1. ค่าตัวมหาศาลและมหากาพย์อันยาวนาน ดรามา ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ปฐมบทภาคแรกจบสวยงาม

2. เอือมระอากับปัญหาเก่าเก็บกับความผิดพลาดส่วนตัวของแนวรับ ได้รับการสะสางซะที

3. สโมสรได้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานด้วยการทุ่มซื้อ และปรับเพดานค่าเหนื่อยนักเตะขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ตามมาคือ เราสามารถเซ็นนักเตะดังค่าตัวแพงค่าเหนื่อยสูงได้อย่างไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป

4. เพิ่มโอกาสในการยึด Top4 และสร้างโอกาสในเส้นทาง UCL แม้ว่าฟานไดจ์ยังไม่แสดงฝีเท้าให้เห็น
แต่การมีตัวเลืออกเพิ่มขึ้นอีกคนในแผงกองหลัง มันคงดีกว่าการใช้ ชาน หรือไวนาดุม มาเล่นเซนเตอร์แน่นอน

5. วิธีการเล่นของฟานไดจ์ รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่งแต่ไม่ได้ช้าเลยสักนิด สถิติการเอาชนะตัวต่อตัวสูงมาก
เก่งเรื่องลูกโด่ง จะมาช่วยลดจุดด้อยในแนวรับได้ นอกจากนี้ยังอ่านเกมดีวางบอลแม่น ทำให้เปลี่ยนเป็นรุกได้เร็ว
ฟานไดจ์มีทักษะที่เติมเกมรุกได้ดี เมื่อคู่ต่อสู้รับลึก การเติมขึ้นไปซึ่งมาติปทำได้แต่ยังไม่ดีนัก

โดยรวม ทุกคนมีข้อกังขาแค่ว่าค่าตัวแพงเกินไปไหม?? กลไกราคา อุปสงค์ อุปทาน และตลาดนักเตะขาขึ้น
จริงๆค่าตัวฟานไดจ์อาจอยู่ที่ 55-60ล้าน ส่วนที่เกินมา 15ล้าน ถ้ามันทำให้เราเปลี่ยนจากผลเสมอมาเป็นชนะได้
สักแค่ 4 เกมจากช่วงแรกมันก็คุ้มแล้วกับ 8 คะแนน เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไม่ได้ แต่ตอนนี้เราได้มาแล้ว

อีกข้อที่ทำให้แฟนทีมเพื่อนรักลุ้นระทึกก็คือใครจะคุ้มค่ากว่ากันระหว่าง

---

กองหน้าตัวรับ 75ล้าน กับกองหลังตัวรุก 75ล้าน และใครจะยิงประตูมากกว่ากันในครึ่งฤดูกาลหลัง