บิลลี่กับเพื่อนๆของเขา ซึ่งประกอบไปด้วย
เจนนี่, ไมเคิล และ เบนนี่ กลุ่มนักทำสารคดีวัยเยาว์ชาวอังกฤษในใช้เวลาวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาสมาตะลุยป่าแห่งนี้ ในประเทศอินโดนีเซีย พวกเขาเป็นนักทำสารคดีเว็บไซต์ใต้ดิน เป็นมือสมัครเล่นและชอบทำอะไรบ้าบิ่นอยู่เสมอ ที่ไหนอันตรายมีสัตว์ดุร้ายพวกเขาจะไป ดูเหมือนกระแสตอบรับจากผู้ชมเว็บไซต์ใต้ดินจะชอบพวกเขาเยอะ และมีการสนับสนุนเงินให้พวกเขา ครั้งนี้พวกเขามาตะลุยป่าในอินโดนีเซีย จากคอมเม้นต์ ผู้ใช้รายหนึ่ง ชื่อ Scarx008 ที่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ในแชเนลพวกเขาได้รีเควสให้พวกเขาไปตะลุยป่าในอินโด ซึ่งพวกเขาก็ตกลงรับปากว่าจะไป
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ส่งของขวัญกัน อยู่กันในครอบครัว แต่พวกบิลลี่ไม่สนใจเทศกาลเหล่านี้ พวกเขาใช้เวลาทุ่มสุดตัวในการทำงานของเขา ทีมพวกเขาใช้ชื่อในการถ่ายทำว่า
ทีม Extreme 4 Sucker พวกเขาจัดเตรียมอุปกรณ์อยู่หลายวันก่อนจะนั่งเครื่องบินข้ามทวีปมาที่ประเทศอินโดนีเซีย พวกเขาศึกษาแผนที่มาอย่างดีเกี่ยวกับป่านี้ ซึ่งป่านี้อยู่สุดแผนที่ และเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ พวกเขาต้องปลอมตัวมาเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดาซุกซ่อนอุปกรณ์การถ่ายทำของพวกเขาไว้ เพราะมันผิดกฎหมาย ในช่วงเทศกาลอย่างนี้ พวกเขาไม่ให้พวกคนต่างชาติไปรุกล้ำเขตสงวนแน่นอน พวกเขาผ่านด่านตรวจอาวุธได้สบายมาก หนึ่งในทีมของบิลลี่
ไมเคิลเขาได้พกพาอาวุธมีดมาและปืนพก.22 มาอีกหนึ่งกระบอกไว้ป้องกันตัว แต่เนื่องจากพวกเขาเดินทางข้ามประเทศกันบ่อย ฝ่าแดนอันตรายมาเยอะทำให้รู้วิธีซ่อนอาวุธมิให้คนค้นตัวและเครื่องสแกนรู้ หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ พวกเขาไม่รอช้า รีบตรงดิ่งไปในโรงแรมที่พวกเขาจองไว้ เพราะวันพรุ่งนี้พวกเขาต้องเดินทางไปถ่ายทำกันแล้ว ในคืนนั้นพวกเขายังแชทข้อความกับเหล่าสมาชิกแชเนลของเขาว่าพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี้แล้วและวันพรุ่งนี้ถึงจะไปป่ากัน โดยแฟนคลับพวกเขาก็ตอบข้อความกันมาเยอะแยะ แสดงความตื่นเต้นและอดรอคอยพวกเขาไปป่ากันไม่ได้
วันถัดมาพวกเขารีบเตรียมข้าวของที่ต้องใช้ถ่ายทำไป และทิ้งของบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ไว้ในห้องพักพวกเขา โดยตอนนี้พวกเขามีเวลาเพียงสี่วันก่อนจะหมดเทศกาลและอัปโหลดวีดีโอไม่ทันตามที่พวกเขากำหนด บิลลี่เป็นคนติดต่อกับชายหนุ่มอเมริกัน เจค รอย อดีตตำรวจนักสืบชาวนิวยอร์คที่มาแต่งงานกับคนอินโดและอยู่ประเทศนี้มานานเป็นระยะเวลา 12 ปี เขาคุ้นเส้นทางในป่าแห่งนี้เป็นอย่างดีและบิลลี่ได้ว่าจ้างเขาล่องเรือพาพวกเขาไป ณ ป่าแห่งนี้ บิลลี่และเจค เขาสองคนรู้จักกันก่อน จากอดีตเว็บไซต์เก่าของบิลลี่ซึ่งเขาเคยทำรายการเกี่ยวกับผีมาก่อน ซึ่งเจคเป็นหนึ่งในแฟนคลับของเขา พวกเขาล่องเรือกันไปเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เพื่อหลบหลีกพวกตำรวจที่คอยตรวจตามน่านน้ำ และ
เจครู้ทางเข้าป่าโดยไม่ถูกจับ พวกเขาเดินทางมาถึงป่านี้แล้ว โดยกินเวลาล่าช้าไป 2 ชั่วโมง ระหว่างลงเรือ เจค บอกบิลลี่ว่า มีปืนติดไปไหม
บิลลี่ หัวเราะและบอกว่า ผมไม่ต้องการมันหรอก เพราะ ไมเคิลเขามี.22 ติดตัวมาด้วยแถมมีมีดเดินป่าขนาดเท่าศอกคุณติดมาด้วย เจคตอบกลับว่าช่วงนี้พวกคุณรีบถ่ายรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวศพจะไม่สวย บิลลี่กับพวกขำกันและบอกเจคว่าพวกเราผ่านอะไรอันตรายมาเยอะแล้วคุณเจค ถ้าจะตายคงตายตั้งแต่ พวกผมไปลุยป่าในแอฟริกา อะเมซอนหรือป่าในไทยแล้ว นี่เป็นเทปที่ 81 ของพวกเราแล้วนะครับคุณ แล้วบิลลี่ก็ขำต่อ ส่วนเจคก็รีบคว้ามือบิลลี่ไว้ หลังจากทุกคนลงเรือกันหมด แล้วยัดเศษกระดาษเน่าๆใบนึงใส่มือของบิลลี่และบอกว่า คุณต้องใช้มัน บิลลี่กลางกระดาษออกดู พบว่ามันคือคาทาแปลอังกฤษจากภาษาท้องถิ่น ซึ่งเขาไม่รู้ความหมาย และหันไปบอกเจคว่า ไอ้กระดาษเน่าๆนี้คุณให้ผมทำไม เจคบอกว่า ถ้าผมพูดตอนที่คุณมาติดต่อผม ผมเชื่อว่าคุณต้องไม่เชื่อและมองว่าผมเป็นคนขี้กลัว แต่เมื่อก่อนผมก็ไม่เชื่อ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าป่านี้มันอาถรรพ์หลายคนเคยมาพิสูจน์เรื่องลี้ลับที่นี้มากมายแต่ก็หายสาปสูญไปในป่าแห่งนี้ นี่คือคาทาที่จะทำให้พวกคุณรอดพ้นจากสายตาพวกมัน บิลลี่บอก สายตาใคร คุณงั้นเหรอ 555 ผมมาถ่ายสารคดีนะครับไม่ได้มาพิสูจน์เรื่องผีหรือปีศาจอะไร ผมไม่ได้งมงายเรื่องพวกนี้เหมือนที่ผมเคยทำเมื่อก่อนแล้ว และบิลลี่ก็ยื่นใบแผ่นนั้นคืน เจคทำหน้าตื่นๆและบอกว่า คุณต้องใช้มัน และทำหน้าจริงจังต่อบิลลี่ิ บิลลี่รับเสียไม่ได้และเดินลงจากเรือไปพร้อมกับเพื่อนๆทีมงานเขา
สี่วันถัดมาถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงวีดีโอคลิปในแชเนลพวกเขาแต่มันกลับเงียบสนิท ไม่มีการส่งแม้แต่ส่งข้อความมายังแชทกลุ่มแฟนคลับ ซึ่ง
ปกติบิลลี่กับเพื่อนๆต้องแชทหาระหว่างการเดินทางทุกครั้ง แต่กลุ่มแฟนคลับต่างนึกว่า
มันในป่านะ ไม่มีสัญญาณแน่ๆ ผ่านไปอีกสามวัน พวกเขาก็เงียบฉี่ ไม่มีการอัปเดตข้อมูลในแชเนลพวกเขา ทำให้แฟนคลับสงสัยกันอย่างมากว่าพวกเขาหายไปไหน
หนึ่งในสมาชิกของบิลลี่ ชื่อ Matthew Hunter อดีตนาวิกโยธินของกองทัพไอริชซึ่งเป็นญาติห่างๆกับไมเคิลลูกทีมของบิลลี่ เลยจัดกลุ่มพาพักพวกประมาณห้าคนพากันมาตามหากลุ่มบิลลี่ในป่าอันเคว้งคว้าง ณ ประเทศอินโดนีเซีย
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เต็มในการหายตัวของกลุ่มถ่ายทำสารคดี Extreme 4 Sucker ถึงเวลาแล้วที่แมทธิวกับพรรคพวกของเขาจะออกตามหา
กลุ่มนี้ โดยทางแมทธิวได้ติดต่อเจคคนเดิมเช่นเคยจากเบอร์โทรติดต่อ ที่ไมเคิลให้ไว้กับ
แมทธิวก่อนวันที่พวกเขาจะออกเดินทาง แต่การโทรกลับล้มเหลว ไม่มีคนติดต่อรับสาย พวกเขาไม่รอช้าและกระวนกระวายที่จะออกตามหาพวกบิลลี่ แมทธิวกับพวกจึงจ้างคนท้องที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้ล่องเรือพาพวกเขามา ณ ป่าแห่งนี้ โดยคนท้องถิ่นที่เป็นคนขับเรือได้จอดให้พวกเขาลงจุดใกล้ๆกับป่านั้น เพราะถ้าขับไปใกล้กว่านี้จะมีตำรวจน่านน้ำตรวจอยู่ เพราะเป็ยเขตป่าสงวน พวกแมทธิวลงเรือพร้อมหอบกระเป๋าใบใหญ่หลายใบลงมาจากเรือ และบอกคนขับเรือว่าอีกสามวันเดี๋ยวมาเจอกันจุดเดิมที่พวกเราตกลงกัน หลังจากนั้นคนขับเรือก็รีบสตาร์ทเครื่องล่องเรือรีบออกจากน่านน้ำนี้ทันที
เพราะแมทธิวไม่รอช้าเปิดกระเป๋าออกหยิบอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อม ทั้งมีดเดินป่า ปืนพลุ ปืนพก 9 มม. 5 กระบอกติดตัวตามจำนวนสมาชิกทีมและมีของกินกับกระติกน้ำทหารติดตัวและแผนที่ป่าเดินทาง โดยพวกเขายังไม่รู้จุดที่พวกบิลลี่ลงเรือหรือจุดหายตัว พวกเขาก็เดินตามหาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไป โดยอาศัยทักษะการเดินป่าของพวกเขาที่ฝึกมา หนึ่งในทีมแมทธิว ชื่อ ไรลีย์ มีกล้องวีดีโอถือติดมือมาถ่ายเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา
ผ่านไปหลายชั่วโมง แมทธิวได้เจอกระเป๋าเดินทางใบนึงตกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สภาพเน่าและมีกลิ่นเหม็น แมทธิวได้ตะโกนเรียกพรรคพวกเขามาดู และพบว่านี้คือกระเป๋าของเจนนี่ หนึ่งในทีมของบิลลี่ เพราะมีชื่อติดอยู่หน้ากระเป๋า เมื่อเปิดกระเป๋าออกดู พวกเขาถึงกับช็อค เพราะในกระเป๋าพวกเขาพบมือข้างหนึ่งของมนุษย์สภาพไหม้เกรียมอยู่ด้านใน แมทธิวรีบปิดกระเป๋า และหยิบปากกาสีแดงพร้อมกระดาษแปะติดต้นไม้นี้ไว้เป็นการสังเกตจุดที่พวกเขาเจอข้าวของ
ไว้ต่อ...รอคนมาติดตามครับ
ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Fallen,
The Cave, Regressions และ Seven
Something inside the forest ปริศนาในป่ามรณะ แต่งและเขียนโดย Jason Trong
เจนนี่, ไมเคิล และ เบนนี่ กลุ่มนักทำสารคดีวัยเยาว์ชาวอังกฤษในใช้เวลาวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาสมาตะลุยป่าแห่งนี้ ในประเทศอินโดนีเซีย พวกเขาเป็นนักทำสารคดีเว็บไซต์ใต้ดิน เป็นมือสมัครเล่นและชอบทำอะไรบ้าบิ่นอยู่เสมอ ที่ไหนอันตรายมีสัตว์ดุร้ายพวกเขาจะไป ดูเหมือนกระแสตอบรับจากผู้ชมเว็บไซต์ใต้ดินจะชอบพวกเขาเยอะ และมีการสนับสนุนเงินให้พวกเขา ครั้งนี้พวกเขามาตะลุยป่าในอินโดนีเซีย จากคอมเม้นต์ ผู้ใช้รายหนึ่ง ชื่อ Scarx008 ที่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ในแชเนลพวกเขาได้รีเควสให้พวกเขาไปตะลุยป่าในอินโด ซึ่งพวกเขาก็ตกลงรับปากว่าจะไป
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ส่งของขวัญกัน อยู่กันในครอบครัว แต่พวกบิลลี่ไม่สนใจเทศกาลเหล่านี้ พวกเขาใช้เวลาทุ่มสุดตัวในการทำงานของเขา ทีมพวกเขาใช้ชื่อในการถ่ายทำว่า
ทีม Extreme 4 Sucker พวกเขาจัดเตรียมอุปกรณ์อยู่หลายวันก่อนจะนั่งเครื่องบินข้ามทวีปมาที่ประเทศอินโดนีเซีย พวกเขาศึกษาแผนที่มาอย่างดีเกี่ยวกับป่านี้ ซึ่งป่านี้อยู่สุดแผนที่ และเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ พวกเขาต้องปลอมตัวมาเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดาซุกซ่อนอุปกรณ์การถ่ายทำของพวกเขาไว้ เพราะมันผิดกฎหมาย ในช่วงเทศกาลอย่างนี้ พวกเขาไม่ให้พวกคนต่างชาติไปรุกล้ำเขตสงวนแน่นอน พวกเขาผ่านด่านตรวจอาวุธได้สบายมาก หนึ่งในทีมของบิลลี่
ไมเคิลเขาได้พกพาอาวุธมีดมาและปืนพก.22 มาอีกหนึ่งกระบอกไว้ป้องกันตัว แต่เนื่องจากพวกเขาเดินทางข้ามประเทศกันบ่อย ฝ่าแดนอันตรายมาเยอะทำให้รู้วิธีซ่อนอาวุธมิให้คนค้นตัวและเครื่องสแกนรู้ หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ พวกเขาไม่รอช้า รีบตรงดิ่งไปในโรงแรมที่พวกเขาจองไว้ เพราะวันพรุ่งนี้พวกเขาต้องเดินทางไปถ่ายทำกันแล้ว ในคืนนั้นพวกเขายังแชทข้อความกับเหล่าสมาชิกแชเนลของเขาว่าพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี้แล้วและวันพรุ่งนี้ถึงจะไปป่ากัน โดยแฟนคลับพวกเขาก็ตอบข้อความกันมาเยอะแยะ แสดงความตื่นเต้นและอดรอคอยพวกเขาไปป่ากันไม่ได้
วันถัดมาพวกเขารีบเตรียมข้าวของที่ต้องใช้ถ่ายทำไป และทิ้งของบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ไว้ในห้องพักพวกเขา โดยตอนนี้พวกเขามีเวลาเพียงสี่วันก่อนจะหมดเทศกาลและอัปโหลดวีดีโอไม่ทันตามที่พวกเขากำหนด บิลลี่เป็นคนติดต่อกับชายหนุ่มอเมริกัน เจค รอย อดีตตำรวจนักสืบชาวนิวยอร์คที่มาแต่งงานกับคนอินโดและอยู่ประเทศนี้มานานเป็นระยะเวลา 12 ปี เขาคุ้นเส้นทางในป่าแห่งนี้เป็นอย่างดีและบิลลี่ได้ว่าจ้างเขาล่องเรือพาพวกเขาไป ณ ป่าแห่งนี้ บิลลี่และเจค เขาสองคนรู้จักกันก่อน จากอดีตเว็บไซต์เก่าของบิลลี่ซึ่งเขาเคยทำรายการเกี่ยวกับผีมาก่อน ซึ่งเจคเป็นหนึ่งในแฟนคลับของเขา พวกเขาล่องเรือกันไปเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เพื่อหลบหลีกพวกตำรวจที่คอยตรวจตามน่านน้ำ และ
เจครู้ทางเข้าป่าโดยไม่ถูกจับ พวกเขาเดินทางมาถึงป่านี้แล้ว โดยกินเวลาล่าช้าไป 2 ชั่วโมง ระหว่างลงเรือ เจค บอกบิลลี่ว่า มีปืนติดไปไหม
บิลลี่ หัวเราะและบอกว่า ผมไม่ต้องการมันหรอก เพราะ ไมเคิลเขามี.22 ติดตัวมาด้วยแถมมีมีดเดินป่าขนาดเท่าศอกคุณติดมาด้วย เจคตอบกลับว่าช่วงนี้พวกคุณรีบถ่ายรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวศพจะไม่สวย บิลลี่กับพวกขำกันและบอกเจคว่าพวกเราผ่านอะไรอันตรายมาเยอะแล้วคุณเจค ถ้าจะตายคงตายตั้งแต่ พวกผมไปลุยป่าในแอฟริกา อะเมซอนหรือป่าในไทยแล้ว นี่เป็นเทปที่ 81 ของพวกเราแล้วนะครับคุณ แล้วบิลลี่ก็ขำต่อ ส่วนเจคก็รีบคว้ามือบิลลี่ไว้ หลังจากทุกคนลงเรือกันหมด แล้วยัดเศษกระดาษเน่าๆใบนึงใส่มือของบิลลี่และบอกว่า คุณต้องใช้มัน บิลลี่กลางกระดาษออกดู พบว่ามันคือคาทาแปลอังกฤษจากภาษาท้องถิ่น ซึ่งเขาไม่รู้ความหมาย และหันไปบอกเจคว่า ไอ้กระดาษเน่าๆนี้คุณให้ผมทำไม เจคบอกว่า ถ้าผมพูดตอนที่คุณมาติดต่อผม ผมเชื่อว่าคุณต้องไม่เชื่อและมองว่าผมเป็นคนขี้กลัว แต่เมื่อก่อนผมก็ไม่เชื่อ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าป่านี้มันอาถรรพ์หลายคนเคยมาพิสูจน์เรื่องลี้ลับที่นี้มากมายแต่ก็หายสาปสูญไปในป่าแห่งนี้ นี่คือคาทาที่จะทำให้พวกคุณรอดพ้นจากสายตาพวกมัน บิลลี่บอก สายตาใคร คุณงั้นเหรอ 555 ผมมาถ่ายสารคดีนะครับไม่ได้มาพิสูจน์เรื่องผีหรือปีศาจอะไร ผมไม่ได้งมงายเรื่องพวกนี้เหมือนที่ผมเคยทำเมื่อก่อนแล้ว และบิลลี่ก็ยื่นใบแผ่นนั้นคืน เจคทำหน้าตื่นๆและบอกว่า คุณต้องใช้มัน และทำหน้าจริงจังต่อบิลลี่ิ บิลลี่รับเสียไม่ได้และเดินลงจากเรือไปพร้อมกับเพื่อนๆทีมงานเขา
สี่วันถัดมาถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงวีดีโอคลิปในแชเนลพวกเขาแต่มันกลับเงียบสนิท ไม่มีการส่งแม้แต่ส่งข้อความมายังแชทกลุ่มแฟนคลับ ซึ่ง
ปกติบิลลี่กับเพื่อนๆต้องแชทหาระหว่างการเดินทางทุกครั้ง แต่กลุ่มแฟนคลับต่างนึกว่า
มันในป่านะ ไม่มีสัญญาณแน่ๆ ผ่านไปอีกสามวัน พวกเขาก็เงียบฉี่ ไม่มีการอัปเดตข้อมูลในแชเนลพวกเขา ทำให้แฟนคลับสงสัยกันอย่างมากว่าพวกเขาหายไปไหน
หนึ่งในสมาชิกของบิลลี่ ชื่อ Matthew Hunter อดีตนาวิกโยธินของกองทัพไอริชซึ่งเป็นญาติห่างๆกับไมเคิลลูกทีมของบิลลี่ เลยจัดกลุ่มพาพักพวกประมาณห้าคนพากันมาตามหากลุ่มบิลลี่ในป่าอันเคว้งคว้าง ณ ประเทศอินโดนีเซีย
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เต็มในการหายตัวของกลุ่มถ่ายทำสารคดี Extreme 4 Sucker ถึงเวลาแล้วที่แมทธิวกับพรรคพวกของเขาจะออกตามหา
กลุ่มนี้ โดยทางแมทธิวได้ติดต่อเจคคนเดิมเช่นเคยจากเบอร์โทรติดต่อ ที่ไมเคิลให้ไว้กับ
แมทธิวก่อนวันที่พวกเขาจะออกเดินทาง แต่การโทรกลับล้มเหลว ไม่มีคนติดต่อรับสาย พวกเขาไม่รอช้าและกระวนกระวายที่จะออกตามหาพวกบิลลี่ แมทธิวกับพวกจึงจ้างคนท้องที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้ล่องเรือพาพวกเขามา ณ ป่าแห่งนี้ โดยคนท้องถิ่นที่เป็นคนขับเรือได้จอดให้พวกเขาลงจุดใกล้ๆกับป่านั้น เพราะถ้าขับไปใกล้กว่านี้จะมีตำรวจน่านน้ำตรวจอยู่ เพราะเป็ยเขตป่าสงวน พวกแมทธิวลงเรือพร้อมหอบกระเป๋าใบใหญ่หลายใบลงมาจากเรือ และบอกคนขับเรือว่าอีกสามวันเดี๋ยวมาเจอกันจุดเดิมที่พวกเราตกลงกัน หลังจากนั้นคนขับเรือก็รีบสตาร์ทเครื่องล่องเรือรีบออกจากน่านน้ำนี้ทันที
เพราะแมทธิวไม่รอช้าเปิดกระเป๋าออกหยิบอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อม ทั้งมีดเดินป่า ปืนพลุ ปืนพก 9 มม. 5 กระบอกติดตัวตามจำนวนสมาชิกทีมและมีของกินกับกระติกน้ำทหารติดตัวและแผนที่ป่าเดินทาง โดยพวกเขายังไม่รู้จุดที่พวกบิลลี่ลงเรือหรือจุดหายตัว พวกเขาก็เดินตามหาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไป โดยอาศัยทักษะการเดินป่าของพวกเขาที่ฝึกมา หนึ่งในทีมแมทธิว ชื่อ ไรลีย์ มีกล้องวีดีโอถือติดมือมาถ่ายเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา
ผ่านไปหลายชั่วโมง แมทธิวได้เจอกระเป๋าเดินทางใบนึงตกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สภาพเน่าและมีกลิ่นเหม็น แมทธิวได้ตะโกนเรียกพรรคพวกเขามาดู และพบว่านี้คือกระเป๋าของเจนนี่ หนึ่งในทีมของบิลลี่ เพราะมีชื่อติดอยู่หน้ากระเป๋า เมื่อเปิดกระเป๋าออกดู พวกเขาถึงกับช็อค เพราะในกระเป๋าพวกเขาพบมือข้างหนึ่งของมนุษย์สภาพไหม้เกรียมอยู่ด้านใน แมทธิวรีบปิดกระเป๋า และหยิบปากกาสีแดงพร้อมกระดาษแปะติดต้นไม้นี้ไว้เป็นการสังเกตจุดที่พวกเขาเจอข้าวของ
ไว้ต่อ...รอคนมาติดตามครับ
ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Fallen,
The Cave, Regressions และ Seven