เรื่องมีอยู่ว่า แฟนของผมเป็นลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง เป็นบัตร Master card และเธอก็ได้ใช้บัตรนี้เพียงบัตรเดียวมาโดยตลอด จนเมื่อปี่ พ.ศ. 2555 ทางธนาคารได้ส่งบัตรอีกใบนึง ซึ่งเป็นบัตร JCB มาให้ แต่เป็นวงเงินเดี่ยวกันกับบัตร Master card ซึ่งจะใช้บัตรใดบัตรหนึ่งก็ได้ เนื่องจากเธอใช้บัตร Master card มาตั้งแต่แรก บัตร JCB เลยไม่ได้ใช้ ไม่มีการเปิดใช้งานเลยทิ้งไว้ที่ห้องจนลืมไปแล้วว่ามีบัตรนี้อยู่ จนกระทั่งวันที่ 25 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา เธอได้ชำระเงินตามรอบบิลไป 16,000 บาท ซิ่งบิลระบุต้องจ่ายขั้นต่ำ 11,000 บาท แล้วรอเงินเข้าระบบอีก 2 วัน เงินจะเข้าระบบจึงจะสามารถใช้บัตรได้อีกครั้ง ต่อมา วันที่ 27 ธ.ค. 2560 เธอได้โทรเช็คยอดผ่านระบบอัตโนมัติ ปรากฎว่าเงินยังไม่เข้าระบบ จึงได้ติดต่อพนักงานเพื่อสอบถามว่าเงินจะเข้าระบบตอนไหน พนักงานตอบมาว่า 7.00 น. ของวันถัดไป และพนักงานธนาคารยังพูดอีกว่า " คุณมีบัตรอีกใบนี่ค่ะ ของ JCB ที่เลขลงท้ายด้วย XXX ดิฉันสามารถเปิดวงเงินให้คุณสามารถใช้บัตรนี้ได้เลย เฉพาะบัตร JCB เท่านั้น ส่วนบัตร Master card จะยังใช้ไม่ได้ ต้องเป็นของ JCB ถึงจะใช้งานได้ทันที " และพนักงานพยายามพูดให้เธอใช้บัตร JCB ให้ได้ แต่เธอปฏิเสธไป (มีการบันทึกเสียงการสนทนาในระบบของธนาคาร) เพราะไม่ได้รีบใช้อยู่แล้ว แค่โทรไปถามว่ายอดจะเข้าระบบตอนไหนแค่นั้นเอง และบัตรหลักที่เธอใช้ คือ Master card บัตร JCB ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามี ไม่เคยเปิดใช้งานด้วยซ้ำ วันที่ 29 ธ.ค. 2560 เธอโทรไปเช็คผ่านระบบอัตโนมัติอีกครั้ง ปรากฎว่า ยอดเงินเข้าระบบแล้ว (สะบายใจ) และแล้วเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2560 ผมจะเอารถไปตรวจเช็คสภาพ เธอจะเป็นคนรูดบัตรให้เพราะเห็นว่ายอดเงินเข้าแล้ว ไปจนจะถึงอู่อยู่แล้ว เธอเลยโทรเช็คยอดผ่านระบบอัตโนมัติอีกครั้ง ปรากฎว่ายอดเงินเป็น 0 งานเข้าสิคร้บพี่น้อง! (ดีที่มีเงินสดติดกระเป๋าอยู่) เธอได้ติดต่อไปที่พนักงานธนาคารอีกครั้งในทันที (เป็นคนละคนกันกับคนที่ติดต่อไปเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2560) เช็คข้อมูลให้ ปรากฎว่า มีการนำข้อมูลบัตร JCB ไปใช้ในการชำระเงินออนไลน์ในเว็บไซต์ ที่เป็นเว็บเกี่ยวกับการจองโรงแรม จำนวนเงิน 95,000 บาท (ใจหายแว๊บบบบ ู เป็นหนี้เพิ่มได้งัยในเมื่อ ู ได้ปฏิเสธไปแล้ว หลักฐานมีในไฟล์บันทึกเสียง) ติดต่อเช็คข้อมูลกันวุ่นวายเลยคราวนี้ หลังจากที่พนักงานธนาคารท่านนี้ได้เช็คข้อมูลให้ สรุปได้ดังนี้ " คุณลูกค้าได้มีการติดต่อเข้ามา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2560 พนักงานชื่อ ... เป็นคนรับสาย และมีการเพิ่มวงเงินไปอีก 100,000 บาท หลังจากนั้น 3 นาที่ มีการนำข้อมูลบัตร JCB ไปใช้ในเว็บไซต์เพื่อจองโรงแรมจำนวน 95,000 บาท " งงสิครับ บัตรนี้ได้มายังไม่เคยเปิดใช้เลย แล้วมันใช้งานได้งัย ทางพนักงานตอบมาว่า " บัตรมีการเปิดใช้งานอัตโนมัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 แต่ไม่มีข้อมูลการใช้บัตรเลย จนกระทั่งวันที่ 27 ที่ผ่านมาหลังจากมีการเพิ่มวงเงิน " เธอจึงแจ้งอายัดบัตร JCB นั้น ทันที และพนักงานท่านนี้ก็ได้บล็อกเงินก้อนนี้ไว้ก่อน เพราะต้องรอใบเรียกเก็บเงินจากปลายทาง พร้อมกับส่งใบคำร้อง ปฏิเสธการใช้บัตรมากรอกข้อมูลแล้วส่งแฟกซ์ ไปให้ธนาคารตรวจสอบ ใช้ระยะเวลาตรวจสอบไม่เกิน 55 วัน หลังจากส่งใบคำร้องนี้ไปให้ธนาคารแล้ว เธอก็เอาใบคำร้องนี้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจอีกด้วย เธอเลยลองถามพี่ตำรวจว่า ถ้าทางธนาคารตรวจสอบปรากฎว่าพนักงานทำผิดจริง และส่งหลักฐานรายละเอียดต่างๆมาให้เรา เราจะสามารถดำเนินคดีกับพนักงานคนนี้ได้หรือไม่ พี่ตำรวจบอก " ไม่ได้ ต้องให้ธนาคารเป็นผู้แจ้งดำเนินคดีกับพนักงาน เพราะธนาคารเป็นผู้เสียหาย " งงเลยที่นี้ ขอผู้รู้ช่วยอธิบายทีนะครับ
และอยากถามพนักงานธนาคารท่านที่ทำแบบนี้ เพื่อให้ได้ค่าคอมมิสชั่นไปเที่ยวปีใหม่คุณ ึง ทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ต้องรอตรวจสอบอีกไม่เกิน 55 วัน บัตรยังใช้ไม่ได้ ใช้เงินสดไปก่อน (ซาบายยจาาาย...) เตรียมร้องเรียนไปที่ ปอท. อีกทางนึง จะทำได้หรือไม่ครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป....
#สีฟ้าอ่อน #สัญลักษณ์รูปสัตว์ปีก
โดนพนักงานของธนาคารเอาข้อมูลบัตรเครดิต ไปใช้จ่ายสินค้าออนไลน์จนเต็มวงเงิน เราจะสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้หรือไม่
และอยากถามพนักงานธนาคารท่านที่ทำแบบนี้ เพื่อให้ได้ค่าคอมมิสชั่นไปเที่ยวปีใหม่คุณ ึง ทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ต้องรอตรวจสอบอีกไม่เกิน 55 วัน บัตรยังใช้ไม่ได้ ใช้เงินสดไปก่อน (ซาบายยจาาาย...) เตรียมร้องเรียนไปที่ ปอท. อีกทางนึง จะทำได้หรือไม่ครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป....
#สีฟ้าอ่อน #สัญลักษณ์รูปสัตว์ปีก