รถติดใน กทม. อย่ามองข้ามรถเมล์ เพราะความเร็วก็สูสีกับรถไฟฟ้า และ ยังถูกกว่ามาก !!!

ถ้ารถเมล์เปลี่ยนมาใช้สัญญาณไฟ แบบในวีดีโอนี้ อาจใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟฟ้าก็เป็นได้

https://www.youtube.com/watch?v=al7f0hNMvbU

เพราะรถไฟฟ้าต้องบวกเวลาหลายจังหวะ
จังหวะที่ 1    หาทางไปสถานี เช่น ขับรถส่วนตัว หรือ รถโดยสารอื่นๆ
จังหวะที่ 2    ก่อนขึ้นรถไฟฟ้า เช่น เดินขึ้นสถานี ซื้อตั๋ว รอรถไฟฟ้ามา ถ้าคนมาก
อาจจะต้องเข้าแถวรอ  2 - 3 คัน อีกประมาณ10 - 15 นาที (ในเวลาเร่งด่วน)
จังหวะที่ 2.1 หรืออาจต้องเปลี่ยนจาก BTS เป็น MRT เป้นต้น อีกประมาณ10 นาที
จังหวะที่ 3    ลงรถไฟฟ้า เดินออกจากสถานี อีกประมาณ 5 นาที
จังหวะที่ 4    หาทางไปจุดหมาย เช่น เดิน (ถ้าอยู่ใกล้ๆ) หรือ รถโดยสารอื่นๆ
       แต่ถ้าใช้รถเมล์ (แบบในวีดีโอนี้) เวลาจังหวะที่ 1 - 3 ตัดไปได้เลย
ไปเริ่มที่จังหวะที่ 4 อย่างเดียว ดังนั้น จึงอาจจะถึงก่อนรถไฟฟ้าก็ได้ครับ (ถ้าไม่ไกลมากนัก)

       ส่วนเรื่องเงิน ถ้าใกล้ๆ รถเมล์ต่อเดียว จะถูกกว่าหลายเท่า เพราะรถเมล์จะใช้
เงินในจังหวะที่ 4 อย่างเดียว ส่วนรถไฟฟ้าต้องเสียงเงินทุกจังหวะ ยกเว้นจังหวะที่ 3
หรือ ถ้าเดินในจังหวะที่  1 กับ 4 ก็ไม่ต้องเสีย


       ดังนั้น รัฐต้องไม่เห็นรถเมล์เป็นหัวหลักหัวตอ  
เพราะรถเมล์เป็นเหมือนซุปเปอร์แมน เพียงแต่ถูกมัดมือมัดเท้า  ดิ้นกระแด่วๆ ใกล้จะตาย
ใครเป็นคนมัดมือมัดเท้าซุปเปอร์แมน (รถเมล์)  หล่ะ !!! ???
ก็รัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่าของเราในอดีต และ ปัจจุบัน นั้นแหละ
ที่ไม่ยอมให้รถเมล์วิ่งในช่องบัสเลน จึงทำให้รถเมล์ต้องมุดๆ เข้ามาวิ่งปนกับรถเก๋ง
ทำให้รถเมล์วิ่งช้ากว่ารถเก๋งมากๆๆๆ  เพราะรถเมล์มีภาระที่จะต้องจอดรับส่งผู้โดยสารเกือบทุกป้าย
       ส่วนรัฐบาลชุดนี้
จะช่วยแก้มัดให้ซุปเปอร์แมน หรือ จะทำไม่รู้ไม่ชี้  ???
เวลา (ที่รัฐบาลชุดนี้มีเหลืออยู่อีกเพียงเล็กน้อย) จะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

       ถ้าเปรียบให้รถเก๋งเปรียบเป็นพี่ รถเมล์เปรียบเป็นน้อง รัฐบาลเปรียบเป็นพ่อแม่
ที่ส่งสองพี่น้องนี้ไปออกศึก กับปัญหารถติดใน กทม.
ในเวลาเร่งด่วน (ในปัจจุบัน)  ทั้งรถเก๋งและรถเมล์ (ทั้งพี่ทั้งน้อง) ติด (ตาย) ทั้งคู่
ในสามก๊กเขาเรียกว่า แพ้ทั้งคู่
ถ้าพ่อแม่ (รัฐ) พอใจในสภาพเช่นนี้ ก็ต้องถือเป็นกรรม
แต่ถ้าพ่อแม่ (รัฐ) ยอมทำตามวิธีในวีดีโอนี้
จะทำให้รถเก๋งติดเท่าเดิม แต่รถเมล์วิ่งฉิวได้ (พี่ตาย (เหมือนเดิม) แต่น้องรอด ครับ)
ปัญหารถติดเกิดจาก รถเก๋ง ที่มีจำนวนมหาศาล ที่พร้อมใจกัน ออกมาวิ่งพร้อมๆ กันในเวลาเร่งด่วน
ไม่มีวิธีใดทำให้รถเก๋ง (พี่) ใน กทม. ทุกคัน (ในเวลาเร่งด่วน) วิ่งได้เร็วได้
แต่วิธีในวีดีโอนี้ สามารถทำให้รถเมล์ (น้อง) ทุกๆคัน (ในเวลาเร่งด่วน) วิ่งได้เร็วได้
จึงทำให้สามารถระบายคนผ่านสี่แยกได้เร็วขึ้นหลายเท่า
การระบายรถผ่านสี่แยกเปรียบเหมือนการตักน้ำออกจากโอ่ง
ถ้าให้เลือกระหว่าง การใช้ช้อน กับ ขัน
ท่านจะเลือกใช้อะไร ในการตักน้ำออกจากโอ่ง ???
การเน้นใช้รถเก๋ง ระบายคนผ่านสี่แยก จะเปรียบเหมือน การใช้ช้อนตักน้ำออกจากโอ่ง (จึงช้า)
การเน้นใช้รถเมล์ ระบายคนผ่านสี่แยก จะเปรียบเหมือน การใช้ขันตักน้ำออกจากโอ่ง (จึงเร็วกว่ามากๆ)
วิธีแก้ จะต้องนับเป็นคน แทนนับเป็นคัน

การระบาย รถ ผ่านสี่แยก ได้กี่คัน เช่น 25 - 30 คัน / นาที / เลน ผู้รับผิดชอบ (ด้านจราจร) ในปัจจุบัน
ถือว่าดีเยี่ยม ถือว่าสุดยอด สำเร็จ (นั้น คือกงจักร) ดูเผินๆ มันก็น่าจะดี แต่นี่ก็คือเหตุผลที่
ไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้ เพราะไปยินดี ไปพอใจ ในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด (เห็นกงจักรเป็นดอกบัว)
       ดังนั้น
ถ้าต้องการแก้ปัญหารถติด จะต้องเลิกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เสียที
รัฐบาลจะต้องเลิกเลี้ยง (ปลด) ที่ปรึกษา พวก ศ. หรือ ดร. หรือ กรูรู ที่เห็นกงจักรเป็ดอกบัว
ออกให้หมด เลี้ยงไปเสียข้าวสุก เพราะจะนำพารัฐบาลของท่าน ให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไปด้วย
โดยต้องเน้น  การระบาย คน ผ่านสี่แยก แทน การระบาย รถ ผ่านสี่แยก
เพราะถ้าระบายรถไป 30 คัน / 1 นาที / เลน จะเท่ากับการระบายคนได้เพียง 60 คน / 1 นาที / เลน เท่านั้น
ซึ่ง 60 คน / นาที / เลน ท่านบอกว่าดีเลิศ แต่ผมถือว่าเลวร้ายมากที่สุด
       เพราะใน 1 นาที ถ้าระบายรถเมล์ (แบบในวีดีโอนี้) ไปเพียง 8 คัน/ 15 วินาที / 560 คน
จึงสามารถระบายคนได้ประมาณ 560 คน (รถเมล์ 1 คัน / 70 คน) ใช้เวลาระบายรถเมล์เพียงประมาณ 30 วินาที
บวกกับระบายรถเก๋งได้อีกประมาณ 30 คัน / 30 วินาที / 60 คน
ดังนั้น
ใน 1 นาที วิธีแบบในวีดีโอ จะระบายคนได้มากถึง 620 คน
ใน 1 นาที รถเก๋ง             จะระบายคนได้เพยีง 60 คนเท่านั้น


วันๆ ท่านผู้รับผิดชอบก็จะพูดแต่ว่า   ถนน  ก  ข  ค  ระบายรถได้กี่คัน  
แต่กลับไม่สนว่า ถนน  ก  ข  ค  วันๆระบายคนไปได้กี่คน  
ทำให้ไม่เห็นความสำคัญในการระบายคนผ่านสี่แยก

ถ้าให้ 10 เป็นจุดหมายปลายทาง  
การจะไปให้ถึง จุดหมายปลายทาง (10) นั้น สามารถไปถึงได้ในหลายเส้นทาง  
เช่น 5 + 5 = 10  หรือ 7 + 3 ก็ = 10  หรือ  2 + 8 ก็ = 10   หรือ 0.01 + 9.99 ก็ = 10 เช่นกัน
เช่นเดียวกับวิธีแก้ปัญหารถติด  (ในต่างประเทศ) ก็สามารถแก้ได้หลายๆวิธี เช่น  
บังคับเพิ่มค่าต่อภาษีรถประจำปี แพงๆ  หรือ  บังคับเก็บค่าผ่านทางเข้าเขตธุรกิจ (เขตรถติด) แพงๆ  
หรือ บังคับรถที่มีเลขท้ายทะเบียนคู่ ให้วิ่งเฉพาะวันคู่ และ เลขท้ายทะเบียนคี่ ให้วิ่งเฉพาะวันคี่
หรือ บังคับให้รถที่มีอายุเกิน 10 ปี ห้ามวิ่งใน ถนนที่มีปัญหารถติดมากๆ  หรือ บังคับคนในรถต้อง
3 คนขึ้นไป เป็นต้น  (ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้น) เพราะทุกๆวิธีต่างก็มีทั้งข้อดีและเสียในตัวเอง
       หมายเหตุ
       ทุกวิธีจะบังคับได้เฉพาะคนจนๆเท่านั้น เพราะ คนรวยใช้เงินแก้ได้ทุกข้อ
ส่วนวิธีในเอกสาร และในวีดีโอนี้ (ที่ผมเสนอ) เป็นวิธีที่ทำให้ผู้ใช้รถเก๋ง (ที่รีบ) เปลี่ยนมา
ใช้รถเมล์ และ น่าจะเป็นวิธีที่ไม่ได้บังคับใครมากที่สุด
หลักการ หรือ คำขวัญ ของวิธีในวีดีโอนี้ คือ
ใครรีบก็เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ แต่ถ้าใครไม่รีบ ก็ใช้รถเก๋งของท่านต่อไปได้
ไม่มีการบังคับใครเลย และ ไม่เกี่ยวกับรวยจน
เกี่ยวอย่างเดียว คือ รีบ หรือ ไม่รีบ อย่างเดียวเท่านั้น
โดยจะต้องทำให้รถเมล์วิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋ง (มากๆๆๆ) ให้ได้ (ตามวิธีในวีดีโอ)
ถ้าทำไม่ได้ หรือ ไม่ได้ทำ ก็จบข่าว

          จบกระทู้นี้



ต่อไปนี้เป็นกระทู้ที่ผมเขียนเมื่อ 2 วันที่แล้ว (ใครอ่านแล้วก็ไม่ต้องอ่านครับ)

สัญญาณไฟจราจร (แดง เหลือง เขียว) คิดกันชาตินี้ จะใช้กันถึงชาติหน้าเลยหรือ ??

ปัญญหาจราจร (รถติด) ใน กทม. และ ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก เกิด
จากมีการเปลี่ยนมาใช้รถเก๋ง (ส่วนตัว) มากขึ้น จึงทำให้เกิดปัญหาผิว
จราจรไม่พอใช้ (รถติด)
       ทางแก้ (รถติด)
       จะต้องทำให้คนในเมืองนั้น เปลี่ยนมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น เช่นรถไฟฟ้า
และรถเมล์ เป็นต้น
       รถไฟฟ้า ใน กทม. ปัญหาคือ ยังมีเส้นทาง และ จำนวนโบกี้น้อยเกินไป
       ทางแก้ (รถไฟฟ้า)
       โดยการเพิ่มเส้นทาง และโบกี้ให้มากขึ้น แต่จะต้องใช้เงินมาก และ ใช้
เวลาอีกนาน (หลายปี)
       รถเมล์ ใน กทม. ปัญหาคือ วิ่งช้ากว่ารถเก๋งมากๆ เพราะ จะต้องวิ่งปะปน
ไปกับรถเก๋ง และ รถเมล์ มีภาระจะต้องจอดรับผู้โดยสารเกือบทุกป้าย
       ทางแก้ (รถเมล์)
       ให้รถเมล์วิ่งในช่องบัสเลน และ เปลี่ยน (เพิ่ม) สัญญาณไฟจราจร
(แดง เหลือง เขียว) สำหรับรถเมล์โดยเฉพาะ อีกแยกละ 1 จุด (ตามวิธีใน
วีดีโอ นี้) เพื่อทำให้รถเมล์วิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ

https://www.youtube.com/watch?v=al7f0hNMvbU
      
       โดยอาจจะค่อยๆเริ่มใช้วิธีในวีดีโอนี้ ในถนนที่ใหญ่ๆ ยาวๆ ก่อน หรือ
ในถนนที่มีปัญหาจราจรน้อยๆก่อน ถ้าได้ผลดีค่อยเพิ่มในถนนอื่นต่อไป
และเมื่อรถเมล์วิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ ก็จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋ง (ที่รีบ) เปลี่ยน
มาใช้รถเมล์ มากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาจราจร (รถติด) ก็จะลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน
      
       สัญญาณไฟจราจร (แดง เหลือง เขียว) ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เริ่มใช้
กันมาเกือบ 100 ปีแล้ว แต่ในปัจจุบัน ก็ยังไม่มีประเทศไหนในโลก เปลี่ยน
แปลงหรือพัฒนาให้ดีขึ้นเลย และเมื่อตอนที่เขาคิด (เมื่อเกือบ 100 ปีก่อน)
ก็ยังไม่มีรถเมล์ หรือปัญหารถติด หรือมีก็น้อย
       แต่ในปัจจุบัน (ใน กทม.) มีรถเมล์จำนวนมาก ดังนั้น การจะมีสัญญาณไฟ
สำหรับรถเมล์โดยเฉพาะ จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อให้สิทธิ
รถเมล์มากกว่ารถเก๋ง
       ทุกสิ่งทุกอย่าง ควรจะมีการพัฒนา ปรับปรุง ให้เหมาะสมกับยุกต์สมัย
และ เพื่อแก้ปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น ซับซ้อนขึ้น เหมือนโทรศัพท์ ที่มี 2G 3G 4G
5G ในถนน ก็ยังมีทางด่วน ทางยกระดับ ทางข้าง ทางลอด มากมาย อย่าคิด
ว่าคนโง่ เกรงว่าเปลี่ยนแล้วคนจะไม่เข้าใจ เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หรือ กลัวโน่น
กลัวนี้ จึงต้องใช้สัญญาณไฟจราจร (แดง เหลือง เขียว) ไปจนถึงชาติหน้า ???
ทั้งหมดนี้อยู่ที่รัฐบาล ว่าจะเอาอย่างไร
       รายละเอียดเรื่องนี้ ผมเขียวในพันทิพ หลายกระทู้ เช่น "รถเมล์ แก้รถติด" เป็นต้น
สนใจดูย้อนหลังได้ หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกเว็บ a3n3t3.ran4u.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่