1. อดีตนายกชวน หลีกภัย "คุณเป็นใครไม่หลีกผม ขนาดนายกยังหลีกภัย"
2. อดีตนายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ "คุณจบดร.เหรอ ผมไม่กลัว ขนาด นายก ยังสอบตก ม.7 เลย"
3. อดีตนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร "คุณอาจหนีเข้ากลีบเมฆ แต่เธอหนีไปไม่รู้หายเข้ากลีบไร"
4. อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร "คุณอาจรวยเป็นเจ้าสัวมีบ้านหลังใหญ่ แต่เขานี่แน่กว่าใคร อยู่บ้านหลังใหญ่ แทบอยู่ได้หลายทวีป"
5. อดีตนักการเมืองสร้างสีสันชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ "คุณกล้าไปม หากเขาจะตีแสกหน้าคุณ"
6. อดีตนายพลสายเกรียนพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา "คุณอาจบอกว่าเป็นอัศวินขี่ม้าขาว แต่นักการเมืองบอกเป็นขุนโจรปล้นประชาธิปไตย"
7. อดีตเลขานุการใหญ่ระดับโลกนายศุภชัย พานิชภักดิ์ "คุณอาจบอกว่าได้เป็นแค่ผู้จัดการ 7 ก็หรูแล้ว แต่นี่อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) และอดีตที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO)"
แต่ก็ไม่รู้นะว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเมืองไทยของพวกเราบ้าง
แต่ที่สำคัญๆ การเมืองก็คงเป็นเรื่องปาหี่สะมากกว่า บางทีเราอาจควรหันหน้ามานะประชาชนเพื่อนร่วมชาติที่รัก หันมารักกัน ไม่เป็นกองเชียร์ให้สีใด แต่มีแค่วางมาตรฐานนักการเมืองในอุดมคติร่วมกัน แล้วก็ใช้เป็นเกณฑ์การพิจารณาเลือกนักการเมืองนั้นๆ เข้ามาสู่รัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาของพวกเราเป็นสถานที่ศักดิสิทธิ์ และทรงเกียรติสำหรับปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
ใครควรได้รับเลือกเป็นผู้นำรัฐบาลชุดต่อไป
2. อดีตนายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ "คุณจบดร.เหรอ ผมไม่กลัว ขนาด นายก ยังสอบตก ม.7 เลย"
3. อดีตนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร "คุณอาจหนีเข้ากลีบเมฆ แต่เธอหนีไปไม่รู้หายเข้ากลีบไร"
4. อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร "คุณอาจรวยเป็นเจ้าสัวมีบ้านหลังใหญ่ แต่เขานี่แน่กว่าใคร อยู่บ้านหลังใหญ่ แทบอยู่ได้หลายทวีป"
5. อดีตนักการเมืองสร้างสีสันชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ "คุณกล้าไปม หากเขาจะตีแสกหน้าคุณ"
6. อดีตนายพลสายเกรียนพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา "คุณอาจบอกว่าเป็นอัศวินขี่ม้าขาว แต่นักการเมืองบอกเป็นขุนโจรปล้นประชาธิปไตย"
7. อดีตเลขานุการใหญ่ระดับโลกนายศุภชัย พานิชภักดิ์ "คุณอาจบอกว่าได้เป็นแค่ผู้จัดการ 7 ก็หรูแล้ว แต่นี่อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) และอดีตที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO)"
แต่ก็ไม่รู้นะว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเมืองไทยของพวกเราบ้าง
แต่ที่สำคัญๆ การเมืองก็คงเป็นเรื่องปาหี่สะมากกว่า บางทีเราอาจควรหันหน้ามานะประชาชนเพื่อนร่วมชาติที่รัก หันมารักกัน ไม่เป็นกองเชียร์ให้สีใด แต่มีแค่วางมาตรฐานนักการเมืองในอุดมคติร่วมกัน แล้วก็ใช้เป็นเกณฑ์การพิจารณาเลือกนักการเมืองนั้นๆ เข้ามาสู่รัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาของพวกเราเป็นสถานที่ศักดิสิทธิ์ และทรงเกียรติสำหรับปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง