ฮัลโหลลล ! เราแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์บ้าๆบอๆ ของตัวเองและเพื่อนๆ ที่ Wonderfruit 2017 ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 14 – 17 ธันวาคมที่ผ่านมา หลายๆคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นงานแบบไหนมีกิจกรรมประมาณอะไรบ้าง เราเลยขอข้ามตรงนั้นไปดีกว่า เริ่มจากเพื่อนมาถามเยอะว่าเตรียมตัวยังไงบ้าง ดูน่าสนุกจัง ดูปาร์ตี้กันหนักขนาดนี้ ทำไมดูไม่พังเลยยังกลับมาทำงานได้อย่างปกติ..
ไป Wonderfruit แต่ละปีเหมือนกับจะไปออกรบ เราใช้ชีวิตในนั้นก็เฉลี่ยตั้งแต่เที่ยงยันเช้าของอีกวัน มันก็จะวนลูปหน่อยๆ
เพราะฉะนั้นเราต้องพร้อมในการรบมากที่สุด ถามว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้างมาดูกัน
1. ร่างกาย นี่สำคัญมากที่สุดนะจ้ะ ถ้าไม่มีร่างเราจะพาแต่วิญญานไปไม่ได้นะ ร่างกายเป็นเสมือนยานจะพาเราไปสู้อาวกาศในแต่ละคืน..
ก่อนหน้าไปงานควรนอนให้เพียงพอ เพราะระยะเวลา 4 วัน 4 คืนที่งานนั้นมันต้องอึดมากจริงๆ
2. เงิน กองทัพเดินหน้าด้วยท้อง แต่ถ้าเงินไม่พอท้องก็จะเดินไม่ได้นะจ้ะ เครื่องดื่มแอลกอฮอลในงานก็มีหลายรูปแบบ เบียร์ เหล้า คอกเทล ยาดอง บลาๆๆ อันนี้ก็ตามอัธยาศัย ราคาก็เสมือนยกทองหล่อมาไว้ที่ชลบุรี เริ่มต้นที่ 200 บาท โดยประมาณจ้ะ เมามากเมาน้อยก็บวกๆเพิ่มไป ส่วนน้ำเปล่าก็กล่องละ 60 บาทจ้า แต่เค้ามีบริการน้ำดื่มแบบเติมฟรีด้วย ส่วนอาหารก็มีมาครบทุกชาติ ไม่เบื่อเลย นี่ก็กินวนไปค่ะ เพราะเราต้องใช้พลังงานกันถึงเช้าตรู่ รวมๆแล้วแล้วอาหารมื้อละประมาณ 250-500 บาท ก็ลองๆคำนวนกันดู เพราะเค้าห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มจากข้างนอกเข้าไปค่ะ
3. คอสตูม นี่เรื่องใหญอ่ะบอกเลย นอกจากต้องจ่ายค่าบัตร 6,000 บาทแล้ว ยังต้องเตรียมค่าเสื้อผ้าหน้าผม รองเท้า เครื่องประดับหัว รองเท้าบูธเก๋ๆ หมดนี่รวมๆแล้วมูลค่าแพงกว่าบัตร ใครคิดไม่ออกก็ไปเปิดดู #Wonderfruit อินสตาแกรม ก็จะเห็นตัวอย่างมากมาย อยากได้แบบอินเตอร์แนะนำเสิร์ชดูงาน Coachella เป็น Reference ไปก็ได้ ส่วนใครอยากจะชิวก็ไปโลด บิกกินี่ตัวจิ๋วและกางเกงขาสั้นเหมาะกับบรรยากาศร้อนๆตอนกลางวันก็ว่ากันไป เอาที่สบายใจนั่นแหละ ส่วนเราขอเน้นสีสดๆ เอาแบบเดินมานึกว่าแม่สีจ้า สำหรัยรองเท้าแนะนำว่าควรเป็นร้องเท้าหัวปิด เพราไม่เช่นนั้นเล็บอาจจะเปิดได้ อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัว อ่อแล้วก็ใครชอบแต่งหน้าแต่ไม่ได้เตรียมเครื่องแต่งหน้าไป ชอบกความวิปๆวัปๆ ในงานเค้าก็มาซาลอนเล็กๆ ให้ไปแต่งหน้าทำผมได้นิดหน่อย เก๋ๆ ชิคๆ
4. ที่พัก อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบเลย ในงานจริงๆมีที่พักให้จับจองกันตั้งแต่ตอนซื้อบัตรเลย อันนี้แล้วแต่งบประมาณและความชอบเนอะ ก็จะมีโซน Boutique Camping หรูหราไฮโซและน่ารัก ห้องอาบน้ำรวมแต่มีการแบ่งเป็นห้องๆไว้ก็สะอาดอยู่ นอกจากนี้ก็มี Boutique RV ที่เป็นรถบ้าน และอันสุดท้ายอันนี้สำหรับเราคือได้ฟีลสุด หอบเต็นท์มากางเองเลยจ้า เค้ามีพื้นที่เตรียมไว้ให้ แต่ด้วยความเยอะของเราและเพื่อนๆ ขอออกไปพักโรงแรมด้านนอกจะสบายกว่า เมาก็ไม่กลัวจ้ะ พัทยามี Grab เรียกให้มารับส่งก็ได้สบายใจดี
5. น้ำเปล่า ส่วนประกอบหลักของร่างกายเราคือน้ำค่ะ ยิ่งไปงานเมาแบบนี้น้ำจะช่วยไม่ให้ร่างกายเราอ่อนเพลีย หากใครรู้สึกเพลียๆระหว่างงาน การดื่มน้ำเปล่าช่วยได้มากจริงๆค่ะ หลักการของเราคือดื่มน้ำเปล่าทุกชั่วโมง ที่สำคัญน้ำเปล่ายังช่วยขจัดสารพิษในร่างกายอีกด้วยจ้ะ ยิ่งแฮงค์ๆก็กรอกน้ำเปล่าเข้าไปจ้ะ ห้องน้ำเค้ามีหลายจุดไม่ต้องกลัวเรื่องเดินไกลเลย
6. ยาดม ขาดไม่ได้ ไม่รู้ทำไม อาจจะด้วยคนในงานค่อนข้างเยอะ ก้จะมีมากมายหลากหลายชาติหลากหลายกลิ่นกันไปเลย ติดไว้ไปเผื่อช่วยชีวิตในบางครั้ง บางวันแฮงค์เอามาดม ก็ทำให้เฟรชๆ ขึ้นได้บ้าง
7. ครีมกันแดด ใครเป็นสายตี้กลางคืนก็ข้ามอันนี้ไปได้ กลางวันนี่ร้อนดั่งทะเลทราย ควรทาป้องกันไว้หน่อยก็ดีเด้อ เราและเพื่อนชอบออกมาตั้งแต่บ่ายๆ เพราะเช้านั้นแต่ละคนอึนมากและตื่นไม่ไหวจริงๆ ชอบไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Solar Stage ทุกปีเราต้องมาเพื่อมุมนี้ โรแมนติกโคตรรร อ่อแฟนไม่ได้มาด้วย ก็เอนจอยกะเพื่อนไปอีกแบบ
8. คลีนซิ่ง สบู่ล้างหน้า** สำคัญอ่ะติดดาวดอกจันทร์ไฮไลท์ไว้เลยจ้า ไม่ได้พกเข้างานะแต่ห้ามลืมหยิบมาด้วย คือที่งานฝุ่นมันจะเยอะมากค่ะ ทั่วทั้งงานคือฝุ่น กลางคืนอาจจะมองไม่ค่อยเห็นแต่กลางวันนี่ชัดเจนมาก และเรายังต้องเต้นต้องดื่มอีกค่ะ เหงื่อไหลอะไรอีก เคยมีประสบการณ์จากปีแรกเมาแหละหลับไปเลย น้ำไม่อาบหน้าไม่ล้าง โอ่วโหหหห พังจ้า กว่าจะซ่อมได้เป็นเดือน เพราะงั้นเช็ดหน้าให้สะอาดมากที่สุดจ่ะ ไม่ว่าจะชายหญิงอันนี้ต้องดูแลจริงๆ จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้า มีเรื่องเอ๋ออย่างนึงคือนี่หยิบสบู่ล้างหน้าใส่กระเป๋าไปในงานด้วย.. เหมือนกลัวจะไม่ได้ล้างหน้าอ่า งงแปบบบ คือฝังใจจริงๆ
9. สติ อันสุดท้ายนี่ดึงๆกันไว้หน่อยเนอะ ดึงคนเดียวไม่ไหวก็ให้เพื่อนๆช่วยดึง จะได้อยู่กันให้ครบวันจนจบงาน และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย 555555 เห็นมาหลายรายแล้ว บางคนนี่หลุดไปถึงพลูโตเลยจ้า เที่ยวให้สุดใช้ชีวิตให้สุดค่ะ ถึงจะบอกว่าไม่มีลิมิตแต่ก็ต้องมีสติคู่กันไปด้วยอ่ะเนอะ
รวมก็ประมาณนี้ ยังไงก็หวังว่าจะได้เจอกันปีหน้านะคะ ทุกคน
แชร์ประสบการณ์พังอย่างไรให้น้อยที่สุด ที่ Wonderfruit 2017
ไป Wonderfruit แต่ละปีเหมือนกับจะไปออกรบ เราใช้ชีวิตในนั้นก็เฉลี่ยตั้งแต่เที่ยงยันเช้าของอีกวัน มันก็จะวนลูปหน่อยๆ
เพราะฉะนั้นเราต้องพร้อมในการรบมากที่สุด ถามว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้างมาดูกัน
1. ร่างกาย นี่สำคัญมากที่สุดนะจ้ะ ถ้าไม่มีร่างเราจะพาแต่วิญญานไปไม่ได้นะ ร่างกายเป็นเสมือนยานจะพาเราไปสู้อาวกาศในแต่ละคืน..
ก่อนหน้าไปงานควรนอนให้เพียงพอ เพราะระยะเวลา 4 วัน 4 คืนที่งานนั้นมันต้องอึดมากจริงๆ
2. เงิน กองทัพเดินหน้าด้วยท้อง แต่ถ้าเงินไม่พอท้องก็จะเดินไม่ได้นะจ้ะ เครื่องดื่มแอลกอฮอลในงานก็มีหลายรูปแบบ เบียร์ เหล้า คอกเทล ยาดอง บลาๆๆ อันนี้ก็ตามอัธยาศัย ราคาก็เสมือนยกทองหล่อมาไว้ที่ชลบุรี เริ่มต้นที่ 200 บาท โดยประมาณจ้ะ เมามากเมาน้อยก็บวกๆเพิ่มไป ส่วนน้ำเปล่าก็กล่องละ 60 บาทจ้า แต่เค้ามีบริการน้ำดื่มแบบเติมฟรีด้วย ส่วนอาหารก็มีมาครบทุกชาติ ไม่เบื่อเลย นี่ก็กินวนไปค่ะ เพราะเราต้องใช้พลังงานกันถึงเช้าตรู่ รวมๆแล้วแล้วอาหารมื้อละประมาณ 250-500 บาท ก็ลองๆคำนวนกันดู เพราะเค้าห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มจากข้างนอกเข้าไปค่ะ
3. คอสตูม นี่เรื่องใหญอ่ะบอกเลย นอกจากต้องจ่ายค่าบัตร 6,000 บาทแล้ว ยังต้องเตรียมค่าเสื้อผ้าหน้าผม รองเท้า เครื่องประดับหัว รองเท้าบูธเก๋ๆ หมดนี่รวมๆแล้วมูลค่าแพงกว่าบัตร ใครคิดไม่ออกก็ไปเปิดดู #Wonderfruit อินสตาแกรม ก็จะเห็นตัวอย่างมากมาย อยากได้แบบอินเตอร์แนะนำเสิร์ชดูงาน Coachella เป็น Reference ไปก็ได้ ส่วนใครอยากจะชิวก็ไปโลด บิกกินี่ตัวจิ๋วและกางเกงขาสั้นเหมาะกับบรรยากาศร้อนๆตอนกลางวันก็ว่ากันไป เอาที่สบายใจนั่นแหละ ส่วนเราขอเน้นสีสดๆ เอาแบบเดินมานึกว่าแม่สีจ้า สำหรัยรองเท้าแนะนำว่าควรเป็นร้องเท้าหัวปิด เพราไม่เช่นนั้นเล็บอาจจะเปิดได้ อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัว อ่อแล้วก็ใครชอบแต่งหน้าแต่ไม่ได้เตรียมเครื่องแต่งหน้าไป ชอบกความวิปๆวัปๆ ในงานเค้าก็มาซาลอนเล็กๆ ให้ไปแต่งหน้าทำผมได้นิดหน่อย เก๋ๆ ชิคๆ
4. ที่พัก อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบเลย ในงานจริงๆมีที่พักให้จับจองกันตั้งแต่ตอนซื้อบัตรเลย อันนี้แล้วแต่งบประมาณและความชอบเนอะ ก็จะมีโซน Boutique Camping หรูหราไฮโซและน่ารัก ห้องอาบน้ำรวมแต่มีการแบ่งเป็นห้องๆไว้ก็สะอาดอยู่ นอกจากนี้ก็มี Boutique RV ที่เป็นรถบ้าน และอันสุดท้ายอันนี้สำหรับเราคือได้ฟีลสุด หอบเต็นท์มากางเองเลยจ้า เค้ามีพื้นที่เตรียมไว้ให้ แต่ด้วยความเยอะของเราและเพื่อนๆ ขอออกไปพักโรงแรมด้านนอกจะสบายกว่า เมาก็ไม่กลัวจ้ะ พัทยามี Grab เรียกให้มารับส่งก็ได้สบายใจดี
5. น้ำเปล่า ส่วนประกอบหลักของร่างกายเราคือน้ำค่ะ ยิ่งไปงานเมาแบบนี้น้ำจะช่วยไม่ให้ร่างกายเราอ่อนเพลีย หากใครรู้สึกเพลียๆระหว่างงาน การดื่มน้ำเปล่าช่วยได้มากจริงๆค่ะ หลักการของเราคือดื่มน้ำเปล่าทุกชั่วโมง ที่สำคัญน้ำเปล่ายังช่วยขจัดสารพิษในร่างกายอีกด้วยจ้ะ ยิ่งแฮงค์ๆก็กรอกน้ำเปล่าเข้าไปจ้ะ ห้องน้ำเค้ามีหลายจุดไม่ต้องกลัวเรื่องเดินไกลเลย
6. ยาดม ขาดไม่ได้ ไม่รู้ทำไม อาจจะด้วยคนในงานค่อนข้างเยอะ ก้จะมีมากมายหลากหลายชาติหลากหลายกลิ่นกันไปเลย ติดไว้ไปเผื่อช่วยชีวิตในบางครั้ง บางวันแฮงค์เอามาดม ก็ทำให้เฟรชๆ ขึ้นได้บ้าง
7. ครีมกันแดด ใครเป็นสายตี้กลางคืนก็ข้ามอันนี้ไปได้ กลางวันนี่ร้อนดั่งทะเลทราย ควรทาป้องกันไว้หน่อยก็ดีเด้อ เราและเพื่อนชอบออกมาตั้งแต่บ่ายๆ เพราะเช้านั้นแต่ละคนอึนมากและตื่นไม่ไหวจริงๆ ชอบไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Solar Stage ทุกปีเราต้องมาเพื่อมุมนี้ โรแมนติกโคตรรร อ่อแฟนไม่ได้มาด้วย ก็เอนจอยกะเพื่อนไปอีกแบบ
8. คลีนซิ่ง สบู่ล้างหน้า** สำคัญอ่ะติดดาวดอกจันทร์ไฮไลท์ไว้เลยจ้า ไม่ได้พกเข้างานะแต่ห้ามลืมหยิบมาด้วย คือที่งานฝุ่นมันจะเยอะมากค่ะ ทั่วทั้งงานคือฝุ่น กลางคืนอาจจะมองไม่ค่อยเห็นแต่กลางวันนี่ชัดเจนมาก และเรายังต้องเต้นต้องดื่มอีกค่ะ เหงื่อไหลอะไรอีก เคยมีประสบการณ์จากปีแรกเมาแหละหลับไปเลย น้ำไม่อาบหน้าไม่ล้าง โอ่วโหหหห พังจ้า กว่าจะซ่อมได้เป็นเดือน เพราะงั้นเช็ดหน้าให้สะอาดมากที่สุดจ่ะ ไม่ว่าจะชายหญิงอันนี้ต้องดูแลจริงๆ จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้า มีเรื่องเอ๋ออย่างนึงคือนี่หยิบสบู่ล้างหน้าใส่กระเป๋าไปในงานด้วย.. เหมือนกลัวจะไม่ได้ล้างหน้าอ่า งงแปบบบ คือฝังใจจริงๆ
9. สติ อันสุดท้ายนี่ดึงๆกันไว้หน่อยเนอะ ดึงคนเดียวไม่ไหวก็ให้เพื่อนๆช่วยดึง จะได้อยู่กันให้ครบวันจนจบงาน และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย 555555 เห็นมาหลายรายแล้ว บางคนนี่หลุดไปถึงพลูโตเลยจ้า เที่ยวให้สุดใช้ชีวิตให้สุดค่ะ ถึงจะบอกว่าไม่มีลิมิตแต่ก็ต้องมีสติคู่กันไปด้วยอ่ะเนอะ
รวมก็ประมาณนี้ ยังไงก็หวังว่าจะได้เจอกันปีหน้านะคะ ทุกคน