***มันลงรูปไม่ได้อะค่ะ ขออภัยด้วยเด้อ***
เรื่องมันมีอยู่ว่า ก่อนสิ้นปี เรามีปัญหากับที่บ้าน ทะเลาะกันใหญ่โต จนเก็บของ ออกบ้านมา
หนึ่งในนั่น มีหมาปอม กับ ไก่ไข่
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เราอุ้มไก่ไข่ ออกบ้านมา แต่ดันไม่เอาเสื้อผ้าตัวเองมา
ไก่สองตัวนี้ เริ่มมาจากเรามีความคิดอยากเลี้ยงไก่ เพื่อให้ได้ไข่กินในบ้านทุกวัน
แฟนจึงพาไปหาซื้อ พอได้มา ก็อยู่คอกไก่ กันสองตัว วันๆเอาแต่กิน กิน กิน แล้วก็กิน
ความน่ารักของมัน คือ ถ้าเดินไปใกล้มัน มันจะนอนหมอบให้อุ้ม
****เลี้ยงไปมา มันกลายเป็นเหมือนเพื่อน เพื่อนจะไม่ทิ้งเพื่อน ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหา เลยอุ้มมันมาด้วย***
.......ถามว่า พามันไปทะเลได้ยังไง
คือคืนนั้นเราสติแตก แบบสุด ร้องไห้ ฟูมฟาย ในหัวตอนนั้นคิดแต่เห็นภาพทะเล ทั้งที่จริงขึ้นดอย มันจะง่ายกว่า
เพราะ บ้านเรามีดอย เยอะอยู่แล้วไง สถานการณ์ตอนนั้น มันแย่ มันเครียส มันวุ่นวาย ผ่านมาเร็วมาก
นี้ร้องไห้ งอแง จนแฟนใจอ่อนพาไปทะเล และก็ร้องไห้ ทั้งคืน จนหมดแรงหลับไป
......ตื่นมา เราหลัยอยู่ในรถ ที่ ปตท นครสวรรค์ เห็นหน้าแฟน แฟนถาม"ตัวจะพาไก่...ไปทะเลหรอ" ในใจพึ่งนึกได้
แบบ ชิบ...ล่ะ ลืมไป เมื่อคืน เก็บไก่ใส่กล่องไว้หลังรถนี้นา แฟนลงซื้อคัทเตอร์ เจาะรูกล่อง จนรอบ เพื่อให้ไก่มีอากาศถ่ายเท
แต่ถึงตอนนั้น จะวกกลับก็ไม่ทันแล้ว เพราะเดินทางมาเกือบครึ่งทางแล้ว แถมขาขึ้นเหนือมีแต่รถวิ่งขึ้นเต็มไปหมด เพราะปีใหม่
แต่ขาลงใต้นี้โล่งเชียว ...เอาเป็นว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ไปให้ถึงละกัน อาหารไก่คือ ข้าวกล่อง7-11ราคา 15บาท
เราใช้เส้นทาง ตัดผ่าน กทม เพื่อไปเพชรบุรี แถมหลงในกทม อีก เอาเป็นไก่ได้เที่ยวในกทม ไปอีก โชคดีที่ กทมโล่งเลย
...วิ่งไปจนถึงเพชรบุรี มีถ้ำชื่อเขาย้อย อยากรู้ว่ามีอะไร เลยแวะไป มีความชิบอีกรอบ คือลิงเต็มเลย. แต่โชคดีที่มี่บริการ ชาวบ้านเฝ้ารถ
เราว่ามันดีมากๆเลย เพราะของเต็มหลังรถเลยจ่ายค่าเฝ้ากี่บาทก็ได้ แต่เราให้ไป20ถือว่าคุ้มอยู่นะ ระหว่างนั้น คุณลุงเดินผ่านรถได้ยินเสียงไก่
จึงมา ส่องดูข้างกล่อง แล้วพูดว่า'"โอ้ ...ไก่ชนสีสวยจัง"คุณลุงขา นั้นมันไก่ไข่ค่า
....เดินทางกันไป กว่าจะถึงหาดชะอำ ก็เกือบมืดแล้ว จึงพาไปกะนุ่งหมาไปตรงที่ที่ไม่ค่อยมีคนของหาดเพื่อให้เด็กๆเดินเล่น
คิดในใจ ไก่ต้องเครียสแน่ๆ เดินทางทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ มันคงไม่ออกไข่ไปหลายวัน
....แต่ ที่ไหนได้ เปิดกล่องมาเจอไข่สองฟอง หน้าไม่เครียสอะไรเลย อารมแบบงงๆ ที่นี้ที่ไหน ตอนเท้าแตะทรายครั้งแรกยังไม่กล้าเดิน นอนหมอบ
สักพักทำใจได้ ลุกขึ้นยืน และจิกทรายกิน จิก จิก และจิก พอเริ่มคุ้นละเริ่มเดินไปไก่พี่หมาต้องไปช่วยต้อนกลับมา และสองนางก็ก้มหน้า จิก จิก จิก
เดิน เดิน เดิน จนใกล้มืด เราเลยเก็ยสองนางเข้ากล่อง และไปหาจุดกางเต็นท์นอน ส่วนไก่อยู่ในกล่องใหญ่ นอนหลังกระบะ เหมือนเดิม
....เช้ามา น้องไก่ไม่ได้เดินหาดเพราะจุดกางเต็นท์ มีน้องหมาประจำถิ่นเยอะเกิน เลยแก้ปัญหา ด้วยการตักทรายใส่หลังกระบะ และให้น้องหมากับไก่เดินเล่น
หลังกระบะสักพัก ก็ลองขับรถไปดูจุดอื่นๆของหาดดู ปรากฏว่าคนมาเยอะมาก เพราะวันนั้น เป็นวันที่31ธค คิดว่าลองไปหัวหินดูละกัน (คิดว่าหัวหินคง
คล้ายๆชะอำมั้ง ที่ไหนได้ อย่างกะไมอามี่ คนเยอะมาก รถเยอะมาก รถติด ที่จอดเต็ม) สรุปทั้งคนทั้งหมา ทั้งไก่ไม่ได้ลงรถเพื่อเที่ยวหัวหินกันเลย
ตัดสินใจ กลับๆ โดยลัดผ่าน กทม กลับเหมือนเดิม
....ถึงกทม ก็มืดแล้ว กว่าพี่ไก่จะได้ออะมากเดิน เราไปแวะหอพักพี่ที่รู้จักพอ ไปถึงหอรีบเอาไก่ออกกล่อง กลัวมันเครียส แต่ที่ไหนได้ ออกกล่องมามันดูไม่เครียสเลย มันมองซ้าย ขวา และจิกทรายที่เหลือหลังกระบะต่อ แต่ที่มันอาจจะเครียสก็คงเพราะ มันโดยหมาเราจับทำเมีย...คือหมาจับไก่ทำเมีย อะไร คือไปทะเลกัน
แล้วแอบพัฒนาความสัมพันธ์หรอ
.....หลังจากพักกันแป๊ปๆ เกินทางกลับต่อ และไปหลับกันที่ปตท นครสวรรค์เหมือนเดิม เหมือนจะปั๊มใหม่ แต่ตรงข้ามปทต ที่เราพักตอนขามา ถึงเช้ามานี้ น้องไก่ได้ออกกล่องอีกรอบเดินอยู่แถวหลังกระบะ กินทราบพักผ่อนซักพักนางยังคงดูไม่เครียส งงเล็กน้อยและจิกกินทรายต่อ(เราเอาทรายใส่กล่องให้ไก่ ขี้ไม่เหม็นนะคะ กล่องไม่พังด้วย) พักไก่กินข้าวกินน้ำ เดินทางต่อ ถึงตาก แวะไปเขื่อนเห็นมีสวนพักผ่อน ไม่มีหมาประจำถิ่นและคนน้อย จึงได้เวลาพักคนพักรถ
พาน้องไก่น้องหมาไปเดินเล่น มันเริ่มปรับตัว ไม่เดินไปไหนไกลจิกกินมด กินหญ้าใกล้ๆตัวเรา มันจะอยู่ใกล้ๆคู่ไก่ของมันตลอดเวลา เดินไปไหนไปด้วย
...สักพักได้ยินคุณลุงคุณป้า คู่หนึ่งเดินผ่านแถวเราและเถียงกันว่าไก่เนื้อไก่ไข่ ตลอดทาง คุณลุงบอกมันเป็นไก่เนื้อแน่ๆ เพราะมันตัวใหญ่. เราเลยช่วยตะโกนบอกคุณลุงว่า "เป็นไก่ไข่ค่า แค่อ้วนไปหน่อย" คุณลุงคุณป้าก็หัวเราะกันใหญ่ คุณป้าบอกก็ลุงนะสิ ป้าบอกเป็นไก่ไข่ก็ไม่เชื่อ ทั้งคู่หัวเราะและเดินจากไป ส่วนเจ้าไก่เจ้าปัญหา ยังคงก้มหน้า ก้มตาจิกกินต่อไป ไม่สนใจใยดีอะไรกับโรคนี้ทั้งสิ้น
...เดินทางกลับบ้านถึงบ้านแฟน ไปเอากรงหมาเก่ามาให้มันอยู่ และเดินทางมาทำงานต่างจังหวัดต่อ ทุกวันนี้นางนอนหลังกระบะ ในกรง รถจอดอยู่หน้าห้องพักตื่นเช้ามา รถจะออก พานางไปนา เพื่อเดินเล่น จิกกินดิน กินมดตามประสา
วันไหนเราออกห้องสาย มันจะเริ่มโวยวาย นึกว่าจะออกไข่ ที่ไหนได้อยากไปเที่ยวเพราะพอรถออกปุ๊บ นางก็เงียบปั๊บ ได้เดินเที่ยวสักพัก ไปล้างกรง ขึ้นรถอีกทีก็จะนอน ไม่โวยวายละวันนี้
.....ล่าสุดวันนี้ วันหยุดทำงาน คนนอนตื่นสาย พี่ไก่ก็โวยวาย นึกว่าจะออกไข่ ที่ไหนได้พอรถออกปุ๊กก็เงียบปั๊บ วันนี้พานางไปเที่ยวริมโขง ได้เดินเล่นแปปเข้ากรงก็นอน สองนางก็เงียบและวันนี้ก็ไม่โวยวายอีกเลย
******เดียวพรุ่งนี้รอดูใหม่ ถ้ารถออกสายสองนางคงจะโวยวายอีกเหมือนเคย ก.ไก่ ใจแตก***
***พิมพ์ผิดเยอะหน่อยนะคะ ใช้มือถือพิมพ์***
พาไก่ไข่...ไปทะเล
เรื่องมันมีอยู่ว่า ก่อนสิ้นปี เรามีปัญหากับที่บ้าน ทะเลาะกันใหญ่โต จนเก็บของ ออกบ้านมา
หนึ่งในนั่น มีหมาปอม กับ ไก่ไข่
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เราอุ้มไก่ไข่ ออกบ้านมา แต่ดันไม่เอาเสื้อผ้าตัวเองมา
ไก่สองตัวนี้ เริ่มมาจากเรามีความคิดอยากเลี้ยงไก่ เพื่อให้ได้ไข่กินในบ้านทุกวัน
แฟนจึงพาไปหาซื้อ พอได้มา ก็อยู่คอกไก่ กันสองตัว วันๆเอาแต่กิน กิน กิน แล้วก็กิน
ความน่ารักของมัน คือ ถ้าเดินไปใกล้มัน มันจะนอนหมอบให้อุ้ม
****เลี้ยงไปมา มันกลายเป็นเหมือนเพื่อน เพื่อนจะไม่ทิ้งเพื่อน ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหา เลยอุ้มมันมาด้วย***
.......ถามว่า พามันไปทะเลได้ยังไง
คือคืนนั้นเราสติแตก แบบสุด ร้องไห้ ฟูมฟาย ในหัวตอนนั้นคิดแต่เห็นภาพทะเล ทั้งที่จริงขึ้นดอย มันจะง่ายกว่า
เพราะ บ้านเรามีดอย เยอะอยู่แล้วไง สถานการณ์ตอนนั้น มันแย่ มันเครียส มันวุ่นวาย ผ่านมาเร็วมาก
นี้ร้องไห้ งอแง จนแฟนใจอ่อนพาไปทะเล และก็ร้องไห้ ทั้งคืน จนหมดแรงหลับไป
......ตื่นมา เราหลัยอยู่ในรถ ที่ ปตท นครสวรรค์ เห็นหน้าแฟน แฟนถาม"ตัวจะพาไก่...ไปทะเลหรอ" ในใจพึ่งนึกได้
แบบ ชิบ...ล่ะ ลืมไป เมื่อคืน เก็บไก่ใส่กล่องไว้หลังรถนี้นา แฟนลงซื้อคัทเตอร์ เจาะรูกล่อง จนรอบ เพื่อให้ไก่มีอากาศถ่ายเท
แต่ถึงตอนนั้น จะวกกลับก็ไม่ทันแล้ว เพราะเดินทางมาเกือบครึ่งทางแล้ว แถมขาขึ้นเหนือมีแต่รถวิ่งขึ้นเต็มไปหมด เพราะปีใหม่
แต่ขาลงใต้นี้โล่งเชียว ...เอาเป็นว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ไปให้ถึงละกัน อาหารไก่คือ ข้าวกล่อง7-11ราคา 15บาท
เราใช้เส้นทาง ตัดผ่าน กทม เพื่อไปเพชรบุรี แถมหลงในกทม อีก เอาเป็นไก่ได้เที่ยวในกทม ไปอีก โชคดีที่ กทมโล่งเลย
...วิ่งไปจนถึงเพชรบุรี มีถ้ำชื่อเขาย้อย อยากรู้ว่ามีอะไร เลยแวะไป มีความชิบอีกรอบ คือลิงเต็มเลย. แต่โชคดีที่มี่บริการ ชาวบ้านเฝ้ารถ
เราว่ามันดีมากๆเลย เพราะของเต็มหลังรถเลยจ่ายค่าเฝ้ากี่บาทก็ได้ แต่เราให้ไป20ถือว่าคุ้มอยู่นะ ระหว่างนั้น คุณลุงเดินผ่านรถได้ยินเสียงไก่
จึงมา ส่องดูข้างกล่อง แล้วพูดว่า'"โอ้ ...ไก่ชนสีสวยจัง"คุณลุงขา นั้นมันไก่ไข่ค่า
....เดินทางกันไป กว่าจะถึงหาดชะอำ ก็เกือบมืดแล้ว จึงพาไปกะนุ่งหมาไปตรงที่ที่ไม่ค่อยมีคนของหาดเพื่อให้เด็กๆเดินเล่น
คิดในใจ ไก่ต้องเครียสแน่ๆ เดินทางทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ มันคงไม่ออกไข่ไปหลายวัน
....แต่ ที่ไหนได้ เปิดกล่องมาเจอไข่สองฟอง หน้าไม่เครียสอะไรเลย อารมแบบงงๆ ที่นี้ที่ไหน ตอนเท้าแตะทรายครั้งแรกยังไม่กล้าเดิน นอนหมอบ
สักพักทำใจได้ ลุกขึ้นยืน และจิกทรายกิน จิก จิก และจิก พอเริ่มคุ้นละเริ่มเดินไปไก่พี่หมาต้องไปช่วยต้อนกลับมา และสองนางก็ก้มหน้า จิก จิก จิก
เดิน เดิน เดิน จนใกล้มืด เราเลยเก็ยสองนางเข้ากล่อง และไปหาจุดกางเต็นท์นอน ส่วนไก่อยู่ในกล่องใหญ่ นอนหลังกระบะ เหมือนเดิม
....เช้ามา น้องไก่ไม่ได้เดินหาดเพราะจุดกางเต็นท์ มีน้องหมาประจำถิ่นเยอะเกิน เลยแก้ปัญหา ด้วยการตักทรายใส่หลังกระบะ และให้น้องหมากับไก่เดินเล่น
หลังกระบะสักพัก ก็ลองขับรถไปดูจุดอื่นๆของหาดดู ปรากฏว่าคนมาเยอะมาก เพราะวันนั้น เป็นวันที่31ธค คิดว่าลองไปหัวหินดูละกัน (คิดว่าหัวหินคง
คล้ายๆชะอำมั้ง ที่ไหนได้ อย่างกะไมอามี่ คนเยอะมาก รถเยอะมาก รถติด ที่จอดเต็ม) สรุปทั้งคนทั้งหมา ทั้งไก่ไม่ได้ลงรถเพื่อเที่ยวหัวหินกันเลย
ตัดสินใจ กลับๆ โดยลัดผ่าน กทม กลับเหมือนเดิม
....ถึงกทม ก็มืดแล้ว กว่าพี่ไก่จะได้ออะมากเดิน เราไปแวะหอพักพี่ที่รู้จักพอ ไปถึงหอรีบเอาไก่ออกกล่อง กลัวมันเครียส แต่ที่ไหนได้ ออกกล่องมามันดูไม่เครียสเลย มันมองซ้าย ขวา และจิกทรายที่เหลือหลังกระบะต่อ แต่ที่มันอาจจะเครียสก็คงเพราะ มันโดยหมาเราจับทำเมีย...คือหมาจับไก่ทำเมีย อะไร คือไปทะเลกัน
แล้วแอบพัฒนาความสัมพันธ์หรอ
.....หลังจากพักกันแป๊ปๆ เกินทางกลับต่อ และไปหลับกันที่ปตท นครสวรรค์เหมือนเดิม เหมือนจะปั๊มใหม่ แต่ตรงข้ามปทต ที่เราพักตอนขามา ถึงเช้ามานี้ น้องไก่ได้ออกกล่องอีกรอบเดินอยู่แถวหลังกระบะ กินทราบพักผ่อนซักพักนางยังคงดูไม่เครียส งงเล็กน้อยและจิกกินทรายต่อ(เราเอาทรายใส่กล่องให้ไก่ ขี้ไม่เหม็นนะคะ กล่องไม่พังด้วย) พักไก่กินข้าวกินน้ำ เดินทางต่อ ถึงตาก แวะไปเขื่อนเห็นมีสวนพักผ่อน ไม่มีหมาประจำถิ่นและคนน้อย จึงได้เวลาพักคนพักรถ
พาน้องไก่น้องหมาไปเดินเล่น มันเริ่มปรับตัว ไม่เดินไปไหนไกลจิกกินมด กินหญ้าใกล้ๆตัวเรา มันจะอยู่ใกล้ๆคู่ไก่ของมันตลอดเวลา เดินไปไหนไปด้วย
...สักพักได้ยินคุณลุงคุณป้า คู่หนึ่งเดินผ่านแถวเราและเถียงกันว่าไก่เนื้อไก่ไข่ ตลอดทาง คุณลุงบอกมันเป็นไก่เนื้อแน่ๆ เพราะมันตัวใหญ่. เราเลยช่วยตะโกนบอกคุณลุงว่า "เป็นไก่ไข่ค่า แค่อ้วนไปหน่อย" คุณลุงคุณป้าก็หัวเราะกันใหญ่ คุณป้าบอกก็ลุงนะสิ ป้าบอกเป็นไก่ไข่ก็ไม่เชื่อ ทั้งคู่หัวเราะและเดินจากไป ส่วนเจ้าไก่เจ้าปัญหา ยังคงก้มหน้า ก้มตาจิกกินต่อไป ไม่สนใจใยดีอะไรกับโรคนี้ทั้งสิ้น
...เดินทางกลับบ้านถึงบ้านแฟน ไปเอากรงหมาเก่ามาให้มันอยู่ และเดินทางมาทำงานต่างจังหวัดต่อ ทุกวันนี้นางนอนหลังกระบะ ในกรง รถจอดอยู่หน้าห้องพักตื่นเช้ามา รถจะออก พานางไปนา เพื่อเดินเล่น จิกกินดิน กินมดตามประสา
วันไหนเราออกห้องสาย มันจะเริ่มโวยวาย นึกว่าจะออกไข่ ที่ไหนได้อยากไปเที่ยวเพราะพอรถออกปุ๊บ นางก็เงียบปั๊บ ได้เดินเที่ยวสักพัก ไปล้างกรง ขึ้นรถอีกทีก็จะนอน ไม่โวยวายละวันนี้
.....ล่าสุดวันนี้ วันหยุดทำงาน คนนอนตื่นสาย พี่ไก่ก็โวยวาย นึกว่าจะออกไข่ ที่ไหนได้พอรถออกปุ๊กก็เงียบปั๊บ วันนี้พานางไปเที่ยวริมโขง ได้เดินเล่นแปปเข้ากรงก็นอน สองนางก็เงียบและวันนี้ก็ไม่โวยวายอีกเลย
******เดียวพรุ่งนี้รอดูใหม่ ถ้ารถออกสายสองนางคงจะโวยวายอีกเหมือนเคย ก.ไก่ ใจแตก***
***พิมพ์ผิดเยอะหน่อยนะคะ ใช้มือถือพิมพ์***