[CR] "พาราณสี" ในวันที่ผมและเพื่อน ไปผิดฤดู ?


          สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านครับ นี่คือกระทู้แรกของผม ก่อนหน้านี้ก็เข้ามาอ่านเก็บข้อมูลท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ จากที่เพื่อนแชร์ลิ้งค์ลงเฟซบุคบ้าง หรือจากการค้นหาในกูเกิ้ลบ้าง (แหล่งเที่ยวที่สนใจ + pantip) แต่ไม่เคยเข้าเวปไซต์หลักโดยตรง ทำให้การเข้ามาสมัคร กับการตั้งกระทู้จะเป็นงงๆหน่อย ต้องขออภัยถ้าตัวกระทู้ดูแปลกๆครับ แหะๆ
          
          เข้าเรื่องเลยละกัน ทริปเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ผมไปพาราณสีกับเพื่อนอีก 1 คน เหตุผลของการไปที่นี่ ไม่ได้เกี่ยวกับพุทธศาสนาแต่อย่างใด แค่อยากจะไปอินเดีย อยากไปเห็น ในสิ่งที่เราฟังมา ประกอบกับภาพๆนึงที่เราเห็นกันบ่อยๆ เป็นภาพบันไดท่าน้ำขนาดใหญ่ ทอดตัวยาวลงไปในแม่น้ำคงคา มีเรือ มีคน มีแสงแดด
www.toursfromdelhi.com


ช่วงการเดินทาง คือวันที่ 16 – 19 กรกฎาคม 2559 โดยมีตารางเที่ยวคร่าวๆ ดังนี้
16 กรกฎาคม 2559
02.05(ไทย) – 03.10(อินเดีย)  :  กรุงเทพ – กัลกาต้า
03.30 – 06.00  :  พักผ่อนรอเช้าในสนามบิน
06.30 – 17.00  :  เที่ยวในกัลกาต้า
                  - Dakshineswar Kali temple
                  - Victoria memorial hall
                  - Belur Math shrine
                  - Howrah bridge
17.00 – 19.00  :  พักผ่อนที่ สถานีรถไฟ Howrah
19.10  :  ออกเดินทางไป พาราณสี (นอนบนรถไฟ)

17 กรกฎาคม 2559
09.15  :  ถึงพาราณสี เช็คอินที่ Ganpati guest house
11.00 – 16.00  :  เดินเล่นในเมืองพาราณสี
16.30 – 19.00  :  ล่องเรือดูพระอาทิตย์ตก + ดูพิธีบูชาไฟริมแม่น้ำ

18 กรกฎาคม 2559
08.00 – 10.00  :  เที่ยวที่สารนาท
11.00 – 16.00  :  เก็บตกพาราณสี
16.00 – 19.30  :  ไปสนามบินพาราณสี
19.30 – 20.50  :  บินกลับ กัลกาต้า + นอนในสนามบิน

19 กรกฎาคม 2559
10.45  :  กลับ กรุงเทพ

ถึงแล้ว สนามบินกัลกาต้า เอกลักษณ์ของสนามบินนี้ คือฝ้าเพดานนี่แหละ สวยงามอลังการ ผ่าน ตม. ก็มางีบเอาแรงรอจนเช้าก่อน ค่อยออกไปเที่ยว


เดินตรงไปที่ prepaid taxi ที่แรกที่เราจะไปคือ ศาลเจ้าแม่กาลี (Dakshineswar Kali temple) เปิดรูปที่เราเซฟไว้ พร้อมชื่อภาษาอังกฤษ ให้พนักงานดู สักพักก็ออกตั๋วแท็กซี่มาให้


เดินออกจากสนามบิน ยื่นตั๋วให้แท็กซี่ดู เหมือนจะงงอะไรสักอย่าง จนตอนนี้มีคนมารุมล้อมดูตั๋ว 3 คน ดูเสร็จก็ทำท่าเหมือนจะเกี่ยงกัน พร้อมพูดภาษาที่ผมไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าพี่แกต้องรีบไปส่งรถหรือเปล่า หรือต้องไปเติมแก๊ส ก็ไม่แน่ใจ จนมีชาย 1 ใน 3 คนนี่แหละ อาสาจะไปส่ง ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์


ขับไปสักพัก พี่แกก็จอด นึกว่าถึงแล้ว ไม่ใช่ครับ คนขับปวดฉี่ วิ่งไปจัดหนึ่งรั้ว บ้านใครไม่รู้ 555…ป่ะ เดินทางต่อ จนมาจอดที่หนึ่ง เหมือนจะเป็นกลางตลาด คนพลุกพล่าน พี่คนขับก็ทำมือประมาณว่า ที่นี่แหละถึงแล้ว เพื่อนผมพูดมาประโยคนึงว่า “มันมาส่งผิดวัดว่ะ ที่ดูมาวัดมันอยู่ริมแม่น้ำ” เอาแล้วไงล่ะ อินเตอร์เนตอะไรก็ไม่มี ไหนๆก็มาแล้ว เข้าไปดูหน่อยละกัน


          เดินดุ่มๆกำลังจะเข้าเขตวัด มีคุณลุงกระโดดมาขวาง ให้ออกไปฝากรองเท้า กับซื้อดอกไม้ 200 รูปี หน้าทางเข้าก่อน โดยมีลุงคอยเป็นธุระจัดแจงให้ ดีจังบริการนักท่องเที่ยว
          
          เข้าไปคนเยอะมาก เริ่มรู้ตัวแล้วว่ามาผิดวัด ทั้งวัดมีแต่คนท้องถิ่น ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีแค่ไอ่ตี๋ 2 คนสะพายกระเป๋า ยืนอึ้งอยู่นี่แหละ ลุงเริ่มพาเราฝ่าดงคนท้องถิ่น รัดคิวแหลก แหวกส่าหรี เหตุการณ์ ณ ตอนนั้น มันเร็ว มันวุ่นวาย ชุลมุนมาก ผู้คนเบียดเสียดแย่งกันทำอะไรสักอย่าง ฝนตกปรอยๆยิ่งทำให้ทางเดินที่ทั้งแคบเบียดและเปียกแฉะ คนๆนึงมาพร้อมกับแพะ 1 ตัว จูงเดินผ่านเราไป การได้สิทธิพิเศษแบบนี้ ไม่ได้ทำให้เราสบายใจเลย ยิ่งเป็นการดึงทุกสายตาให้จ้องมาที่เรา 2 คน
          
          ลุงพาไปดูองค์เทพต่างๆ ดูศิวลึงค์ เล่าประวัติความเป็นมา ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง พาไปโยนดอกไม้ถวายเจ้าแม่กาลี และปิดท้ายด้วยการพาไปไหว้ขอพรกับต้นไม้ขนาดกลางต้นหนึ่ง ทั่วกิ่งก้านมีหินผูกด้วยเชือกห้อยเต็มไปหมด มีชายฉกรรจ์ 2 คนมารับช่วงต่อจากลุง เพื่อพาทำพิธี จบด้วยการให้วางเงิน 1000 รูปี ไว้ที่โคนต้นไม้?! ผมก็บอกไปว่ามีให้แค่ 100 รูปี….หลังจบคำพูดผม ชาย 2 คนที่ยืนประกบผมซ้ายขวา จากที่สีหน้าดูยิ้มแย้ม เปลี่ยนเป็นหน้าโกรธ แลบลิ้นยาวเรียวลงมาเกือบถึงคาง ถลึงตาใส่ แล้วบอกประมาณว่า ห้ามโกหก ไม่งั้นเจ้าแม่กาลีจะลงโทษ!!...ตอนนั้นกลัวจะไม่ได้ออกไปจากตรงนั้นมากกว่าคำขู่เรื่องเจ้าแม่ ถ้าพวกพี่จะยืนรุมแลบลิ้นใส่ผมขนาดนี้ อ่ะ โอเค ให้ก็ให้…ยังไม่พอ บอกว่ามีค่าครูอีก 1000 รูปี!! เท่านั้นแหละ ควักเงินให้ร้อยรูปี แล้วเดินออกมาเลย ตอนเดินออกมา ยังมีการกันเราไว้ ไม่ให้ไปคุยกับเพื่อนที่กำลังจะเดินสวนเข้าไป (เข้าไปไหว้ทีละคน) พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่…ก็ได้แต่คิดในใจว่า โชคดีนะเพื่อน ลองเข้าไปสัมผัสดู 5555
          
          ออกจากวัดมา ลุงขอค่าบริการคนละ 200 รูปี ได้ลุง จัดปาาาย…ยังไม่พอ ขอทริปอีกคนละร้อย ไม่ให้แล้วโว้ยยยยย!!! India’s first kiss

เค้าไม่ให้ถ่ายรูปในวัด นี่คือสิ่งเดียวที่ได้ติดมือออกมา เดินไปก็คิดไปว่า “แพงเหมือนกันนะ ดอกนี้ 555 ”


Victoria memorial hall  ไปถึงตอน 09.00 ข้างในอาคารยังไม่ให้เข้า เดินดูได้แค่สวนกับสระน้ำ


ใช้พลังงานเยอะ หิวมาก มื้อแรกของวัน (ชามะนาว ฟองฟอด น้ำแข็งน้อย เข้มข้นดี)


Belur Math shrine ในวันที่ซ่อมแซม


เราตัดสินใจกลับไปพักที่สถานีรถไฟ เอากระเป๋าไปฝากก่อน เราจองตู้นอนแบบชั้นหนึ่ง สามารถเข้าไปนั่งพัก ฝากกระเป๋า อาบน้ำได้ในห้องรับรอง ตอนนี้เดินหาห้องๆนั้นก่อน


ห้องรับรองอยู่ชั้น 2 ของตัวสถานี มีลิฟท์ 1 ตัว ขึ้นลงแค่สองชั้นนี้ ไม่เห็นบันได ไม่รู้ว่ามีหรือป่าวนะครับ ออกมาตรงระเบียง มองเห็นสะพานฮาวราห์อยู่ใกล้ๆ ออกไปเดินเล่นได้


อาบน้ำ ลงมากินข้าว ห้องน้ำไม่ได้แย่อย่างที่คิดครับ เงยหน้าขึ้นไปมีอึ้งเล็กน้อย หลังคาใสมองเห็นดาวและตึกข้างๆ 555… ข้าวอินเดียเม็ดยาวมาก ร่วนๆ อันนี้คล้ายๆข้าวหมกไก่ มีไข่ มีน่องไก่ กับโยเกิร์ต 1 ถ้วยออกเปรี้ยวหวาน แก้เลี่ยนได้ดี


ขนมอินเดีย หวานไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ มุมขวามือ “กุหลาบจามุน”


ใกล้ถึงเวลารถไฟออก เราจะยังไม่รู้ว่าจะได้นอนตู้ไหน ห้องไหน ในตั๋วจะมีแค่สถานะ confirm ไว้เฉยๆ ต้องมาดูรายชื่อที่กระดานตรงชานชาลา เหมือนลุ้นผลสอบสมัยก่อน


ที่พักสำหรับคืนนี้ หลับสบายครับ ตื่นตอนจอดบางสถานี


ตื่นมาพร้อมเสียงตะโกนอะไรสักอย่าง ตั้งใจฟังดีดี อ๋อ…เบรคฟาสต์ มีให้เลือกแค่ 2 แบบ veg  กับ non veg


แบบ veg ก็เป็นขนมปังประกบแยมสตรอเบอรี่ แบบ non veg ก้อย่างที่เห็นครับ ไข่เจียวใส่หอมใหญ่ ใส่พริก กับซอสมะเขือเทศซอง


Indian style = นั่งยองๆ


รถไฟไม่ผิดเวลานะครับ ตรงเวลามาก


ถึงแล้ว Ganpati guest house เช็คอินเรียบร้อย ถามพนักงานเรื่องเวลาที่จะล่องเรือกัน พนักงานบอกว่า “ไม่มีเรือออกกันช่วงนี้หรอก  ตอนนี้มันฤดูฝน”?!! ยืนอึ้งไปพักใหญ่ แต่ในใจคิดว่าตัวเองคงฟังภาษาอังกฤษสำเนียงภารตะผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป คิดได้ว่าโรงแรมอยู่ติดกับแม่น้ำ รีบวิ่งขึ้นไปดาดฟ้า….


……..?! ไหนเรือ ไหนคนอาบน้ำ ไหนแสงแดด?


สวัสดีเด็กๆ เล่นน้ำสนุกมั้ย?


ลองเทียบรูปที่พักจากในเนต น้ำขึ้นถึงนี้
www.thecinnamonjourney.blogspot.com


“ลุง พาพวกผมล่องแม่น้ำคงคาหน่อย”…..“พวกเอ็งอยากลอยออกทะเลหรอ”


สั่งอะไรมากินแก้เซ็งหน่อย กินๆอยู่ ลิงจากไหนไม่รู้ กระโดดตุ้บลงบนโต๊ะ คว้าแป้งโรตีไป 2 แผ่น แล้วกระโดดขึ้นดาดฟ้าไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยพวกเรานั่งอึ้ง พร้อมเสียงหัวเราะของฝรั่งโต๊ะข้างๆ


ออกมาเดินเล่นในตรอก มากินโยเกิร์ตขึ้นชื่อของเมือง ใครชอบผลไม้สดน่าจะชอบ เพราะใส่ให้เยอะมาก
          นั่งกินอยู่ได้ยินเสียงกลุ่มคน ตะโกนโห่ร้อง ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ่านหน้าเราไป เป็นชายฉกรรจ์ช่วยกันแบกแคร่ไม้ไผ่ บนแคร่มีร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง ถูกคลุมด้วยผ้าแพรสีสันสดใส โรยด้วยกลีบดอกไม้หลากสี มุ่งหน้าสู่ท่าน้ำที่ใช้เผาศพ
          นั่งอึ้งไปแป้บนึง ก้มลงกินต่อ กินเสร็จก็ขว้างถ้วยดินเผาให้แตก


มีคุณลุงคนนึง พาเดินชมที่ต่างๆ บริเวณนี้เป็นที่ไว้เก็บฟืนสำหรับเผาศพ ผู้คนจากทั่วอินเดียปรารถณาจะมาสละกายหยาบ ณ แม่น้ำอันศักสิทธิ์นี้ ไกด์ชราของเราบอกว่า วันๆนึงจะมีศพมารับการทำพิธีได้มากถึง 150 ร่างต่อวัน เผากันทุกวัน ว่ากันว่าท่าน้ำแห่งนี้ไม่เคยขาดควันไฟเลยตลอดสองพันกว่าปี (ตรงนี้ถามลุงแล้วครับ ว่าถ่ายรูปได้ เป็นแค่ที่เก็บฟืน)


เดี๋ยวมาต่อครับ หมึกใกล้หมด
ชื่อสินค้า:   พาราณสี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่