เทคนิคออมเงินแบบไม่ต้องอดมื้อกินมื้อด้วย "50/30/20 percent rule"


ต้นปีแบบนี้เชื่อว่าคงมีพนักงานหลายๆ คนคงใจจดใจจ่อกับผลลัพธ์จากการทำงานที่เหนื่อยกันมาทั้งปีที่ผ่านมาว่า จะส่งผลให้ได้ปรับตำแหน่งไหม เงินเดือนและโบนัสจะได้เท่าไหร่ ข่าวยิ่งไม่ค่อยจะสู้ดีเรื่องเศรษฐกิจ อาจจะสมหวังบ้างหรืออาจจะผิดหวังบ้างก็เผื่อใจกันไว้หน่อยนะ และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ เมื่อได้เงินมาแล้วก็ควรที่จะเก็บเงินดังกล่าวในรูปแบบการออม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเรานำเงินไปใช้กับสิ่งที่ไม่จำเป็นกันด้วย แล้วจะเริ่มออมยังไงกันดี

วันนี้ K-Expert จึงอยากจะมาแนะนำวิธีเก็บเงินตามเทคนิคแบบ  "50/30/20 percent rule"  ของต่างชาติมาให้ลองทำกันดู โดยสูตรดังกล่าวไม่ใช่การใบ้ตัวเลข หรือบอกสัดส่วนร่างกายแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีในการแบ่งสัดส่วนรายรับที่มีอยู่ให้เป็นก้อนตามหมวดหมู่ที่ได้ตั้งไว้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดจำนวนเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือน สูตร "50/30/20 percent rule" อาจจะฟังดูซับซ้อนแต่จริงแล้วง่ายมากๆ เพื่อให้สะดวกแก่การออม โดยจะขอใช้ตัวอย่างจากเงินเดือน 15,000 บาท ดังนี้

แบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์ จ่ายเพื่อความสุขให้กับตัวเราเองในระยะยาว (3,000 บาท จากเงินเดือน 15,000 บาท) ให้ใช้ในการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต โดยอาจจะเลือก เก็บสะสมเพื่อตัดหนี้สิน เช่น บ้าน หรือจะเลือกออมเงิน ลงทุน เพื่อให้เงินได้งอกเงย เปรียบเหมือนกับเราค่อยๆ รดน้ำให้กับต้นไม้เพื่อหวังผลในวันข้างหน้านั่นเอง

โดยหากเลือกจะออมเงิน K-Expert ขอยกตัวอย่างการออม 3 วิธีมา เพื่อเป็นตัวอย่างว่า เมื่อผ่านไป 10 ปี เงินดังกล่าวจะกลายเป็นเท่าใดตามตารางด้านล่าง ทั้งนี้หากเพื่อนๆ มีทางเลือกในการออมแบบอื่นๆ ก็ร่วมแชร์กันได้เลยนะครับ

แบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น  (7,500 บาท จากเงินเดือน 15,000 บาท) สิ่งที่จำเป็นหมายถึง เพื่อการดำรงชีวิตในแต่ละวัน (Need) เช่น หนี้บ้าน หนี้รถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางมาทำงาน ค่ากิน แต่อยากให้เพื่อนๆ ลองตัดสินใจให้ดีว่า สิ่งไหนจำเป็นจริงๆ คือ ไม่มีหรือไม่จ่ายจะส่งผลเสียกับการดำรงชีวิตของเรา ก็ควรใช้เงินก้อนนี้เพื่อค่าใช้จ่ายกับสิ่งเหล่านั้น

แบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ จ่ายในสิ่งที่ต้องการ (4,500 บาท จากเงินเดือน 15,000 บาท) ในส่วนนี้ยืดหยุ่นได้เพื่อสร้างความสุขให้กับตนเอง เช่น การซื้อเสื้อผ้า การกินอาหารนอกบ้าน หรือสิ่งที่ต้องการในชีวิตประจำวัน ก็คล้ายๆ กับการให้รางวัลแก่ตนเองบ้าง แต่ก็พยายามจะเยอะเกินกว่าที่กำหนดไว้

โดยขอนำเสนอเทคนิค The 30-day rule เพื่อช่วยในการตัดสินใจใช้จ่ายกับสิ่งที่เราต้องการได้ดียิ่งขึ้น เทคนิคนี้ก็คือ การยังยั้งชั่งใจก่อนตัดสินใจซื้อภายใน 30 วันนั่นเอง โดยทุกครั้งที่เราอยากได้อะไรให้กลั้นใจๆ แล้ววางมันกลับไปไว้ที่เดิม หลังจากนั้นก็จดบันทึกไว้จะใส่กระดาษ หรือบันทึกในมือถือก็ได้ว่า เราเจอมันที่ร้านไหน ราคาเท่าไหร่ และวันเวลาที่เจอสินค้า หลังจากนั้นให้รอ 30 วัน เมื่อครบให้ตัดสินใจอีกครั้งว่า เรายังต้องการมันอยู่ไหม หากยังต้องการจึงค่อยกลับไปซื้อ เผลอๆ อาจซื้อได้ราคาถูกกว่าเดิม แต่เชื่อว่าคงมีหลายคนแย้งขึ้นมาว่า ตัดสินใจช้าเดี๋ยวมีคนแย่งไปก่อน จะลดเวลาในการรอก็ไม่ว่ากัน ตามวลีเด็ดของมันต้องมี แต่อย่าลืมความสุขในระยะยาวกันด้วย

สัดส่วนที่กล่าวมาอาจจะปรับเพิ่มหรือลดลงได้ ตามความเหมาะสมของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นอายุ รายได้ หรือ ภาระหนี้ที่มีอยู่ แต่การแบ่งเงินให้ชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถมีอิสระทางการเงินที่เร็วขึ้น และช่วยให้คุณตัดสินใจทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น

สรุปหัวใจสำคัญในการออมแบบนี้คือ การแบ่งเงินในแต่ละเรื่องให้ชัดเจนในแต่ละเดือน และการมีวินัยในการใช้จ่ายโดยต้องใช้จ่ายให้ตรงกับที่วางแผนให้ได้มากที่สุด และทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญอีกเรื่องก็คือ ยิ่งถ้าเราสามารถลดในส่วนของรายจ่ายในสิ่งที่ต้องการ และรายจ่ายที่จำเป็นได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราสามารถไปเพิ่มในการจ่ายเพื่อให้ความสุขตนเองในระยะยาวเพิ่มขึ้นได้เท่านั้น เพราะฉะนั้นความสุขในระยะยาวของเราก็จะยิ่งมีมากขึ้นเช่นเดียวกัน

หากเพื่อนๆ มีวิธีในการเก็บเงินในรูปแบบของตนเอง และอยากที่จะแบ่งปันแก่คนอื่นๆ ช่วยกันนำเสนอได้เลยนะครับเพื่อช่วยกันให้ทุกคนมีความสุขกันในระยะยาว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่