[SR] หลายเดือนที่ผ่านมาของผม กับการใช้กล้อง Canon EOS 6D Mark II

ปกติแล้วช่างภาพแต่ละคนจะมีกล้องคู่ใจของตัวเองอยู่เสมอ และผมเองก็เช่นกัน สมัยที่เพิ่งหัดถ่ายรูปผมซื้อกล้อง EOS 6D มา และใช้มาอย่างสมบุกสมบัน ถ่ายงานรับปริญญา งานแต่ง งานท่องเที่ยว จนเวลาผ่านไปหลายปี ในขณะที่กล้องรุ่นอื่นออกมาหลายรุ่นแล้ว แต่ 6D นั้นก็ยังเงียบกริบ

และเมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็มีข่าวการเปิดตัวของ Canon EOS 6D Mark II ให้กับผู้ที่รอคอยอย่างผม แต่อย่างที่รู้ๆกันว่า สเปคของกล้องนั้นอาจจะไม่ถูกใจหลายๆคนเท่าไร (แม้แต่ผมด้วย) แต่การตัดสินใจจากแค่สเปคเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นการปิดกั้นตัวเองมากเกินไปหน่อย ผมจึงเฝ้ารอคอยที่จะได้ลองใช้กล้องรุ่นนี้ และการรอขอผมก็สิ้นสุดลง เมื่อทาง Canon ได้ติดต่อให้ผมเอากล้องไปลองใช้ดู ซึ่งผมยอมรับว่าดีใจมาก เพราะเป็นกล้องตัวที่ต้องการจะซื้อมาทำงานพอดี

ในกระทู้นี้ผมจึงจะมาแบ่งปันประสบการณ์จากการใช้กล้อง Canon EOS 6D Mark II ว่าในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่าๆที่ได้เอามาใช้ทั้งถ่ายเล่น ถ่ายงาน เดินทางไปยังที่ต่างๆ กล้องรุ่นนี้นั้นสามารถที่จะสร้างความแตกต่างในการถ่ายรูปได้มากกว่ารุ่นก่อนเพียงไหน สำหรับผมแล้ว Canon EOS 6D Mark II มีจุดที่ปรับปรุงมาได้ดีขึ้นอย่างน่าสนใจอยู่หลายๆจุด ซึ่งผมจะพูดถึงในแต่ละข้อที่ผมชอบโดยผมจะเปรียบเทียบจากความรู้สึกของการใช้รุ่นแรกเป็นหลักมากกว่า ว่าพัฒนาขึ้นและช่วยเราในการถ่ายรูปมากขึ้นแค่ไหน (เพราะใช้ตัวนั้นมาอย่างยาวนานมากๆ ซ่อมไป 1 เปลี่ยนยางอีก 1 รอบ) และอาจจะไม่ได้กล่าวถึงในส่วนของสเปค เน้นประสบการณ์ในการใช้จริงครับ พร้อมกับแนบรูปที่ถ่ายด้วยกล้องรุ่นด้วยครับ

1/400 sec – f/4.5 - ISO 100 - 76mm

1/1250 sec – f/4.5 - ISO 100 - 50mm

1/500 sec – f/4.5 - ISO 100 - 62gเmm

ข้อแรกที่เด่นที่สุดเลยนั่นคือเรื่องของจอพับและทัชได้ เราอาจจะได้เห็นกล้อง Mirrorless หรือ DSLR บางตัวที่สามารถพับจอได้แต่ก็พับได้เพียงแค่แบบเดียวนั่นคืองัดขึ้นเพื่อมองลงล่าง แต่กับกล้อง Canon EOS 6D Mark II นั้น สามารถพับได้มากกว่านั้น คือพับได้ทั้งแนวตั้งกับแนวนอน จึงทำให้เราสร้างสรรค์มุมในการถ่ายภาพได้มากยิ่งกว่าการมองผ่าน view finder ซึ่งส่วนตัวผมแทบไม่ใช้แล้ว ใช้การถ่ายผ่านจอเอารู้สึกว่าสะดวกกว่า รวมทั้งยังแตะที่จอเพื่อโฟกัสหรือเพื่อถ่ายก็ยังได้ และที่ดีที่สุดคือสามารถพับจอมาเพื่อดูตัวเองได้ด้วย นั่นทำเราทำงานได้ง่ายมากขึ้นโดยเฉพาะกับงานวีดีโอที่เราต้องการพูดกับกล้อง เช่น vlog หรือรีวิวต่างๆ

1/2000 sec – f/4 - ISO 100 - 50mm

1/400 sec – f/4 - ISO 100 - 50mm

1/125 sec – f/2.2 - ISO 800 - 50mm

ข้อที่สองคือความเร็วของการใช้ live view จากข้อแรกที่พูดถึงการแตะจอเพื่อถ่าย หรือการที่พับจอมาเพื่อดูตัวเอง ฟังก์ชั่นพวกนี้จะใช้ไม่สะดวกเลยถ้าหากว่ามันช้า ซึ่งระบบ Dual Pixel CMOS ของ Canon นั้นเร็ว แม่นยำและฉลาดมาก ไม่ว่าจะเป็นการโฟกัสแบบปกติ การโฟกัสแบบจับใบหน้า การแตะหน้าจอเพื่อถ่าย ทุกฟังก์ชั่นสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด จึงทำให้เรามั่นใจมากยิ่งขึ้นในการถ่ายรูป ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะโฟกัสเข้าไหม หรือต้องย้ำมาหลายๆช็อตเพื่อเลือก เพราะเราสามารถเห็นรูปที่เราจะได้จากหน้าจอได้เลย

1/250 sec – f/2.0 - ISO 100 - 50mm

1/160 sec – f/4.0 - ISO 1250 - 50mm

1/125 sec – f/2.5 - ISO 100 - 50mm

ข้อที่สามคือระบบโฟกัสใน view finder นั้นดีขึ้นมาก คนที่เคยใช้ตัวแรกมาคงรู้ว่าจุดโฟกัสที่ใช้ได้จริงๆคือจุดกลางจุดเดียว แต่กับรุ่นนี้ มีจุดโฟกัสเพิ่มขึ้น ทำให้เราสามารถเลือกถ่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งการถ่ายแบบ servo mode นั้น มีความแม่นยำ และเพิ่มโอกาสการได้รูปเวลาถ่ายรัวได้เยอะยิ่งขึ้น

1/200 sec – f/4.0 - ISO 100 - 50mm

1/400 sec – f/4.0 - ISO 100 - 50mm

1/125 sec – f/3.5 - ISO 1000 - 50mm

ข้อที่สี่คือไฟล์ จากที่เรารู้อยู่แล้วว่ากล้องตระกูล Canon นั้น ให้สกินโทนที่สวย ถ่ายรูปคนแล้วดูเคลียร์ โดยเฉพาะแสงตอนกลางวัน พอลองใช้ตัวนี้แล้วรู้สึกว่าทำไฟล์ผ่านโปรแกรมแต่งรูปง่ายขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ในสภาวะแสงน้อยนั้น รู้สึกว่ายังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าใช้พวก noise reduction ก็พอที่จะช่วยได้


ข้อที่ห้าคือความฉลาดของกล้อง ปกติแล้วผมเป็นคนที่ใช้โหมด Auto หรือ AV ในการถ่ายภาพอยู่ตลอด ด้วยความที่กล้องสมัยนี้มีเทคโนโลยีที่ดี ผมจึงให้กล้องคํานวณค่าต่างๆให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น speed shutter , iso , white balace ผมจะควบคุมที่ค่า f เพียงอย่างเดียว และวัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพไว้ตรงกลาง ซึ่งเวลาถ่ายมาหลังกล้องนั้น แสงที่ได้มาค่อนข้างตรงเลยทีเดียว และอยากปรับแต่งอะไรเพิ่มก็ใช้โปรแกรมแต่งภาพช่วยนิดหน่อย ก็ทำให้เสร็จงานได้ไวยิ่งขึ้น

1/160 sec – f/4.0 - ISO 100 - 105mm

1/200 sec – f/4.0 - ISO 100 - 24mm

1/200 sec – f/4.0 - ISO 100 - 105mm

เลนส์เดียวกัน ตำแหน่งเดียวกัน แต่แตกต่างที่การเลือกระยะของเลนส์

1/160 sec – f/4.0 - ISO 100 - 24mm

1/200 sec – f/4.0 - ISO 100 - 105mm

ข้อที่หกคือเลนส์ 24-105 ตัวใหม่ ปกติแล้วผมจะใช้เลนส์ระยะ 50 f1.4 ในการถ่ายภาพอยู่เสมอ และไม่ค่อยชอบเลนส์ซูมเท่าไรนัก แต่พอได้ใช้ตัวนี้ รู้สึกว่าเป็นเลนส์ที่อเนกประสงค์มากๆ ด้วยระยะที่ครอบคลุมจึงทำให้สามารถถ่ายได้หลายๆแบบ แต่รูรับแสง f4 นั้น ก็เพียงพอต่อการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว เมื่อซูมไปที่ 105 สามารถถ่ายคนให้หลังละลายได้อย่างสวยงาม และเลนส์รุ่นใหม่ตัวนี้มีโฟกัสที่ไว แม่นยำ และให้ภาพที่คมชัดกว่าตัวก่อนค่อนข้างมากเลยทีเดียว สำหรับใครที่ท่องเที่ยวแล้วอยากเลนส์ที่ตัวเดียวจบ ผมขอแนะนำตัวนี้เลยครับ

และเมื่อกลางต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาผมได้จัดงาน workshop ให้คนมาลองทดสอบกล้อง Canon EOS 6D Mark II ซึ่งหลายๆคนก็ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ช่วยให้ถ่ายรูปได้สบายยิ่งขึ้น และผมเก็บภาพบรรยากาศในงานมากฝากด้วยครับ


สรุป
กล้อง Canon EOS 6D Mark II เป็นกล้องที่อาจจะไม่ได้ให้ไฟล์ที่ความละเอียดคมชัดแบบตัวท๊อป หรือมี dynamic range ในการขุดไฟล์ได้ดีเท่าตัวอื่น แต่ในแง่การใช้งานปกติ ไฟล์ของกล้องก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ที่เป็นจุดเด่นนั่นก็คือความง่ายในการใช้ กล้องตัวนี้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมาก ความรู้สึกคล้ายๆกับการใช้กล้อง Mirrorless หรือกล้อง DSLR ระดับล่างๆ ที่มีเครื่องมือต่างๆในกล้องและตัวช่วยให้ผู้ใช้งานในระดับเริ่มต้นใช้ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นทัชสกรีน การแตะเพื่อถ่าย โหมดจับใบหน้า และอื่นๆอีก แต่กล้องรุ่นนี้ได้ไฟล์ในระดับที่ดีพอๆกับรุ่นท๊อปได้เลย

จุดเด่น
- มีจอที่พับได้หลากหลายมุม
- โฟกัสไว โหมดจับใบหน้าทำงานได้ดีและแม่นยำ
- จับถือถนัดมือ ปุ่มไม่เยอะมาก กำลังดี
- ไฟล์ภาพถ่ายในแสงกลางวันค่อนข้างเคลียร์ ทำต่อได้ง่าย
- โหมดออโต้ให้ภาพที่ได้แสงและความสว่างเหมือนตาเห็น
- เป็นกล้องที่ใช้งานง่ายมาก
ชื่อสินค้า:   Canon EOS 6D MARK II
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่