก็สามารถมาคุยกันได้นะครับ
[SR] (Review) ๙ ศาสตรา (2018) - นำเสนอความเป็นไทยอย่างสากล พร้อมกับความมันส์สนุกเต็มพิกัด
9 ศาสตรา แอนิเมชันไทยที่ดีในระดับไม่ควรพลาด ยอมรับว่า หลังจากที่ได้ดู Trailer และเห็น Poster หนัง รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเตะตาสักเท่าไร อาจจะเป็นแนวแอนิเมชันไทยเดิมๆ ที่ใส่ความเป็นไทยจ๋า (ชนิดยัดเยียดๆ) หลังจากที่ได้ดูจบ กลับรู้สึกเกินความคาดหมายมาก ตั้งแต่ดูมารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นหนังแอนิเมชันที่ดีที่สุดของไทยเลย
๙ ศาสตรา (2018) แอนิเมชันไทยทุนสร้างกว่า 230 ล้านบาท จากค่าย Exformat Films ได้รับการกำกับโดย คุณณัฐ ยศวัฒนานนท์ และคุณกันย์ พันธ์สุวรรณ เนื้อเรื่องพูดถึงการผจญภัยของ อ๊อด เด็กหนุ่มผู้ถูกลิขิตให้มากู้เมืองรามเทพนคร อันเป็นเมืองของมนุษย์ที่ถูก เทหยักษา และเหล่ากองทัพยักษ์ยึดครองเอาไว้ อ๊อดจะต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ พร้อมกับเหล่าผองเพื่อนในการกู้เมืองรามเทพนคร โดยมีสิ่งสำคัญที่สำคัญที่สุดในการกู้เมืองครั้งนี้ คือ "๙ ศาสตรา" อาวุธอันทรงอานุภาพที่สามารถใช้ในการต่อสู้กับเหล่ายักษ์ได้
แอนิเมชันไทยสไตล์มมหากาพย์แฟนตาซีที่คิวบู๊มันส์มาก
จุดที่ขอยกให้ว่าโดดเด่นที่สุดในเรื่อง คือ "ฉากแอ็คชันและคิวบู๊" ผมนับว่าเป็นหนังแอ็คชันไทยที่ดีที่สุดนับจาก 'องค์บาก' เลย ฉากบู๊ คิวบู๊ Slow motion ทำได้มันส์ ลื่นไหลมาก และเร้าอารมณ์สุดๆ ในการต่อสู้ก็ไม่มีพิรี้พิไรกันมากความ ซัดกันเดือดชนิดเอาเป็นเอาตาย เข้มข้น จริงจัง หลายๆฉาก พอเราดูแล้วอาจจะมีโมเมนต์เคยผ่านตาจากหนังฮอลลีวู้ดบ้าง ซึ่งก็ถือว่าหนังหยิบเลือกมาใช้ได้ดี ทำได้มันส์และลงตัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความครีเอทของเนื้อเรื่องบนรากฐานความเป็นไทย
อย่างที่เรารู้ๆกัน "๙ ศาสตรา" ได้นำความเป็นไทยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องมวยไทย ความเชื่อ หรือตำนานอย่างรามเกียรติ์มาผสมผสานกันในรูปแบบแฟนตาซี ไม่ว่าจะฉากต่างๆสุดอลังการ เช่น วัง เมือง หมู่บ้าน พระพุทธรูป (และอีกหลายๆอย่าง) ที่ออกไปในทางแฟนตาซี บางอย่างออกกึ่งหนังตะวันตก แต่ทำได้สร้างสรรค์ ที่น่าแปลกใจคือ หนังนำเสนอได้แบบเป็นสากลและดูไม่ยัดเยียดอะไรเลย หนังค่อยๆเกริ่นถึงความเป็นไทยทั้งหลาย สอดแทรกได้เรียบเนียน ผมรู้สึกชื่นชมนะที่หนังสามารถนำเสนอความเป็นไทยได้เป็นสากล และคิดว่าถ้าต่างชาติได้ชม น่าจะประทับใจกับความเป็นไทยแบบนี้นี่แหละ
แก่นหลักที่หนังเน้นย้ำที่สุดก็คือ "มวยไทย" หนังนำเสนอจุดนี้มากที่สุด ในรูปแบบท่ามวยต่างๆ ซึ่งเราน่าจะเคยคุ้นตาจากองค์บากมาบ้าง แต่ที่ชอบก็คือ หนังยังย้ำถึงจิตวิญญาณของมวยไทยอีกด้วย ถึงแม้จะมีวิชาฝีมือ แต่สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจมวยไทยจริงๆ กลับเป็นเรื่องจิตใจและคุณธรรมผู้ใช้ โดยเฉพาะ "ความศรัทธา" สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้มวยไทยเปล่งอานุภาพออกมาควบคู่ไปกับคุณธรรมอื่นๆ และเป็นแก่นที่สอดแทรกอยู่ในความเป็นไทยเสมอมา
ยังมีความเป็นไทยอีกหลายๆอย่างที่ผมไม่ได้พูดถึง เช่น วัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่ออย่างเรื่องโชคลาง การสักยันต์ ผมอาจจะพูดได้ไม่หมด แต่ก็อยากจะให้ไปดูด้วยตาตัวเองมากกว่า รับรองว่าประทับใจครับ
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ - กระหึ่มหู เร้าอารมณ์จนใจเต้นระส่ำตลอดทั้งเรื่อง
'ดนตรีประกอบภาพยนตร์อลังการมาก' โดดเด่นชนิดที่ต่างจากหนังไทยเรื่องอื่นๆอย่างสิ้นเชิง นี่คืออีกอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอในหนังไทย (ยิ่งเป็นแอนิเมชันยิ่งดูยากเข้าไปใหญ่) เพราะ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ของ "๙ ศาสตรา" นั้น เนี้ยบมาก อัดแน่น ทั้งในแง่แอ็คชันและความยิ่งใหญ่แบบมหากาพย์ (Epic) เข้ากับอารมณ์ชนิดที่ผมว่าหาได้ยากในวงการหนังไทย เวลาเข้าสู่ฉากยิ่งใหญ่ๆ ดนตรีก็เปลี่ยนอารมณ์เป็น Epic เวลาเข้าฉากแอ็คชันลุ้นระทึก ดนตรีก็เร้าอารมณ์จนใจเต้นระส่ำ ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมากเลยทีเดียว
ที่สงสัยอีกอย่างคือ ผมแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีไทยใน ๙ ศาสตราเลย ทั้งๆที่ปกติถ้าเป็นหนังแนวนี้ยังไงต้องใส่ดนตรีไทยไว้แน่นอน (ซึ่งถ้าใส่ไม่ดีจะขัดอรรถรสหนังอย่างมาก หรือมันจะดูไทยจ๋าๆไปเลย) ผิดคาดคือ ไม่มีเสียงดนตรีไทยในเรื่อง มีแต่เสียงออร์เครสตร้าแบบดนตรีประกอบหนังปกติ ที่แปลกยิ่งกว่าคือ มีดนตรีจีนอย่างกู่เจิงสอดแทรกเข้ามา เสียงขลุ่ยที่เป่าผมก็รู้สึกคล้ายกับ ขลุ่ยจีนหรือพวก Ocarina (เครื่องเป่าดินเผา) ดูสไตล์เสียงไม่เหมือนเครื่องดนตรีไทยซะทีเดียว แต่ทั้งสองเครื่องดนตรีใส่เข้ามาได้อย่างกลมกลืนกับหนัง
หลังจากที่งงในดนตรีประกอบว่าทำไมมันถึงทำได้ดีขนาดนี้ ผมก็ได้คำตอบหลังจากเห็นใน End Credit เพราะจริงๆแล้วผู้ประพันธ์ดนตรีในเรื่องนี้ เป็นนักประพันธ์จากฮอลลีวู้ดนั่นเอง Ryan Shore นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ระดับรางวัลแกรมมี่ ไรอัน ชอร์ มีผลงานดนตรีทั้งในหนังและซีรีย์มากมาย ซึ่งในเรื่องนี้ไรอันแกก็ทำดนตรีได้ดีจนทำให้หนังมีอรรถรสและมันส์มากๆ ส่วน Music Director ได้รับการควบคุมโดยคนไทย คือ คุณสุธี แสงเสรีชน ก็ถือว่าน่าชื่นชมเช่นกัน
ภาพรวมหนัง
เป็นหนังที่ภาพสวย ดีไซน์ดี สร้างสรรค์ ทั้งตัวละครและฉาก ในส่วนของบทหนัง พล็อตเรื่องโดยรวมเป็นอย่างที่เราะคุ้นเคยหนังแนวนี้มาจนชินแล้ว เหตุการณ์บางอย่างเราก็พอเดาได้ แต่ถึงกระนั้นหนังก็ยังทำได้น่าติดตาม ทำให้เราอยากรู้อยู่ตลอดว่าต่อไปจะเป็นยังไง รายละเอียดเนื้อเรื่องที่อยู่ในหนังทำได้สนุก น่าสนใจ น่าติดตาม บทหนังก็ไม่ได้ออกมาในมิติเดียว ตรงกันข้ามมีการใส่ประเด็นที่หลากหลายแทรกอยู่ในหนังเยอะพอสมควร โดยเฉพาะมิติความเป็นมนุษย์ของตัวละครที่มีเหตุผลที่มาที่ไปในการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่ใส่มาทื่อๆ ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ดังนั้นแม้อาจจะมีผิดพลาดบ้าง แต่โดยรวมผมว่าบทหนังดีใช้ได้ มีความเป็นเหตุเป็นผล ทำได้เข้มข้น
การดำเนินเรื่องทำได้อย่างลื่นไหล สนุก กระชับฉับไว ไม่น่าเบื่อเลย พร้อมกับมีช็อตหักมุมหลายๆอย่าง ที่ช่วยดึงอารมณ์พีคพอสมควรและทำให้หนังน่าติดตามมากขึ้น
ข้อเสีย
ตามที่กล่าวมา ใช่ว่าหนังจะไม่มีข้อเสีย อย่างแรกที่เป็นข้อเสียที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ โดยรวมภาพสวยงาม แต่เทคนิคการทำภาพบางอย่างดูขาดรายละเอียดไปหรือมีรายละเอียดไม่ชัดเจน บางครั้งภาพตัวละคร / ฉากก็ดูทื่อๆ ไม่ละเอียดเนียนนัก จนเมื่อเวลาเข้าซีนดราม่าที่จะเค้นอารมณ์ กล้ามเนื้อใบหน้าตัวละครกลับดูแข็ง ไม่ตามอารมณ์หนังซะงั้น จุดนี้อาจจะเป็นเพราะ ความล้าหลังของเทคโนโลยีแอนิเมชันบ้านเรา เรายังไม่มีประสบการณ์ในการทำแอนิเมชัน 3 มิติมากเหมือนแอนิเมชันฮอลลีวูด ซึ่งเราก็ต้องแก้ไขปรับปรุงผลงานกันต่อไป
ส่วนข้อเสียรองลงมา เช่น พล็อตเรื่องกว้างๆ เราพอจะเดาทางได้อยู่แล้ว อาจจะทำให้ความตื่นเต้นลดลง อีกอย่างก็คือ เรื่องเสียงพากย์ของบางตัวละครดูไม่เนียน (แต่ส่วนใหญ่ทุกตัวเนียนหมด) นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะ บางคนอาจจะคิดไม่เหมือนกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อสังเกต
มีจุดสังเกตที่ผมว่าน่าสนใจคือ การแทรกตัวละครจีนหรือเครื่องดนตรีจีนเข้ามาในเรื่อง ถ้ามองในเชิงวัฒนธรรมอาจจะหมายถึงสังคมไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมจีนพอสมควร ตั้งแต่โบราณ มีคนจีนจำนวนมากอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ถ้ามองในแง่การตลาด ตอนนี้เห็นว่าจีนก็เจรจาซื้อสิทธิ์ไปขายที่เมืองจีน ก็เลยมีบางอย่างที่เซอร์วิสแฟนๆชาวจีน (หวังว่าจะกวาดรายได้มหาศาลที่จีนด้วย)
แต่นอกจากจีนก็มีบริษัทอื่นสนใจติดต่อมาเช่นกัน อย่าง The Weinstein Company - บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ชื่อดังของสหรัฐ ก็มีมาเจรจาขอซื้อสิขสิทธิ์เพื่อจัดฉายทั่วโลก ถือว่าเป็นโอกาสดีในการโปรโมตประเทศไทย เพราะหนังก็นำเสนอความเป็นไทยออกมาได้เป็นสากล ไม่ว่าจะจีนหรือฝรั่ง ผมว่าจะสามารถดูได้อย่างเข้าใจได้แน่นอน และถ้าประสบความสำเร็จ การท่องเที่ยวไทยก็คงบูมมากขึ้นตามไปด้วย
สรุป
๙ ศาสตรา (2018) เป็นแอนิเมชันไทยที่ทำได้เกินความคาดหมาย สามารถนำเสนอความเป็นไทยได้อย่างสากล น่าตื่นตาตื่นใจ ผมประทับใจกว่า ก้านกล้วย นะ (แต่ก้านกล้วยขอยกขึ้นหิ้งในฐานะผู้บุกเบิกแอนิเมชันไทยยุคหลัง) เรื่องบทหนังก็ใช้ได้ มีมิติ (เห็นว่าใช้เวลาเขียนบทตั้ง 2 ปี) ดังนั้น ๙ ศาสตรา ถือเป็นแอนิเมชันคุณภาพของคนไทยที่น่าสนับสนุน โทนหนังอาจจะไม่เหมาะกับเด็กเล็กนัก แต่โฟกัสไปที่สำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กโตดูมากกว่า เนื่องด้วยประเด็นหลายๆอย่างอาจจะต้องมีการตีความบ้าง และฉากต่อสู้หลายฉากค่อนข้างจะระทึกเหมาะกับเด็กที่โตๆหน่อยดู
ส่วนสไตล์หนังกับกลุ่มความชอบ ผมว่าสามารถดูได้ทั้งสายหนังธรรมดาและสายหนังวิจารณ์ เพราะ ๙ ศาสตรา เป็นหนังที่ Mass ตามสูตรสำเร็จ ดูง่าย เข้าใจง่าย สนุก มันส์ บันเทิง คอหนังธรรมดาน่าจะประทับใจ ส่วนคอหนังวิจารณ์ ผมว่าเอกลักษณ์หนัง ฉากแอ็คชัน สิ่งที่สอดแทรก องค์ประกอบหนังทั้งหลาย มันก็ดีชวนน่าติดตาม น่าสนใจ (แต่ก็ไม่ควรคิดมากจนเกินไป)
หนังอาจจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ จุดผิดพลาดก็มี (แต่ไม่เยอะ) โดยรวมผมถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีของแอนิเมชันไทย และเป็นหนังไทยคุณภาพเรื่องหนึ่ง ถ้าดูก็แนะนำว่าอยากให้ดูในโรงหรือสถานที่ๆเครื่องเสียงดีๆ เพราะซาวน์หนังกระหึ่มมาก ถ้าได้โรงหนังดีๆหรือลำโพงดีๆ จะทำให้ได้อรรถรสหนังแบบสุดๆ
ป.ล. สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู ชอบเรื่องไหน ประทับใจฉากใด ก็สามารถมาคุยกันได้นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น