หนังเก่าเล่าใหม่ 074: The Boy in the Striped Pyjamas (Mark Herman, 2008)

" ท่ามกลางความโหดร้ายในความไร้เดียงสา " ถ้าจะจัดหนังสงครามที่ละมุนไปด้วยความไร้เดียงสาหนังเรื่องนี้น่าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยแง่มุมนั้น และถือเป็นเรื่องราวที่แสนเศร้าและสะเทือนใจจนไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ หนังเล่าเรื่องราวของ ‘บรูโน’ เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่ต้องย้ายบ้านจากกรุงเบอร์ลินมาอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่ถูกเรียกว่า 'เอาท์วิธ' บรูโน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมครอบครัวของเขาต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ รู้เพียงแค่ว่าพ่อที่เป็นนายทหารใหญ่ต้องย้ายมาดูแลที่แห่งนี้และทำหน้าที่สำคัญ บรูโน มีเพียงพี่สาวเท่านั้นซึ่งไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนุก รวมถึงครูที่มาสอนหนังสือที่บ้านกลับพยายามล้างสมองเขาด้วยหนังสือที่เขาไม่ค่อยอยากอ่าน เพื่อทำให้เด็กๆรักในตัวท่านผู้นำและเกลียดชังชาวยิว บรูโน ไม่มีเพื่อนละแวกบ้าน ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย มีก็แต่ทหารที่เดินเขาเดินออกจากบ้านเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่ง บรูโน ได้มองผ่านหน้าต่างห้องตัวเองและเห็นคนแก่ เด็ก ผู้หญิง ใส่ชุดนอนลายทางเหมือนกันหมด และอาศัยอยู่ในรั้วที่ไม่ไกลออกไปจากบ้านของเขา ด้วยความที่ บรูโน อยากเป็นนักสำรวจวันหนึ่งบรูโนตัดสินใจออกสำรวจจนไปถึงแนวกั้นรั้วและพบ 'ชมูเอล' ที่นั่งอยู่ในรั้วอีกฝั่งหนึ่ง แน่นอนว่าภาพของเด็กทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันคือความไร้เดียงสา หลังจากวันนั้นบรูโนมักจะแอบเอาขนมหรือแอบมานั่งคุยนั่งเล่นกับชมูเอลเป็นประจำ และเหตุการณ์หลังจากนั้นก็นำพาเรื่องราวที่สุดแสนสะเทือนใจในตอนท้าย

มุมมองที่ 'The Boy in the Striped Pyjamas' ถือเป็นเรื่องราวที่มีค่าทั้งตอนที่เป็นวรรณกรรมและภาพยนตร์ ทั้งสองแบบให้ในสิ่งที่เหมือนกันคือความบริสุทธิ์ของเด็กที่เกิดในยุคที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งบนโลกใบนี้ และเมื่อเราอ่านหนังสือจบหรือดูหนังจบเราทุกคนจะไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง แน่นอนว่าตัวหนังเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมด เราที่เป็นคนดูมีหน้าที่เพียงตอบรับความคิดหรือข้อคิดบางอย่างมาเท่านั้น ไม่เพียงแค่แงมุมของความสะเทือนใจเพียงอย่างเดียว ตัวหนังยังนำเสนอความโหดร้ายหรือวิธีการล้างสมองที่ทำให้เราเข้าใจวิธีการต่างๆของระบบที่น่าจะเลวที่สุดระบบหนึ่ง (ระบบเผด็จการ) การแสดงของเด็กทั้งสองคนถ่ายทอดความรู้สึกที่แตกต่างกันได้อย่างน่ารักจนทำให้เรารู้สึกสงสารกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิตรภาพระหว่างเด็กท่ามกลางความสิ้นหวังนั้นสดใสและยังเกิดขึ้นเสมอไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะรุนแรงมากแค่ไหนก็ตาม ในส่วนของภาพหรือฉากหลังทำได้ค่อนข้างดีและเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างสองฝั่งรั้วกั้น ดนตรีประกอบช่วยบีบคั้นอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก

ท้ายสุด 'The Boy in the Striped Pyjamas' สามารถพาเราไปถึงสิ่งที่ตัวหนังเองต้องการจะสื่อทั้งความรู้สึกและข้อความที่อยากจะมอบให้คนดู แม้จะมีข้อเสียในเรื่องของระยะเวลาของหนังที่ยังขาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในบางส่วน แต่โดยส่วนรวมแล้วถือเป็นเรื่องราวที่สะท้อนแง่มุมหนึ่งของสงครามที่อาศัยเรื่องราวไร้เดียงสาของเด็กได้สะเทือนอารมณ์ไม่ต่างจากเรื่องราวอื่นๆ ผลกระทบที่หนังเรื่องนี้นำเสนอสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดหรือทำให้เราสะเทือนใจทุกครั้งที่นึกถึง เรื่องราวของบรูโนและชมูเอล จะยังคงทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เสมอ และจะคอยย้ำเตือนเพื่อไม่ให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นอีกอยู่เสมอเช่นเดียวกัน…ในอนาคต

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์
ตัวอย่างหนัง

ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 074: The Boy in the Striped Pyjamas (Mark Herman, 2008) เขียนโดย Form Corleone
" ท่ามกลางความโหดร้ายในความไร้เดียงสา " ถ้าจะจัดหนังสงครามที่ละมุนไปด้วยความไร้เดียงสาหนังเรื่องนี้น่าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยแง่มุมนั้น และถือเป็นเรื่องราวที่แสนเศร้าและสะเทือนใจจนไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ หนังเล่าเรื่องราวของ ‘บรูโน’ เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่ต้องย้ายบ้านจากกรุงเบอร์ลินมาอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่ถูกเรียกว่า 'เอาท์วิธ' บรูโน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมครอบครัวของเขาต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ รู้เพียงแค่ว่าพ่อที่เป็นนายทหารใหญ่ต้องย้ายมาดูแลที่แห่งนี้และทำหน้าที่สำคัญ บรูโน มีเพียงพี่สาวเท่านั้นซึ่งไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนุก รวมถึงครูที่มาสอนหนังสือที่บ้านกลับพยายามล้างสมองเขาด้วยหนังสือที่เขาไม่ค่อยอยากอ่าน เพื่อทำให้เด็กๆรักในตัวท่านผู้นำและเกลียดชังชาวยิว บรูโน ไม่มีเพื่อนละแวกบ้าน ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย มีก็แต่ทหารที่เดินเขาเดินออกจากบ้านเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่ง บรูโน ได้มองผ่านหน้าต่างห้องตัวเองและเห็นคนแก่ เด็ก ผู้หญิง ใส่ชุดนอนลายทางเหมือนกันหมด และอาศัยอยู่ในรั้วที่ไม่ไกลออกไปจากบ้านของเขา ด้วยความที่ บรูโน อยากเป็นนักสำรวจวันหนึ่งบรูโนตัดสินใจออกสำรวจจนไปถึงแนวกั้นรั้วและพบ 'ชมูเอล' ที่นั่งอยู่ในรั้วอีกฝั่งหนึ่ง แน่นอนว่าภาพของเด็กทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันคือความไร้เดียงสา หลังจากวันนั้นบรูโนมักจะแอบเอาขนมหรือแอบมานั่งคุยนั่งเล่นกับชมูเอลเป็นประจำ และเหตุการณ์หลังจากนั้นก็นำพาเรื่องราวที่สุดแสนสะเทือนใจในตอนท้าย
มุมมองที่ 'The Boy in the Striped Pyjamas' ถือเป็นเรื่องราวที่มีค่าทั้งตอนที่เป็นวรรณกรรมและภาพยนตร์ ทั้งสองแบบให้ในสิ่งที่เหมือนกันคือความบริสุทธิ์ของเด็กที่เกิดในยุคที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งบนโลกใบนี้ และเมื่อเราอ่านหนังสือจบหรือดูหนังจบเราทุกคนจะไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง แน่นอนว่าตัวหนังเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมด เราที่เป็นคนดูมีหน้าที่เพียงตอบรับความคิดหรือข้อคิดบางอย่างมาเท่านั้น ไม่เพียงแค่แงมุมของความสะเทือนใจเพียงอย่างเดียว ตัวหนังยังนำเสนอความโหดร้ายหรือวิธีการล้างสมองที่ทำให้เราเข้าใจวิธีการต่างๆของระบบที่น่าจะเลวที่สุดระบบหนึ่ง (ระบบเผด็จการ) การแสดงของเด็กทั้งสองคนถ่ายทอดความรู้สึกที่แตกต่างกันได้อย่างน่ารักจนทำให้เรารู้สึกสงสารกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิตรภาพระหว่างเด็กท่ามกลางความสิ้นหวังนั้นสดใสและยังเกิดขึ้นเสมอไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะรุนแรงมากแค่ไหนก็ตาม ในส่วนของภาพหรือฉากหลังทำได้ค่อนข้างดีและเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างสองฝั่งรั้วกั้น ดนตรีประกอบช่วยบีบคั้นอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก
ท้ายสุด 'The Boy in the Striped Pyjamas' สามารถพาเราไปถึงสิ่งที่ตัวหนังเองต้องการจะสื่อทั้งความรู้สึกและข้อความที่อยากจะมอบให้คนดู แม้จะมีข้อเสียในเรื่องของระยะเวลาของหนังที่ยังขาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในบางส่วน แต่โดยส่วนรวมแล้วถือเป็นเรื่องราวที่สะท้อนแง่มุมหนึ่งของสงครามที่อาศัยเรื่องราวไร้เดียงสาของเด็กได้สะเทือนอารมณ์ไม่ต่างจากเรื่องราวอื่นๆ ผลกระทบที่หนังเรื่องนี้นำเสนอสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดหรือทำให้เราสะเทือนใจทุกครั้งที่นึกถึง เรื่องราวของบรูโนและชมูเอล จะยังคงทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เสมอ และจะคอยย้ำเตือนเพื่อไม่ให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นอีกอยู่เสมอเช่นเดียวกัน…ในอนาคต
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/