ในปี 2561 นี้ จะเกิดจันทรุปราคาถึง 2 ครั้ง (31 มกราคม และ 28 กรกฎาคม)
ดังนั้นลองมาดูเทคนิคหรือเคล็ดลับในการถ่ายภาพ จันทรุปราคากันนะครับ
22 เคล็ดลับในการถ่ายภาพจันทรุปราคา
ก่อนที่จะออกไปถ่ายภาพจันทรุปราคาคุณควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับดวงจันทร์ก่อน ถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพดวงจันทร์ได้ดี การถ่ายภาพจันทรุปราคาก็ไม่ใช้เรื่องยาก มันมีความท้าทายบางอย่างที่จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีได้ การถ่ายภาพจันทรุปราคาไม่เหมือนการถ่ายภาพสุริยุปราคา เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการกรองแสงจากดวงอาทิตย์เหมือนการสังเกตการณ์สุริยุปราคา
3 สิ่งที่ควรรู้ในการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
สิ่งแรก...โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรรอบโลกทุกๆ 27.32 วัน ระยะเวลาตั้งแต่ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งแรกจนถึงเต็มดวงครั้งที่ 2 ใช้เวลา 29.53 วัน เรียกว่า Moon phase สุริยุปราคาเกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ จันทรุปราคาเกิดจากโลกอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ โดยที่ดวงจันทร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ระนาบวงโคจรของดวงจันทร์จะทำมุมประมาณ 5 องศากับระนาบวงโคจรของโลก การเกิดจันทรุปราคาจะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งจุดตัดระนาบวงโคจรเท่านั้น ดังนั้นการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงจะเกิดขึ้นได้ต้องมี 3 อย่างนี้พร้อมกัน ซึ่งก็เกิดขึ้นได้ยากพอ ๆ กับการเกิดสุริยุปราคา
สิ่งที่สอง....เงาของโลกที่ทอดไปยังดวงจันทร์จะเป็นตัวกำหนดประเภทของจันทรุปราคา ถ้าดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามัวบางส่วน เราจะเรียกว่า penumbral lunar eclipse ซึ่งถ้าเกิดปรากฎการณ์นี้ในคืนจันทร์เต็มดวง เราอาจจะเห็นแสงสว่างลดลงเล็กน้อยหรือไม่เห็นความแตกต่างเลย ถ้าดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งพื้นที่เงามืดบางส่วนเราจะเรียกว่า partial lunar eclipse และถ้าดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งเงามืดทั้งหมด จะเรียกว่า total lunar eclipse
สิ่งที่สาม....สุริยุปราคามักจะเกิดขึ้นเมื่อพระจันทร์เริ่มข้างขึ้น ( new moon ) ส่วนจันทรุปราคาจะเกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวง (full moon)
ทำไมเมื่อจันทรุปราคาเต็มดวงจึงเห็นเป็นดวงจันทร์เป็นสีแดง
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง จะมีแสงสีแดงเท่านั้นทอดไปยังดวงจันทร์ เนื่องจากชั้นบรรยากาศของโลกได้กระเจิงแสงสีน้ำเงินเหลือเพียงแสงสีแดง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์เดียวกันที่เรามองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นหรือดวงอาทิตย์ตกเป็นสีส้มแดง ทีนี้อาจจะมีหลายคนถามว่าทำไมถึงเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า คำตอบ ก็คือเกิดจากการกระเจิงของแสงเช่นกัน
ระดับความสว่างของจันทรุปราคา
ความสว่างของจันทรุปราคาจะไม่เท่ากันตลอด ขึ้นอยู่กับ สภาพอากาศ เมฆ ความชื้น ฝุ่นผงต่าง ๆ รวมไปถึงขนาดสัมพัทธ์และตำแหน่งที่เคลื่อนเข้าไปในเงาโลก บางครั้งอาจจะเป็นสีโทนแดง บางครั้งอาจจะเห็นขอบสีฟ้าด้วย ซึ่งนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศษชื่อ André-Louis Danjon ได้จัดทำ Danjon Scale เพื่อเป็นการแบ่งระดับความสว่างของปรากฎการณ์จันทรุปราคา ดังนี้
L=0 — มืดสนิท มืดจนมองไม่เห็นดวงจันทร์
L=1 — สีออกน้ำตาลแดง. รายละเอียดบนพื้นผิวดวงจันทร์เห็นได้บ้าง.
L=2 — สีออกน้ำตาลส้มและตรงกลางจะมืดกว่า. อาจเห็นแถบสีฟ้าเกิดขึ้นที่ขอบเงา
L=3 — สีออกส้มแดง. ตรงกลางมืดกว่าและตรงขอบสว่างกว่า
L=4 — สว่างมาก. เห็นเป็นสีส้มแดง
ทำไมการถ่ายภาพจันทรุปราคาถึงยากกว่าการถ่ายภาพดวงจันทร์ทั่วไป
เพราะว่าดวงจันทร์มีความสว่างลดลง การถ่ายภาพโดยเพิ่ม shutter speed ก็อาจจะทำให้ภาพเบลอได้ เมื่อดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงาโลก แสงสว่างจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับค่ารูรับแสง ค่า ISO และค่า shutter speed การปรับค่ารูรับแสงจะมีผลต่อความคมชัดของภาพ การปรับค่า ISO จะมีผลต่อสัญญาณรบกวน และการปรับใช้ค่า shutter speed นาน จะมีผลทำให้ภาพเบลอ เนื่องจากการหมุนรอบตัวเองของโลกที่ความเร็ว 2,290 ไมล์ต่อชั่วโมง
เราจะสู้ปัจจัยเหล่านี้อย่างไรเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม
เลนส์จะมีความคมชัดน้อยที่สุดเมื่อเปิดรูรับแสงมากที่สุด เช่น เลนส์ที่มีค่ารูรับแสงสูงสุดเท่ากับ f/2.8 จะความคมชัดสูงสุดที่ประมาณ f/4 หรือ f/5.6 ซึ่งจะให้ความคมชัดมากกว่าการใช้เลนส์ที่มีค่ารูรับแสงสูงสุดเท่ากับ f/4 หรือ f/5.6 ดังนั้นการใช้เลนส์ที่เปิดรูรับแสงได้มากจะสามารถควบคุมความคมชัดได้ดีกว่า
การใช้ ISO สูงจะเพิ่มสัญญาณรบกวนด้วย กล้องรุ่นใหม่ ๆ จะมีประสิทธิภาพในการลดสัญญาณรบกวนเหล่านี้ได้ดีกว่ากล้องรุ่นเก่า พยายามหาค่า ISO สูงสุดที่คุณยอมรับในเรื่องสัญญาณรบกวนได้ นอกนั้นสัญญาณรบกวนอาจเกิดจากอุณหภูมิ ความชื้นได้ด้วย โดยเฉพาะอุณหภูมิสูงจะสร้างสัญญาณรบกวนได้มากกว่าอุณหภูมิต่ำ
Speed shutter จะต้องมีความสัมพัทธ์กับการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ โดยพบว่า shutter speed ที่ 1/125 วินาทีจะเป็นค่าต่ำสุดเมื่อถ่ายภาพดวงจันทร์ระยะไกล (Telephoto) shutter speed สามารถปรับมากกว่านี้ได้แต่ก็เสี่ยงต่อการเบลอของภาพ หากคุณปรับ shutter speed จนมากสุดเท่าที่ยอมรับได้แล้ว แต่ภาพยังไม่ดีพอ ก็ปรับเพิ่มรูรับแสงเพิ่มให้แสงเข้ามาได้มากขึ้น หรือเพิ่มค่า ISO แต่สัญญาณรบกวนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย หากปรับทุกอย่างจนถึงขีดจำกัดแล้วภาพที่ได้ยังไม่ดีพอ อาจต้องใช้อุปกรณ์เสริมก็คือ ขาตั้งกล้องหรือหัวปรับการเคลื่อนที่ของกล้องที่สามารถเคลื่อนที่ได้อัตโนมัติ เข้ามาช่วย
พื้นฐานในการถ่ายภาพจันทรุปราคา 4 ประเภท ได้แก่
1. Telephoto : คือ การถ่ายโดยเสมือนให้ดวงจันทร์อยู่ใกล้และเด่นสุดในภาพ
2.Wide angle : คือ การถ่ายภาพมุมกว้างในท้องฟ้ายามค่ำคืนโดยอาจจะมีวิวทิวทัศน์อย่างอื่นประกอบหรือไม่มีก็ได้
3.Star tails : คือการถ่ายภาพมุมกว้างด้วยการเทคนิคการใช้ exposure time นาน ๆ ทำให้เห็นดาวเป็นเส้นปรากฎในภาพ
4.Multiple Exposure : คือการถ่ายภาพจันทรุปราคาในแต่ละช่วงเวลา แล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวกัน.
เคล็ดลับทั่วไป
1..ใช้ขาตั้งที่ดีมีคุณภาพ
2..ใช้ระบบล็อคกระจก (กล้อง DSLR)
3..ใช้รีโมทชัตเตอร์หรือชัตเตอร์แบบไร้สาย
4..เตรียมแบตเตอร์ให้พร้อมใช้ เพราะปรากฎการณ์จันทรุปราคานี้เวลานานเป็นชั่วโมง
5..ถ้าถ่ายภาพมาก เตรียมแมมโมรี่การ์ดให้พร้อม
6..ระบบออโต้โฟกัสจะไม่มีปัญหาในช่วงพระจันทร์เต็มดวง แต่เมื่อแสงสว่างจากดวงจันทร์ลดลงให้เปลี่ยน เป็น manual แทน และอย่างไปสัมผัสแหวนปรับโฟกัสขณะถ่ายภาพ
7..ปรากฎการณ์สุริยุปราคาจะกินเวลาน้อยมาก ทำให้มีเวลาถ่ายภาพเพียงแค่ 1-2 นาที แต่ปรากฎการณ์จันทรุปราคากินเวลานานเป็นชั่วโมง ทำให้มีเวลาปรับค่าหรือถ่ายซ่อมภาพ เพื่อให้ได้ภาพออกมาดีที่สุด
8..ใช้การถ่ายคร่อม ลองปรับค่ารูรับแสง ค่า ISO และ Shutter speed ให้ได้ภาพที่ดีที่สุดแล้วบันทึกไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาทดลองปรับใหม่ในภายหลัง
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพด้วยความยาวโฟกัสมาก ๆ หรือใช้กล้องดุดาว
1.เลือกระยะโฟกัสที่ต้องการ โดยการใช้ความยาวโฟกัสที่มากกว่าจะทำให้ดวงจันทร์มีขนาดใหญ่กว่าปรากฎในภาพ และการใช้ระยะโฟกัสที่มาก กล้องจะต้องติดตั้งบนขาตั้งที่มีความแข็งแรงมั่นคง ไม่สั่นไหวได้ง่าย หรือใช้รีโมท shutter เพื่อลดการสั่นไหวของกล้อง
2. เมื่อดูจากตาราง ช่วงที่มืดที่สุดของจันทรุปราคาจะต้องปรับ shutter speed นานขึ้น ทำให้เริ่มเกิดการเบลอขึ้นได้ จึงอาจต้องใช้ขาตั้งกล้องที่มีการติดตามการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์เข้ามาช่วย
3. ในส่วน Exposure ของกล้องไม่จำเป็นต้องปรับสมดลุของแสงระหว่างพื้นที่ส่วนที่ดำกับส่วนที่ส่วนที่สว่างของดวงจันทร์
4. การถ่ายคร่อมสำคัญที่สุด ในช่วงเวลาจันทรุปราคาบางส่วน โดยเริ่มตั้งแต่เห็นดวงจันทร์เป็นเสี้ยว เงามืดจะค่อย ๆ ปกคลุมดวงจันทร์ทั้งดวงจนเหลือเพียงแสงที่เกิดจากแสงอาทิตย์สะท้อนกับผิวโลกไปยังดวงจันทร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผู้สังเกตบนโลกอีกต่อหนึ่ง (Earth Shine) เมื่อถึงช่วงนี้ก็เตรียมปรับเทคนิคในการถ่ายต่อไป
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง
1..วางแผนตามสิ่งที่ต้องการ เนื่องจากการถ่ายภาพมุมกว้างจะไม่เหมือนการถ่ายภาพแบบ telephoto ถ้าต้องถ่ายภาพปรากฎการณ์จันทรุปราคาร่วมกับทิวทัศน์ต่าง ๆ ก็ควรวางแผนไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าปรากฎการณ์จันทรุปราคานี้จะไปพลาดไปจากภาพของคุณ
2..ทุก ๆ วันดวงจันทร์จะใช้เวลาเคลื่อนไปถึงตำแหน่งเดียวกันกับวันก่อนประมาณ 50 นาที เช่น ถ้าปรากฎการณ์จันทรปราคาจะมีวันเสาร์เวลาเที่ยงคืน ให้ดูตำแหน่งของดวงจันทร์ตอนเวลา 23.10 ของคืนวันศุกร์
3..ถ้าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เช่นมีเมฆมาก ก็ใช้ Application ต่าง ๆ มาช่วยในการวางแผนถ่ายภาพ
4..เมื่อเลือกทิวทัศน์เรียบร้อย ก็อาจเพิ่มองค์ประกอบบางอย่างเพื่อให้ภาพมีสีสรรค์หรือเรื่องราวมากขึ้น
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพดาวเส้น
1..การวางแผนอาจจะมากกว่าการถ่ายภาพมุมกว้างเล็กน้อย เพราะภาพที่ถ่ายจะได้การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และดวงดาว ซึ่งคุณคงไม่ต้องการให้ภาพดวงจันทร์หลุดออกจากเฟรมอย่างแน่นอน
2..วางแผนระยะเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการถ่ายภาพ เพื่อให้ได้ภาพดวงจันทร์ที่ไม่หลุดเฟรม ให้ลองดูความต้องการว่า ต้องการให้เส้นดาวนั้นยาวแค่ไหน โดยทั่วไปเส้นดาวที่สั้น ๆ จะไม่เป็นที่ต้องการสักเท่าไร
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพหลาย ๆ ช็อต
1..เลือกว่าจะถ่ายแบบมีทิวทัศน์ด้วยหรือจะถ่ายเฉพาะดวงจันทร์ ถ้าเลือกแบบที่มีทิวทัศน์ด้วยก็นำเคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้างกับดาวเส้นมาใช้ แต่ถ้าจะถ่ายเฉพาะดวงจันทร์ก็ให้ใช้เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพด้วยความยาวโฟกัสมาก ๆ หรือใช้กล้องดุดาว
2..ศึกษาระยะเวลาการเกิดปรากฎการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เพื่อนำมาวางแผนว่าจะถ่ายภาพกี่ภาพ และแต่ละภาพห่างกันกี่นาทีในแต่ละช่วงปรากฎการณ์ที่เกิด
3..ถ้าเลือกถ่ายแบบที่ใช้เวลาห่างกันไม่มาก อาจจะเลือกนำมาแสดงเป็น time-lapse แทน
4..ปรับแสงให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเหตุการณ์ เมื่อนำมา processing จะได้ภาพดวงจันทร์ที่ไม่มืดจนเกินไปและตรงตามปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจาก
1..
http://www.narit.or.th/index.php/pr-news/3451-narit-10-astronomy-2561
2..
https://www.bhphotovideo.com/explora/photography/tips-and-solutions/22-tips-for-photographing-a-lunar-eclipse?utm_medium=Email%201661785&utm_campaign=Content&utm_source=WeeklyContent%20180106&utm_content=Explora&utm_term=22-tips-photographing-lunar-eclipse
เทคนิคการถ่ายภาพ จันทรุปราคา
ดังนั้นลองมาดูเทคนิคหรือเคล็ดลับในการถ่ายภาพ จันทรุปราคากันนะครับ
22 เคล็ดลับในการถ่ายภาพจันทรุปราคา
ก่อนที่จะออกไปถ่ายภาพจันทรุปราคาคุณควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับดวงจันทร์ก่อน ถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพดวงจันทร์ได้ดี การถ่ายภาพจันทรุปราคาก็ไม่ใช้เรื่องยาก มันมีความท้าทายบางอย่างที่จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีได้ การถ่ายภาพจันทรุปราคาไม่เหมือนการถ่ายภาพสุริยุปราคา เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการกรองแสงจากดวงอาทิตย์เหมือนการสังเกตการณ์สุริยุปราคา
3 สิ่งที่ควรรู้ในการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
สิ่งแรก...โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรรอบโลกทุกๆ 27.32 วัน ระยะเวลาตั้งแต่ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งแรกจนถึงเต็มดวงครั้งที่ 2 ใช้เวลา 29.53 วัน เรียกว่า Moon phase สุริยุปราคาเกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ จันทรุปราคาเกิดจากโลกอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ โดยที่ดวงจันทร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ระนาบวงโคจรของดวงจันทร์จะทำมุมประมาณ 5 องศากับระนาบวงโคจรของโลก การเกิดจันทรุปราคาจะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งจุดตัดระนาบวงโคจรเท่านั้น ดังนั้นการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงจะเกิดขึ้นได้ต้องมี 3 อย่างนี้พร้อมกัน ซึ่งก็เกิดขึ้นได้ยากพอ ๆ กับการเกิดสุริยุปราคา
สิ่งที่สอง....เงาของโลกที่ทอดไปยังดวงจันทร์จะเป็นตัวกำหนดประเภทของจันทรุปราคา ถ้าดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามัวบางส่วน เราจะเรียกว่า penumbral lunar eclipse ซึ่งถ้าเกิดปรากฎการณ์นี้ในคืนจันทร์เต็มดวง เราอาจจะเห็นแสงสว่างลดลงเล็กน้อยหรือไม่เห็นความแตกต่างเลย ถ้าดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งพื้นที่เงามืดบางส่วนเราจะเรียกว่า partial lunar eclipse และถ้าดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งเงามืดทั้งหมด จะเรียกว่า total lunar eclipse
สิ่งที่สาม....สุริยุปราคามักจะเกิดขึ้นเมื่อพระจันทร์เริ่มข้างขึ้น ( new moon ) ส่วนจันทรุปราคาจะเกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวง (full moon)
ทำไมเมื่อจันทรุปราคาเต็มดวงจึงเห็นเป็นดวงจันทร์เป็นสีแดง
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง จะมีแสงสีแดงเท่านั้นทอดไปยังดวงจันทร์ เนื่องจากชั้นบรรยากาศของโลกได้กระเจิงแสงสีน้ำเงินเหลือเพียงแสงสีแดง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์เดียวกันที่เรามองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นหรือดวงอาทิตย์ตกเป็นสีส้มแดง ทีนี้อาจจะมีหลายคนถามว่าทำไมถึงเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า คำตอบ ก็คือเกิดจากการกระเจิงของแสงเช่นกัน
ระดับความสว่างของจันทรุปราคา
ความสว่างของจันทรุปราคาจะไม่เท่ากันตลอด ขึ้นอยู่กับ สภาพอากาศ เมฆ ความชื้น ฝุ่นผงต่าง ๆ รวมไปถึงขนาดสัมพัทธ์และตำแหน่งที่เคลื่อนเข้าไปในเงาโลก บางครั้งอาจจะเป็นสีโทนแดง บางครั้งอาจจะเห็นขอบสีฟ้าด้วย ซึ่งนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศษชื่อ André-Louis Danjon ได้จัดทำ Danjon Scale เพื่อเป็นการแบ่งระดับความสว่างของปรากฎการณ์จันทรุปราคา ดังนี้
L=0 — มืดสนิท มืดจนมองไม่เห็นดวงจันทร์
L=1 — สีออกน้ำตาลแดง. รายละเอียดบนพื้นผิวดวงจันทร์เห็นได้บ้าง.
L=2 — สีออกน้ำตาลส้มและตรงกลางจะมืดกว่า. อาจเห็นแถบสีฟ้าเกิดขึ้นที่ขอบเงา
L=3 — สีออกส้มแดง. ตรงกลางมืดกว่าและตรงขอบสว่างกว่า
L=4 — สว่างมาก. เห็นเป็นสีส้มแดง
ทำไมการถ่ายภาพจันทรุปราคาถึงยากกว่าการถ่ายภาพดวงจันทร์ทั่วไป
เพราะว่าดวงจันทร์มีความสว่างลดลง การถ่ายภาพโดยเพิ่ม shutter speed ก็อาจจะทำให้ภาพเบลอได้ เมื่อดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงาโลก แสงสว่างจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับค่ารูรับแสง ค่า ISO และค่า shutter speed การปรับค่ารูรับแสงจะมีผลต่อความคมชัดของภาพ การปรับค่า ISO จะมีผลต่อสัญญาณรบกวน และการปรับใช้ค่า shutter speed นาน จะมีผลทำให้ภาพเบลอ เนื่องจากการหมุนรอบตัวเองของโลกที่ความเร็ว 2,290 ไมล์ต่อชั่วโมง
เราจะสู้ปัจจัยเหล่านี้อย่างไรเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม
เลนส์จะมีความคมชัดน้อยที่สุดเมื่อเปิดรูรับแสงมากที่สุด เช่น เลนส์ที่มีค่ารูรับแสงสูงสุดเท่ากับ f/2.8 จะความคมชัดสูงสุดที่ประมาณ f/4 หรือ f/5.6 ซึ่งจะให้ความคมชัดมากกว่าการใช้เลนส์ที่มีค่ารูรับแสงสูงสุดเท่ากับ f/4 หรือ f/5.6 ดังนั้นการใช้เลนส์ที่เปิดรูรับแสงได้มากจะสามารถควบคุมความคมชัดได้ดีกว่า
การใช้ ISO สูงจะเพิ่มสัญญาณรบกวนด้วย กล้องรุ่นใหม่ ๆ จะมีประสิทธิภาพในการลดสัญญาณรบกวนเหล่านี้ได้ดีกว่ากล้องรุ่นเก่า พยายามหาค่า ISO สูงสุดที่คุณยอมรับในเรื่องสัญญาณรบกวนได้ นอกนั้นสัญญาณรบกวนอาจเกิดจากอุณหภูมิ ความชื้นได้ด้วย โดยเฉพาะอุณหภูมิสูงจะสร้างสัญญาณรบกวนได้มากกว่าอุณหภูมิต่ำ
Speed shutter จะต้องมีความสัมพัทธ์กับการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ โดยพบว่า shutter speed ที่ 1/125 วินาทีจะเป็นค่าต่ำสุดเมื่อถ่ายภาพดวงจันทร์ระยะไกล (Telephoto) shutter speed สามารถปรับมากกว่านี้ได้แต่ก็เสี่ยงต่อการเบลอของภาพ หากคุณปรับ shutter speed จนมากสุดเท่าที่ยอมรับได้แล้ว แต่ภาพยังไม่ดีพอ ก็ปรับเพิ่มรูรับแสงเพิ่มให้แสงเข้ามาได้มากขึ้น หรือเพิ่มค่า ISO แต่สัญญาณรบกวนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย หากปรับทุกอย่างจนถึงขีดจำกัดแล้วภาพที่ได้ยังไม่ดีพอ อาจต้องใช้อุปกรณ์เสริมก็คือ ขาตั้งกล้องหรือหัวปรับการเคลื่อนที่ของกล้องที่สามารถเคลื่อนที่ได้อัตโนมัติ เข้ามาช่วย
พื้นฐานในการถ่ายภาพจันทรุปราคา 4 ประเภท ได้แก่
1. Telephoto : คือ การถ่ายโดยเสมือนให้ดวงจันทร์อยู่ใกล้และเด่นสุดในภาพ
2.Wide angle : คือ การถ่ายภาพมุมกว้างในท้องฟ้ายามค่ำคืนโดยอาจจะมีวิวทิวทัศน์อย่างอื่นประกอบหรือไม่มีก็ได้
3.Star tails : คือการถ่ายภาพมุมกว้างด้วยการเทคนิคการใช้ exposure time นาน ๆ ทำให้เห็นดาวเป็นเส้นปรากฎในภาพ
4.Multiple Exposure : คือการถ่ายภาพจันทรุปราคาในแต่ละช่วงเวลา แล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวกัน.
เคล็ดลับทั่วไป
1..ใช้ขาตั้งที่ดีมีคุณภาพ
2..ใช้ระบบล็อคกระจก (กล้อง DSLR)
3..ใช้รีโมทชัตเตอร์หรือชัตเตอร์แบบไร้สาย
4..เตรียมแบตเตอร์ให้พร้อมใช้ เพราะปรากฎการณ์จันทรุปราคานี้เวลานานเป็นชั่วโมง
5..ถ้าถ่ายภาพมาก เตรียมแมมโมรี่การ์ดให้พร้อม
6..ระบบออโต้โฟกัสจะไม่มีปัญหาในช่วงพระจันทร์เต็มดวง แต่เมื่อแสงสว่างจากดวงจันทร์ลดลงให้เปลี่ยน เป็น manual แทน และอย่างไปสัมผัสแหวนปรับโฟกัสขณะถ่ายภาพ
7..ปรากฎการณ์สุริยุปราคาจะกินเวลาน้อยมาก ทำให้มีเวลาถ่ายภาพเพียงแค่ 1-2 นาที แต่ปรากฎการณ์จันทรุปราคากินเวลานานเป็นชั่วโมง ทำให้มีเวลาปรับค่าหรือถ่ายซ่อมภาพ เพื่อให้ได้ภาพออกมาดีที่สุด
8..ใช้การถ่ายคร่อม ลองปรับค่ารูรับแสง ค่า ISO และ Shutter speed ให้ได้ภาพที่ดีที่สุดแล้วบันทึกไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาทดลองปรับใหม่ในภายหลัง
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพด้วยความยาวโฟกัสมาก ๆ หรือใช้กล้องดุดาว
1.เลือกระยะโฟกัสที่ต้องการ โดยการใช้ความยาวโฟกัสที่มากกว่าจะทำให้ดวงจันทร์มีขนาดใหญ่กว่าปรากฎในภาพ และการใช้ระยะโฟกัสที่มาก กล้องจะต้องติดตั้งบนขาตั้งที่มีความแข็งแรงมั่นคง ไม่สั่นไหวได้ง่าย หรือใช้รีโมท shutter เพื่อลดการสั่นไหวของกล้อง
2. เมื่อดูจากตาราง ช่วงที่มืดที่สุดของจันทรุปราคาจะต้องปรับ shutter speed นานขึ้น ทำให้เริ่มเกิดการเบลอขึ้นได้ จึงอาจต้องใช้ขาตั้งกล้องที่มีการติดตามการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์เข้ามาช่วย
3. ในส่วน Exposure ของกล้องไม่จำเป็นต้องปรับสมดลุของแสงระหว่างพื้นที่ส่วนที่ดำกับส่วนที่ส่วนที่สว่างของดวงจันทร์
4. การถ่ายคร่อมสำคัญที่สุด ในช่วงเวลาจันทรุปราคาบางส่วน โดยเริ่มตั้งแต่เห็นดวงจันทร์เป็นเสี้ยว เงามืดจะค่อย ๆ ปกคลุมดวงจันทร์ทั้งดวงจนเหลือเพียงแสงที่เกิดจากแสงอาทิตย์สะท้อนกับผิวโลกไปยังดวงจันทร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผู้สังเกตบนโลกอีกต่อหนึ่ง (Earth Shine) เมื่อถึงช่วงนี้ก็เตรียมปรับเทคนิคในการถ่ายต่อไป
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง
1..วางแผนตามสิ่งที่ต้องการ เนื่องจากการถ่ายภาพมุมกว้างจะไม่เหมือนการถ่ายภาพแบบ telephoto ถ้าต้องถ่ายภาพปรากฎการณ์จันทรุปราคาร่วมกับทิวทัศน์ต่าง ๆ ก็ควรวางแผนไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าปรากฎการณ์จันทรุปราคานี้จะไปพลาดไปจากภาพของคุณ
2..ทุก ๆ วันดวงจันทร์จะใช้เวลาเคลื่อนไปถึงตำแหน่งเดียวกันกับวันก่อนประมาณ 50 นาที เช่น ถ้าปรากฎการณ์จันทรปราคาจะมีวันเสาร์เวลาเที่ยงคืน ให้ดูตำแหน่งของดวงจันทร์ตอนเวลา 23.10 ของคืนวันศุกร์
3..ถ้าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เช่นมีเมฆมาก ก็ใช้ Application ต่าง ๆ มาช่วยในการวางแผนถ่ายภาพ
4..เมื่อเลือกทิวทัศน์เรียบร้อย ก็อาจเพิ่มองค์ประกอบบางอย่างเพื่อให้ภาพมีสีสรรค์หรือเรื่องราวมากขึ้น
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพดาวเส้น
1..การวางแผนอาจจะมากกว่าการถ่ายภาพมุมกว้างเล็กน้อย เพราะภาพที่ถ่ายจะได้การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และดวงดาว ซึ่งคุณคงไม่ต้องการให้ภาพดวงจันทร์หลุดออกจากเฟรมอย่างแน่นอน
2..วางแผนระยะเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการถ่ายภาพ เพื่อให้ได้ภาพดวงจันทร์ที่ไม่หลุดเฟรม ให้ลองดูความต้องการว่า ต้องการให้เส้นดาวนั้นยาวแค่ไหน โดยทั่วไปเส้นดาวที่สั้น ๆ จะไม่เป็นที่ต้องการสักเท่าไร
เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพหลาย ๆ ช็อต
1..เลือกว่าจะถ่ายแบบมีทิวทัศน์ด้วยหรือจะถ่ายเฉพาะดวงจันทร์ ถ้าเลือกแบบที่มีทิวทัศน์ด้วยก็นำเคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้างกับดาวเส้นมาใช้ แต่ถ้าจะถ่ายเฉพาะดวงจันทร์ก็ให้ใช้เคล็ดลับสำหรับการถ่ายภาพด้วยความยาวโฟกัสมาก ๆ หรือใช้กล้องดุดาว
2..ศึกษาระยะเวลาการเกิดปรากฎการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เพื่อนำมาวางแผนว่าจะถ่ายภาพกี่ภาพ และแต่ละภาพห่างกันกี่นาทีในแต่ละช่วงปรากฎการณ์ที่เกิด
3..ถ้าเลือกถ่ายแบบที่ใช้เวลาห่างกันไม่มาก อาจจะเลือกนำมาแสดงเป็น time-lapse แทน
4..ปรับแสงให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเหตุการณ์ เมื่อนำมา processing จะได้ภาพดวงจันทร์ที่ไม่มืดจนเกินไปและตรงตามปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจาก
1..http://www.narit.or.th/index.php/pr-news/3451-narit-10-astronomy-2561
2..https://www.bhphotovideo.com/explora/photography/tips-and-solutions/22-tips-for-photographing-a-lunar-eclipse?utm_medium=Email%201661785&utm_campaign=Content&utm_source=WeeklyContent%20180106&utm_content=Explora&utm_term=22-tips-photographing-lunar-eclipse