เที่ยวทะเลหน้าหนาว Countdown ปีใหม่ @ Koh Talu Island Resort

ช่วงปีใหม่ หลายๆคนก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ต่างๆ เพื่อชาร์จแบตจากการเรียน การทำงานมาตลอดทั้งปี จขกท. ก็ได้ไปชาร์จแบตมาเช่นกันที่เกาะทะลุ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. - 2 ม.ค. และอยากจะแบ่งปันความประทับใจให้ทุกๆคนครับ
เกาะทะลุ ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเข้าพักที่ เกาะทะลุ ไอแลนด์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่เดียว ที่ตั้งอยู่บนเกาะทะลุ โดยทำการจองห้องพักตรงกับทางรีสอร์ทเลย ซึ่งจะมีแต่แบบแพ็คเกจ โดยราคาและรายละเอียดสามารถเช็คได้จากเว็บไซต์ของรีสอร์ทได้เลยครับ
สำหรับการเดินทางนั้น เลือกใช้บริการรถโดยสาร บขส โดยออกเดินทางคืนวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 23.59 โดยขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ครับ และถึงตลาดบางสะพานใหญ่ ช่วงเวลา ตี 5 นิดๆ ถึงแล้วก็หาของกินรองท้องกันก่อน และได้นัดหมายให้รถของรีสอร์ทมารับไปที่ท่าเรือประมาณ 8 โมงครับ


มาถึงท่าเรือ และออฟฟิศของรีสอร์ทนะครับ จะเป็นบ้านเดี่ยวตั้งอยู่โดดๆติดกับทะเลเลย เมื่อถึงที่ก็ทำการจ่ายค่าที่พักส่วนที่เหลือ และรอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆมากันจนครบก่อน จึงออกเรือไปที่เกาะครับ โดยเรือที่จะไปส่งที่เกาะนั้นเป็น Speed Boat ครับ แต่ฤดูหนาว สำหรับชายทะเลคือฤดูลมครับ ถ้าเป็นคนเมาเรือง่าย หรือไม่มั่นใจว่าตัวเองจะไหวไหม แนะนำให้ทานยาแก้เมารถ เมาเรือก่อนขึ้นเรือซัก 30 นาทีนะครับ จะได้ไม่รู้สึกคลื่นไส้มาก ช่วงที่นั่งเรือไปที่เกาะ ลมแรงมากครับ เรียกได้ว่าเสียวท้องน้อยเหมือนเล่นเรือไวกิ้งเกือบจะตลอดทางเลยทีเดียว


เมื่อมาถึงเกาะ จะมีพนักงานคอยต้อนรับและพาเดินมายังห้องอาหาร ซึ่งเป็นเรือนไม้ที่ยื่นลงไปในทะเลเล็กน้อย เพื่อรับ Welcome Drink, กุญแจห้อง และ พนักงานก็ได้ให้ข้อมูลเรื่องเกาะ เช่น เกาะนี้ใช้เครื่องปั่นไฟในการผลิตไฟฟ้าใช้ในรีสอร์ท จึงจะมีการปิดพักเครื่องปั่นไฟวันละ 2 ครั้ง คือเวลา 9.00 - 11.00 และเวลา 13.00 - 15.00 ทุกวัน เวลาที่จัดอาหารแต่ละมื้อ ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ต์ทุกมื้อ เครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และน้ำเปล่า ฟรีตลอด 24 ชม. (เครื่องดื่มอื่นๆนอกเหนือจากนี้มีบริการ แต่จะไม่รวมในแพ็คเกจ) และมีการแจ้งกิจกรรมต่างๆ เช่นการออกไปดำน้ำ ตกหมึก หรือการไปเดินป่านั้น จะต้องดูสภาพอากาศวันต่อวัน เมื่อรับทราบข้อมูลแล้ว จึงแยกย้ายกันเข้าห้องพัก โดยที่พักของที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 อ่าว แยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ โดยแบ่งเป็น อ่าวใหญ่ ซึ่งเป็นอ่าวหลักของรีสอร์ท และอ่าวมุข ที่สงบและส่วนตัวกว่า จขกท. พักที่อ่าวใหญ่ และที่พักของอ่าวใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบ Deluxe และ เรือนไทย

บ้านแบบ Deluxe จะเป็นบ้านหลังใหญ่ และแบ่งห้องเป็น 4 ห้องติดกัน ห้องกว้างมากๆครับ เตียงก็จัดมาให้สำหรับนอนได้ 4 คนต่อห้องแบบสบายๆ ห้องอาบน้ำแยกออกมาจากตัวห้องน้ำ และเป็นแบบ Open Air ได้บรรยากาศดีครับ แต่มาฤดูนี้ อาบทีมีสั่นเหมือนกันครับ (พอดีลืมถ่ายรูปในห้อง ก็เลยไปขอถ่ายห้องที่แม่บ้านกำลังทำอยู่ บางอย่างเลยอาจจะดูไม่เรียบร้อยหน่อย แต่เรียบร้อยกว่าห้อง จขกท. แน่ๆ)


บ้านแบบเรือนไทย เป็นบ้านหลังเดี่ยวๆ อยู่ใกล้ๆกัน เรียงไปตามแนวหาด ดูจากขนาดแล้ว ใหญ่กว่าห้องแบบ Deluxe พอสมควรครับ


บรรยากาศบริเวณรีสอร์ทดีมากครับ มีลมตลอดทั้งวัน เย็นสบายแม้ช่วงไฟดับพักเครื่องปั่นไฟ แค่เปิดประตูหน้าที่พักทิ้งไว้ก็มีลมพัดตลอด ไม่มีร้อนเลยครับ
แต่อย่างที่บอกว่าเป็นช่วงลมแรง ทำให้กิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น ตกหมึกนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคลื่นลมที่แรงเกินไป ดำน้ำก็มองอะไรไม่ค่อยเห็นครับ ทัศนียภาพใต้น้ำค่อนข้างแย่ทีเดียว กิจกรรมเหล่านี้เลยไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่คลื่นลมแรงแบบนี้ ทำให้สามารถมาฝึก Surfboarding ได้ และที่รีสอร์ทมี Surfboard และ เรือ Kayak ให้ยืมเล่นโดยไม่ชาร์จเพิ่มนะครับ


เรือที่ออกไปดำน้ำของที่นี่ ไม่เหมือนทั่วๆไปที่ไปด้วยเรือใหญ่ หรือ Speed Boat นะครับ แต่เป็นเรือโป๊ะขนาดใหญ่ เท่าที่เคยไปทะเลมา เคยเห็นแค่ที่นี่ที่เดียวเลยครับที่ใช้โป๊ะแบบนี้


และคืนวันที่ 31 เป็นคืนพิเศษที่ทั้งรีสอร์ทนั้นจะมารวมกันเพื่อนับถอยหลังและเฉลิมฉลองกับปีใหม่ นักท่องเที่ยวที่พักทั้ง 2 อ่าว และสต๊าฟ จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมทั้งนับถอยหลังสู่ปีใหม่ โดยทางรีสอร์ทได้เตรียมเวทีและซุ้มต่างๆ ทั้งซุ้มอาหาร เครื่องดื่ม และซุ้มกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันมากมาย อีกทั้งยังมีบริการเครื่องดื่ม ทั้งมีและไม่มีแอลกอฮอลล์ (เครื่องดื่มที่รวมในแพ็คเกจ ไวน์ และเบียร์ นอกเหนือจากนี้ต้องชำระเงินเอง) อีกทั้งยังมีโชว์ และเปิดเพลงเปิดฟลอร์ให้แขกได้ร่วมเต้นไปกับพนักงาน และเมื่อใกล้เวลาเที่ยงคืน ก็มีการนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ มีการจุดพลุฉลอง และต่างสวมกอดอวยพรกันและกันให้มีความสุข ทั้งแขก ทั้งพนักงาน เป็นความประทับใจอีกอย่างหนึ่งของที่นี่เลยครับ


อีกหนึ่งกิจกรรม ซึ่งจัดทุกวัน หากไม่เจอพายุฝนที่รุนแรง นั่นคือกิจกรรมเดินป่าเพื่อขึ้นเขาไปดูวิวอีกด้านหนึ่งของเกาะ โดยผู้ที่สนใจจะร่วมกิจกรรมนี้ จะต้องมารวมกันเวลา 15.00 เพื่อเดินไปยังจุดขึ้นเขา ที่อ่าวมุข จขกท. จึงเก็บภาพบรรยากาศความสงบที่อ่าวมุขมาฝากครับ


บรรยากาศช่วงเดินป่าครับ คณะนี้มีทั้งหมด 8 คน ฝรั่ง 5 เกาหลี 2 และคนไทย 1 (จขกท.เอง ) กว่าจะเดินขึ้นไปถึงเล่นเอาหอบอยู่เหมือนกันครับ แต่พอถึงจุดชมวิวแล้วพูดได้เลยว่าหายเหนื่อย วิวที่เห็นคือสวยมาก หน้าผาสูง ข้างล่างเป็นทะเลไกลจนถึงขอบฟ้าเลย ลมแรงมาก เหมือนจะปลิวได้เลยทั้งๆที่ จขกท. ก็น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ ฮ่าๆ หลังจากชมวิว ถ่ายรูปกันจนพึงพอใจกันทั้งคณะแล้ว ก็เดินกลับสิครับ แต่เป็นคนละทางกับตอนที่เดินเข้ามา ระหว่างทางจะได้เดินเลาะแนวเขาที่ติดกับทะเล


นอกจากเกาะทะลุจะเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่อนุรักษ์ และ อนุบาลเต่าทะเลด้วยนะครับ โดยมีบ่ออนุบาลเต่า ตั้งอยู่ที่ปลายของอ่าวใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินไปชมบ่อเลี้ยงได้ และยังมีเต่าสตัฟฟ์ ที่เสียชีวิตจากการกินถุงพลาสติกในทะเลเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจนักท่องเที่ยวถึงผลจากปัญหาการทิ้งขยะต่างๆลงในทะเลด้วย


ช่วงเย็นๆ ระหว่างรออาหารเย็น ถ้าไม่อยากเล่นน้ำทะเล แนะนำให้มาเดินเล่นไปตามหาดเลยครับ ที่นี่หาดทรายขาวละเอียด นุ่มเท้ามาก เดินรับลม ฟังเสียงคลื่น ปล่อยใจให้ไปกับทะเลเลยครับ หรือจะรอดูพระอาทิตย์ตกดิน รอถ่ายรูปก็ได้นะครับ แสงตอนเย็นก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลย


เกาะทะลุนับเป็นอีกเกาะนึงที่ประทับใจมากครับ ทั้งบรรยากาศ อาหาร ความสบาย และผู้คนที่มอบแต่ความอบอุ่นและรอยยิ้มให้ ทำให้รู้สึกถึงความจริงใจ และทำให้เรารู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเค้า อ้อ แถมอีกอย่าง เกาะนี้เป็นสวรรค์ของเหล่าทาสแมวเลยทีเดียวครับ แมวเยอะมาก น่ารักทุกตัวเลย


ถึงแม้ว่าทะเลหน้าหนาว จะทำให้กิจกรรมบางอย่างไม่สามารถที่จะทำได้ แต่สิ่งที่คนบ้าทะเลอย่าง จขกท. รู้สึกได้คือ ทะเลหน้าหนาวก็มีเสน่ห์ในแบบที่หน้าร้อนไม่มีเช่นกัน อยากให้ทุกๆคนลองมาสัมผัสทะเลหน้าหนาวกันบ้างครับ หลังจาก 3 คืนที่แสนสบายผ่านไป (อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจทีเดียว) ก็ถึงเวลากลับแล้วครับ จนกว่าจะพบกันใหม่


นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตเลยครับ ถ้าหากเนื้อเรื่องอาจจะยัง งงๆ แท็กผิด หรือรูปไม่สวยไปบ้าง ขออภัยนะครับ จะพยายามฝึกฝนและปรับปรุง ถ้าหากมีข้อเสนอแนะ หรือจะสอบถามอะไรเกี่ยวกับที่นี่ ยินดีนะครับ ขอบคุณทุกๆคนนะครับ