เทคนิคใหม่ ... จะเรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจจงใช้ความรู้สึก


ถ้าพูดถึงการเรียนภาษาอังกฤษแล้ว หลายคนคงนึกถึงข้อสอบถูกผิด ข้อสอบเติมคำ ข้อสอบตัวเลือกในสมัยมัธยมศึกษา

If the rain starts falling , I ___ carry an umbrella.

“เฮ้ย ข้อนี้ตอบอะไรนะ ทำไมไม่ใช่ will ละ มันเป็นอนาคตไม่ใช่เหรอ”

นี่อาจเป็นบทสนทนาระหว่างแบบฝึกคนในคาบวิชาภาษาอังกฤษของใครหลายๆคน ผมเองก็เช่นกัน ในสมัยก่อนการจะทำข้อสอบข้อนี้ได้ผมต้องนึกถึงกฎ 3 ข้อของ If Clause ที่ครูมัธยมให้ท่องประจำ

ข้อหนึ่งความจริง ความจริงใช้ simple tense
ความจริง อดีต อดีตใช้ past tense
ไม่เป็นความจริง ใช้ would
ตอนท่องก็ท่องได้นะแต่พอใช้จริงล้มเหลวไม่เป็นท่าและสุดท้ายในการสอบเรื่อง If Clause ผมก็ได้ 2/20 อีกตามเคย (มั่วยังได้เยอะกว่า555)

-------------------------------------------

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเยอะมาก นอกจากเป็นวิชาบังคับอนุบาล ประถม มัธยม ระดับมหาลัยแล้ว การสอบเข้าเรียน การเข้าทำงานบางครั้งก็ใช้คะแนนภาษาอังกฤษ อีกทั้งมีกวดวิชาสอนภาษาอังกฤษอีกมากของมากมาย แต่จากสถิติล่าสุดประเทศไทยยังรั้งอันดับท้ายๆในภูมิภาคอาเซียน สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะอะไร ?

ข้อสังเกตหนึ่งของการเรียนภาษาอังกฤษในประเทศไทยคือเรามักเรียนภาษาอังกฤษโดยการท่องจำ คำศัพท์ ไวยากรณ์ทำให้หลายคน (รวมทั้งผมสมัยก่อน555) คิดว่าภาษาอังกฤษเหมือนวิชาชีววิทยาคือต้องจำเก่ง ... ถึงจะเก่ง
แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่วิธีที่ถูกที่สุด และการเรียนแบบท่องจำอาจทำให้เราไม่เข้าใจและใช้จริงได้ไม่คล่อง

การมีทัศนคติในการจำภาษาอังกฤษ (หรือภาษาใดๆก็ตาม) เป็นข้อๆ ทำให้เราเข้าใจระบบของภาษาอังกฤษเป็นสมการ ลองนึกภาพในชีวิตประจำวันเรามีบทสนทนาเวลาออกไปซื้อของจ่ายตลาด แม่ค้าถามเราว่า “ถ้าป้าลดราคาลงให้ น้องจะซื้อสองชิ้นเลยไหม ?”

ความจำไวยากรณ์ในหัวเราคงติดไฟ ถึงเวลาใช้งาน

’ ข้อหนึ่งถ้าป้าให้เราขายเป็นความจริง และเราจะซื้อเป็นความจริงที่ยังไม่เกิดขึ้น เราต้องใช้กริยาแสดงความไม่แน่นอนเช่น น่าจะ อาจจะ คง เป็นต้น’ แล้วเราต้องใช้ตัวไหนละ อืม ตอบยากจัง …. '

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะเราไม่ได้เรียนภาษาเป็นข้อ ! แต่เรารู้ว่าต้องพูดอะไรเพราะภาษาเชื่อมต่อกับความรู้สึกและความคุ้นเคยของเรา !!!

หรือในภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน  
นึกภาพในรายการประกวดร้องเพลงเวลาเราเห็นนักแสดงร้อง กรรมการให้ความเห็นว่า

การร้องของเขา good เราคงรู้สึกว่าดีนะแต่เขาอาจชมเป็นมารยาทนะ

ถ้า great เราคงรู้ว่า กรรมการคงจะเห็นบางอย่างพิเศษในตัวนักร้อง

Excellent ! แปลว่านักร้องคนนี้ร้องได้ดีมาก น้อยคนที่จะทำได้เหมือนเขา

Unbelievable ! แปลว่าโห ดีจนต้องร้องขอชีวิต อยากฟังอีกมากๆ

Miraculous ! พระเจ้าจอร์จ ดีจนหาตัวจับยาก ดีแบบดาราเลย

ถ้าเราแปล unbelievable ว่าเชื่อไม่ได้… เราอาจจะเข้าใจว่าดีแต่คงไม่เข้าใจความรู้สึกของกรรมการ
แต่สิ่งที่เราทำ สิ่งที่โรงเรียนสอนหรือในพจนานุกรมบอกไว้แค่ว่าทั้ง 5 คำนี้แปลว่าดี ซึ่งยังไม่ได้สื่อความหมายของประโยคคำพูดเลย

ทั้งหมดนี้อาจเป็นเหตุผลที่แม้แต่นักเรียนที่ทำคะแนนได้ที่หนึ่งบางคน ยังพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องเท่าพนักงานในบริษัทต่างชาติที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ถ้าใครรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาท่องจำอย่างเดียว ก็อาจจะเข้าใจผิด

------------------------------------------

ผมรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกันในตอนแรกที่ฝึกภาษา (และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมคะแนนภาษาอังกฤษตอนแรกของผมมันถึงน้อยแบบนั้น 555) จนภายหลังมีโครงการอาสาพานักเรียนต่างชาติมาดูงานที่ประเทศไทย ผมใช้ภาษาอังกฤษทุกวันระหว่างค่าย จึงตกผลึก หลังจากนั้นก็ฟังเพลง ดู series อเมริกันเป็นว่าเล่น การเรียนภาษาอังกฤษผมก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายผมทำข้อสอบ GAT (ที่ประกอบด้วย error , missing word , essay,…) โดยไม่ได้อ่านหนังสือเลย ! จริงๆ ผมใช้ความรู้สึกในการตอบข้อสอบปรนัยเพียงอย่างเดียว ผมก็ได้ อีก 1 ข้อผมก็จะได้เต็มและได้มากที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ  !!! (ผมไม่แน่ใจว่ามีคนได้เต็มกี่คนนะ 555)

ผมจึงอยากลองบอกวิธีการเรียนภาษาแบบใช้ความรู้สึกนี้ให้กับเพื่อนๆที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษหรือจัดคอร์สภาษาอังกฤษมาเป็นสิบแล้วยังพูดได้ไม่คล่องให้ลองดู

ผมขอสรุปเพื่อให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายๆว่า การเรียนภาษาอังกฤษโดยการใช้ความรู้สึกทำยังไง ด้วยหลักการง่ายๆ 3 ข้อ !

1 มองให้ออกว่าคนพูดมีความรู้สึกอย่างไร ไวยากรณ์นี้มีความหมายว่าอย่างไร (ไวยากรณ์เราก็สามารถมองความหมายมันได้นะ) ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้

2 เชื่อมโยงกับทักษะ Reading , Writing , Speaking , Listening เพราะทักษะเหล่านี้คือทักษะที่เราจะใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าทำได้เหมดนี้ถึงเรียกว่าพูดภาษาอังกฤษเป็น (อีกทั้งเป็นทักษะที่ใช้สอบข้อสอบสากลบางอย่างด้วย)

3  ใช้ภาษาอย่างสม่ำเสมอ (แทนที่การท่องจำ) เพื่อให้ทักษะภาษาต่างๆกลายเป็นความเคยชิน (นอกจากนั้นเวลาสอบการสอบสากลต่างๆ ก็มีเวลาให้ไม่มากนะครับ เช่น speaking ให้เวลาสั้นมาก ก่อนที่จะพูดจริงๆ)

--------------------------------------
ท่านใดมีข้อแนะนำอย่างไรให้ความเห็นได้เลยนะครับ แนะนำอ่านเพิ่มเติมเพื่อความแน่นเป๊ะ !  
https://m.facebook.com/EnglishKNOWNOW/
หรืออ่านกระทู้รีวิวฝึกฝนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น
https://pantip.com/topic/37117138
เชื่อไหมจะเก่งอังกฤษทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปเมืองนอก !
https://www.facebook.com/EnglishKNOWNOW/posts/1973606566212592
7 วิชาที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ
https://pantip.com/topic/37129774
ผมพลาดไปแล้ว ... 7 ความล้มเหลวสำคัญที่ทำให้ผมเรียนภาษาอังกฤษช้าไป 7 ปี
https://www.facebook.com/EnglishKNOWNOW/posts/1985824411657474

อย่ารอช้า... จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

English KNOW NOW
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่