เธอเคยรู้สึกแบบผมบ้างมั้ย ?

นี่เป็นอีกครั้งที่ผมได้เขียนอะไรแบบนี้ลงบนบอร์ด  จริงๆ ในนี้ไม่มีเนื้อหาอะไรมากมาย นอกจากเป็นเหมือนไดอารี่บันทึกเรื่องราวส่วนตัวของผมเองกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผมมีได้โอกาสเจอเธอ อาจจะด้วยความบังเอิญ หรือพรมหลิขิต ซึ่งผมก็นึกไม่ออกว่าควรเรียกแบบนั้นได้มั้ย จริงๆแล้วเหมือนเป็นบอร์ดเรื่องราวที่ผมได้บอกความรู้สึกของตัวเองมากกว่า เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผมไม่รู้จะต้องทำยังไง ที่จะบอกความรู้สึกให้ตัวเองทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ว่าผมรู้สึกยังไงหวงใยเธอมากแค่ไหน

ผมเป็น ดีไซน์เนอร์นักออกแบบ ชีวิตที่ผ่านมาเกี่ยวกับความรักก็มีมาต่างๆ นานา ผมเคยใช้ชีวิตแบบสุดโต่งมาแล้ว ทั้งเป็นเพลย์บอยที่คบผู้หญิง 5 คนพร้อมกัน หรือแม้แต่คบลูกคุณหนูที่มีดรีกรีเป็นถึงลูกสาว ประธานบริษัทค่ายเพลงขนาดใหญ่ ค่ายหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันทำให้ผมพิเศษหรือแตกต่างจากคนอื่นยังไงหรือแม้แต่ช่วงที่ทำตัวเป็นเสือผู้หญิง ซึ่งนั่นก็ช่วงที่ผมเรียน ม.ปลาย มันคืออดีต พอมาคิดทบทวนดู ผมรู้ว่าที่ทำมาทั้งหมด มันไม่ได้แมนหรือเป็นสุภาพบุรุษเลย อาจจะแค่สนุกช่วงนั้น แต่สุดท้ายจริงๆ ที่ผมทำแบบนั้นเพียงแค่ต้องการตามหาผู้หญิงในอุดมคติของตัวเองเท่านั้นเอง

“ ผู้หญิงในฝัน “ จริงๆ ผู้ชายหลายคนน่าจะเข้าใจในความหมายนี้นะ ฟังดูมันจะคล้ายๆ กับสเปคที่ชอบล่ะ แต่มันจะมีอิทธิพลมากกว่า โดยปกติแล้ว คนเราจะสนใจในเพศตรงข้ามภายใน 4 วินาที เหมือนเป็น First Impression แรก แต่การที่เราได้พบผู้หญิงในฝันมันมีความหมายมากกว่านั้น  มันอาจจะทำให้เรารู้สึกรักใคร 1 คน ใน 1 วินาที โดยที่เรายังไม่ทันได้เอ่ยปากถามชื่อกันเลย แต่สิ่งนั้นมันเกิดขึ้นกับผม ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อในความรู้สึกตัวเอง แต่หลังจากนั้นผมก็เริ่มแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ใช่ครับ ผมมีโอกาสได้เจอผู้หญิงคนนึงด้วยความบังเอิญ ทั้งๆด้วยระยะทางและความเป็นไปได้ มันมีโอกาสน้อยมากเลยที่จะทำให้ผมกับเธอได้เจอกัน เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยครับ ผิวขาว  ผมสั้น ผมสีน้ำตาล ก็อาจจะฟังดูเหมือนผู้หญิงทั่วๆไปล่ะครับ แต่หลายๆอย่าง ความรู้สึกผมมันไม่ได้ทำให้ผมคิดกับเธอแบบผู้หญิงทั่วๆไป จากการที่ผมได้พูดคุยกับเธอ เอาจริงตอนนั้นคำที่ผมทักทายเธอคือ “ สวัสดีครับ ” แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ฟังที่เธอพูด เหมือนอยู่ในภวังค์ แต่หลุดพูดไปอีกคำโดยไม่รู้ตัวว่า “ สวยจัง ” เหมือนตัวเองเป็นเด็กเลยตอนนั้น ทั้งรน ทั้งประหม่า ไม่รู้เลยจะว่าจะวางตัวยังไง หลังจากที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน contact กันไว้เพื่อติดต่อกันภายหลัง เท่าที่คุยกันผมทราบว่า เธอมาทำงานที่นี้ ซึ่งไกลจากบ้านเธอมาก แต่เธอก็ต้องมาทำงานที่นี้ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเธอ ซึ่งผมก็เข้าใจ แต่ก็คิดในใจว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆทำไมต้องมาทำงานหนักแบบนี้ ผมรู้สึกอยากดูแลเธอมากๆ แต่ด้วยที่ผมพึ่งจะเป็นคนที่เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว จะให้เธอมาสนใจในตัวผมเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้คือการให้เกียรติเธอและเป็นสุภาพบุรุษสำหรับเธอ ผมไม่รู้ว่าอาจจะบกพร่องตรงไหนไปบ้าง อาจจะทำให้เธอไม่ประทับใจกันรึป่าว ตอนนั้นประหม่ามากจริงๆ เรารู้จักพูดคุยกันแบบผิวเผิน ผมรู้สึกเหมือนเธอตั้งกำแพงบางอย่างเอาไว้ กำแพงที่ผมไม่รู้จะข้ามผ่านไปยังไง ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น เธออาจจะมีเรื่องในอดีตของเธอ สำหรับผมเธอคือ “ผู้หญิงในฝัน” จริงๆ ครับ คุณเคยนอนหลับแล้วฝันถึงใครก็ไม่รู้รึป่าวล่ะ แล้วพอตื่นมาคุณจำหน้าเค้าได้ จำความรู้สึกของตัวเองในฝันได้ทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเธอคือใคร คุณก็จะได้แต่นั่งคิดและสงสัยว่า เธอคือใคร ใช่ครับเรื่องราวมันอาจจะผ่านมาหลายปี แต่พอถึงวันนั้น วันที่ผมได้มีโอกาสพบเธอ จู่ๆความรู้สึกลึกๆมันพุ่งออกมาว่า คนนี้แหละ ตอนระยะเวลาที่ได้พูดคุยกัน ผมอาจจะเป็นฝ่ายเดียวที่รู้สึกดีกับเธอไปเอง เธออาจจะไม่รู้สึกอะไรกับผมเลยก็ได้ ผมอาจจะเป็น 1 คนที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไปสำหรับเธอ แต่สำหรับผมมันตรงกันข้าม เธอคือคนที่ผมไม่อยากจะลืมเลยถึงแม้บางทีมันจะมีความรู้สึกที่แย่ๆ ปนๆกันไปในบ้างครั้ง แต่ผมมีความสุขในทุกครั้งที่ผมคิดถึงวันนั้น วินาทีแรกในตอนที่พบได้พบเธอ  

ตอนนี้ผมรู้ว่าเธอกลับอยู่ที่บ้าน ซึ่งผมเองดีใจมากๆที่เธอไม่ต้องทำงานที่เหนื่อยและกดดันแบบนั้น ผมไม่อยากให้เธอเจอสภาพแวดล้อมแบบนั้นเลย ผมไม่อยากให้เธอไปเจออะไรแบบนั้นอีก ผมไม่อยากให้เธอกลับไปทำงานที่นั่นอีก แต่ผมก็บังคับการตัดสินใจของเธอไม่ได้ นี่คือความรู้สึกที่ผมหวงเธอจริงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมพอแยกแยะออกนะว่าความรักกับความหลงเป็นยังไง ผมอยากให้เธอรู้ว่าเธอมีค่าเกินกว่าที่จะทำอะไรแบบนั้น อย่างน้อยเธอก็มีค่าสำหรับผมนะ อย่างน้อยเธอก็ทำให้ผมรู้ว่าอนาคตผมจะทำเพื่อตัวเองไปทำไม ผมอาจจะมีโอกาสดูแลเธอรึป่าวก็ไม่แน่ไม่มีใครรู้ ปกติแล้วทางบ้านผมจะไปเคาท์ดาวน์ที่ เชียงใหม่-เชียงราย เกือบทุกปี มีปีล่าสุดที่ไม่ได้ไป อย่างน้อยเธอก็ทำให้การไปเที่ยวเชียงใหม่ของผมต่อจากนี้มีความหมายถ้ามันได้เจอเธอ ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้มาก ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ผมก็อยากจะพูดคุยกับเธอแบบเพื่อนที่รู้จักกันแบบคนทั่วไป อยากถามว่า ตื่นรึยัง กินอะไรรึยัง ผมไม่เคยเร่งรัดหรือร้องขอให้เธอต้องมาเป็นของผม ผมแค่รู้ว่าผมมีเธออยู่แบบนี้ แม้จะอยู่ไกลกันมากก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ได้พูดคุยกันผ่านไลน์ ถึงนานๆทีเธอจะตอบไลน์ผมหรือหลายครั้งเองที่เธอพูดจาเหมือนเย็นชาใส่ผม ผมเองก็พยายามวางตัวที่จะไม่ไปรบกวนเธอมากเกินไป เพราะกลัวเธอจะลำคาญหากเข้าไปวุ่นวายเรื่องของเธอมากๆ  

ผมเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เธอเองอาจจะมีใครในใจอยู่แล้วรึป่าว ซึ่งผมรู้ตัวว่าอาจจะสู้คนนั้นได้ยาก หรือเธอเองอาจจะนึกถึงผมแค่ตอนเวลาไม่มีใคร
ไม่เป็นไรแต่ ยังไงผมยังขอคิดถึงเธอได้ใช่มั้ย ถ้ามันไม่ทำให้เธอลำบากใจ ผมขอวางตัวเหมือนเดิมที่จะไม่ไปวุนวายชีวิตเธอ ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกเหงา รู้สึกว่าเธอต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีใคร ผมอยากจะบอกเธอนะ “ว่าเธอยังมีเราอยู่นะ ถึงเธอจะตั้งกำแพงเอาไว้สูงแค่ไหน เราก็จะยืนอยู่ใต้กำแพงนี่แหละ อย่างน้อยตอนที่เธอมองไม่เห็นใคร ก็ยังมีเราคนนึงนะ ” ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วเธอคิดยังไงกับผม  “เธอเคยมีความรู้สึกแบบผมบ้างมั้ย” จริงๆ เท่าที่ผมรู้จักเธอ คือ เธอชอบฟังเพลงอยู่ในโลกส่วนตัวของเธอ ผมเชื่อว่าอย่างน้อยได้บอกความรู้สึกตัวเองทั้งหมดผ่านข้อความนี้ก็พอ เธออาจจะชอบหรือไม่พอใจ ก็ไม่เป็นไร ผมอาจจะถลำความรู้สึกตัวเองมากเกินไป และอาจจะเป็นคนที่เจ็บเองในตอนจบ เคยคิดอยากจะลืมเธอเหมือนกัน ผมรู้ว่าทางออกแค่พาตัวเองไปเจอผู้หญิงคนใหม่ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำ เพราะสำหรับผมเธอคือสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผมไม่อยากจะลืมไปเลยสักครั้ง ...

ป.ล. เก็บไว้อ่านในยามที่ไม่มีใครนะ แต่จริงๆเธอก็ยังมีเค้านะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่