[CR] เที่ยว Maldives แบบ Local มุ่งสู่ bikini beach สัมผัสน้ำทะเลมรกตและแสงแดด winter

สวัสดีค่ะ ได้เวลาลาพักร้อน (vacation leave) จัด Trip ดีๆต้อนรับปีใหม่ 2018 ซึ่งล่าสุดเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาเพิ่งทัวว์ Sydney Melbourne จัดเต็มไป ดังนั้นรอบนี้ จึงขอเป็นทริปเบาๆสบายกระเป๋ากับครอบครัว ซึ่งทุกสิ้นปีจะเป็นวันเกิดของคุณแม่ของดิฉัน รอบนี้จึงชวนคุณแม่ไปด้วยเป็นการให้ของขวัญวันเกิดและปีใหม่ค่ะ  
          ทำไมถึงต้อง Maldives?

         ภาพในใจ หรือ perception ของพวกเราส่วนใหญ่จะนึกถึง Resort ส่วนตัวกลางทะเล (Sea Villa) การดำน้ำที่สวยที่สุดในโลก กิจกรรม High class นอน massage ชมท้องฟ้า อ่านหนังสือ หรือ นอนอาบอ่าง  jagucci ใกล้ชิดกับปลาสวยงาม เป็นสถานที่ถูกใช้ถ่าย Fashion Magazine หรือภาพยนตร์ สวยๆมามากมาย ถ้าเราได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มจะรู้ว่าประเทศ Maldives อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง 26 กลุ่ม (atoll) รวม 1,190 เกาะ มีประชากรอาศัยอยู่เพียงประมาณ 200 เกาะ และได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว 74 เกาะแต่ละเกาะมีไม่กี่ที่พัก จึงมีความเป็นส่วนตัว  และแต่ละเกาะมีความแตกต่าง ข้อดีสำหรับคนไทยคือคนไทยได้รับการยกเว้น Visa ผ่านเข้าประเทศ Maldives (Index)
         แล้วจะเลือก Maldives เกาะไหนดี? ดิฉันคิดว่า จะมาเยี่ยม Maldives มากกว่า 1 ครั้งแน่นอน เพราะแต่ละเกาะก็เที่ยวต่างกัน ไม่ซ้ำ และครั้งแรก เน้นการสำรวจท้องถิ่นและวัฒนธรรมในราคาที่ประหยัดที่สุด
         #Tip เราดู check list ต่อไปนี้

         1. งบประมาณ (Budget) ดิฉันตั้งงบไม่เกิน 30,000 บ./คน รวมที่พัก + ตั๋วเครื่องบินไปกลับ + ประกันเดินทาง + อาหาร และค่าใช้จ่ายส่วนตัว (5 วัน 4 คืน) ซึ่งจะต่ำกว่าครึ่งของการทัวว์ออสเตรเลียของการลาพักร้อนที่ผ่านมา แต่รอบนี้ดิฉันต้องมีค่าใช้จ่าย 2 เท่าเพราะตั้งใจให้คุณแม่เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดด้วย จึงต้องหาแพ็กเกจที่ดีที่สุดและตอบโจทย์การไป Maldives ครั้งนี้
         2.ความคุ้มค่าและส่วนลด (Promotion) ด้วยความที่ช่วงปลายปีงานยุ่งจนไม่มีโอกาสไปงานอีเวนท์ท่องเทียวต่างๆ จึงจบทุกอย่างบนมือถือ เริ่มจากสำรวจราคาตั๋วไป-กลับที่ Air Asia ที่แรก เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ Air Asia มีเที่ยวบิน Maldives ราคาประหยัด หลังจากนั้นได้ โทรเช็คต่อกับบัตรเครดิตต่างๆ ที่ชอบจัด Travel promotion แต่บอกเลยว่า ไม่มี Maldives promotion เลย เพราะคนไทยส่วนมาก นิยมไปประเทศที่อากาศหนาวช่วงปลายปีเช่น เล่นสกีที่ญี่ปุ่น หรือ ยุโรป เป็นต้น ตรงกันข้ามหนุ่มสาว ต่างชาติกลับนิยมมาอาบแดดที่นี่ซึ่งจัดเป็นช่วง high seasons ดังนั้นดิฉันเลยไปจบดีลที่แอป Expedia ที่ใช้ก่อนนี้เพื่อสะสม points
          3. เที่ยวแบบท้องถิ่นสำรวจวัฒนธรรม (Local island culture) เลือกเที่ยวแบบท้องถิ่นแท้ เพื่อสำรวจวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายในการมา Maldives ตั้งแต่แรก โดยเราต้องยอมลืมภาพ Maldives ในนิตยสารแฟชันก่อนนี้ และกล้าที่จะพบความตื่นเต้นใหม่ๆ ที่รอคอยเราอยู่ในทุกการเดินทาง และคุณแม่และครอบครัวชอบกิจกรรมมากกว่านอนเฉยๆอยู่แล้ว ยิ่งตรงใจค่ะ Dive villa Thoddoo ห่างจากเมืองหลวง Male ประมาณ 60 กม. ซึ่งต้องนั่ง speed boat หรือ sea plan จากท่าเรือของสนามบิน ข้ามทะเลไปใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. ค่ะ
อากาศบนเกาะ Maldives ช่วงที่ดิฉันไปจะอยู่ที่ประมาณ 29-31 C ซึ่ง Maldvies อยู่ในเขตร้อนชื้น (Tropical wet)

CR. Photo : Thoddoo island - Dive Villa
         4. อ่านบทวิจารณ์และติดต่อที่พัก (Review and contact) ถ้าใช้ Expedia แบบดิฉัน แนะนำให้ filter เลือกราคาที่ดีที่สุดและได้คะแนน review สูงสุด ซึ่งให้ใช้เวลาอ่าน review สักนิด (ไม่ควรดูแต่ rating) และเมื่อได้ short list 3 อันดับที่พักที่เราพอใจ ให้ chat ไปทาง Facebook เพื่อเช็คว่าผู้จัดการตอบเราอย่างมืออาชีพไหม และแล้วดิฉันและคุณแม่ ก็ได้ที่พักที่ถูกใจ ที่เกาะ Thoddoo ในราคาดี๊ดี และไปกับเพื่อนอีก 2 คนค่ะ รวม 4 คน
         
เตรียมตัวเที่ยว Maldives Local Island อย่างไร?  

         1. สำรวจพื้นที่ล่วงหน้า (Land Observing) ดู Google map เจาะเฉพาะเกาะที่เราจะไปคร่าวๆ ว่ามีอะไรบ้างบริเวณที่พัก ที่สำคัญ มองหาตำแหน่งของร้านสะดวกซื้อไว้ รับรองรอด ถ้าต้องติดเกาะ ไม่จำเป็นต้องทำ routing map แบบ Trip ใหญ่อื่นๆ กรณีพักในเกาะเดียว เพราะ แต่ละเกาะไม่ใหญ่ สถานที่เที่ยวมีไม่กี่จุด สบายกระเป๋า จัดกระเป๋าให้เบาที่สุด ไม่จำเป็นต้อง loads กระเป๋า เพราะจะไม่คล่องตัว ตอนนั่งเรือ และต้องต่อคิวยาวมากในการ loads สัมภาระ ช่วง high season เราควรจัดเสื้อผ้าเบาๆ ให้อยู่ใน 7 กก. และ check in ที่ตู้ kiosk หรือทางเน็ตได้เลยค่ะ ส่วนการเดินทางไปเกาะจากสนามบิน Velana International Airport เมืองหลวง Male (Transfer) ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ด้วยเรือ Speed boat ราคาประมาณ 35 USD/ คน และจะมีอีกทางคือ Seaplane ซึ่งจะราคาสูงมากประมาณ  800-1200 USD/ คน ขึ้นอยู่กับระยะทางค่ะ

Maldives Speed boat
         2.  สำรวจวัฒนธรรม Culture observing รู้หรือไม่คนบนเกาะ Maldives (Maldivian)  นับถือศาสนาอิสลาม (Muslim) เราต้องให้เกียร์ติเมืองเขาโดยการไม่นุ่งสั้นหรือใส่บิกินี่เดินเที่ยวรอบเมือง ผู้หญิงที่นั่นจะแต่งตัวมิดชิดคลุมผ้าศรีษะ แนะนำให้ใส่ขายาว หรือกระโปรงคลุมเข่า แบบพร้ิวๆ ส่วนเวลาเปิดปิดของร้านต่างๆที่เกาะ เพราะเขาจะทำพิธี ซึ่งเราเองไม่ควรไปรบกวนพวกเขาช่วงเวลาที่ร้านปิดค่ะ
รู้จัก Maldives แบบลึกซึ้งดิฉันคงเล่าไม่หมดใน Blog แนะนำให้ดาวน์โหลดคู่มือคนไทยในมัลดีฟส์เก็บไว้เลยค่ะ > Download here

เวลาเปิดปิดของร้านต่างๆใน Maldives
         3 การสื่อสาร (Communication) แนะนำซื้อซิมท้องถิ่น การสื่อสาร ง่ายที่สุด ประหยัดที่สุด และเน็ตแรงสุดคือแวะซื้อซิมท้องถิ่น เช่น Dhiragu ที่ สนามบิน เลือกแพ็กเกจตามความชอบ รอบนี้ไม่แนะนำ International Roaming ใดๆ
         4. ไม่ลืมของสำคัญ (Important staffs!) นอกจาก Passport ให้เราแลกเงินจากประเทศไทยเป็น NEW USD  แนะนำให้แลกที่ Super rich ล่วงหน้าซึ่งจะราคาดีกว่าเราไปแลกที่สนามบินค่ะ แต่สกุลเงินที่โน่นคือ RFM (Maldivan Rufiyaa) ซึ่งคนท้องถิ่นสามารถรับเงิน USD เราได้ แต่เขามักจะทอนเป็น RFM ค่ะ และอย่าลืมทำประกันเดินทาง อื่นๆคือหยูกยาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพราะโรงพยาบาลอาจจะมีแค่ 1 แห่งในเกาะซึ่งเรียกว่า Health Center อย่าลืมยากันยุงด้วยนะคะ

         เที่ยว Maldives แบบมีสไตล์ สบายกระเป๋า เราทำกิจกรรมอะไรบ้างดี?

         1. พักบังกะโลแทนรีสอร์ต
          ดิฉันเลือก Dive Villa Thoddoo ระดับ 3 ดาว ซึ่งมีห้องพักเพียง 8 ห้อง มีความเป็นส่วนตัว และเป็นสไตล์ครอบครัว อยู่ใกล้ท่าเรือ และไม่ไกลจากชายหาด ตั้งอยู่ที่เกาะ Thodoo จุดเด่นที่น่าประทับใจและขอชื่นชมคือการดูแลต้อนรับลูกค้าเหมือนครอบครัว ผู้จัดการและทีมงานทุกคน ใจดีและมีน้ำใจ ทั้งๆที่มีทีมงานไม่น่าเกิน 10 คน ซึ่งเรา chat ไปทาง FB กับผู้จัดการ ก็เตรียมส่งคนมารับที่สนามบิน ขนของและขับ Speed boat ไปส่งที่เกาะ และต้อนรับด้วยน้ำมะพร้าวสดๆจากเกาะ อร่อยมาก ข้อดีของการเลือกพักแบบนี้ จะลดต้นทุนหลักได้สูงหลายแสนบาท และได้สัมผัสความเป็นอยู่แบบคนท้องถิ่น ที่ห่างไกลจากระบบทุนนิยม ซึ่งที่นี่สอนให้เรารู้จัก “Go green” พยายามอธิบายว่า ทำไมถึงให้ปิดแอร์ ไม่ใช่ประหยัดขนาดนั้น แต่คือการรักษาโลก โดยเกิดระบบ Win-Win เพราะอากาศที่นี่ร้อน ประมาณ 29-31 c เมื่อเราเปิดแอร์จะยิ่งทำให้อากาศข้างนอกร้อนขึ้นและเราเองออกมาข้างนอกห้องจะยิ่งรู้สึกร้อน คำแนะนำคือเปิดแอร์แค่ช่วงเวลาหนึ่งและห้องจะเก็บความเย็นได้ และเปิดพัดลมจะเย็นสบาย ซี่งเราได้ลองก็เป็นอย่างที่เขาแนะนำจริงค่ะ นอกจากนั้นมีร้านอาหารและบาร์ตกแต่งสไตล์เรือโจรสลัดเท่ๆ โดยทีมงานตกแต่งเลื่อยไม้สร้างกันเอง และแม่ครัวทำอาหารสไตล์ท้องถิ่นได้อร่อยเป็นพิเศษ คนเดียวทำให้ทั้งบังกะโล สตรองมากค่ะ และมีการปลูกมะพร้าว มะละกอทานกันเอง อร่อยแบบ Tropical local แท้ค่ะ

         2. กินปลาท้องถิ่นแทนทูน่า (Sake fish/local vahoo) บอกเลยว่าคุณจะได้รับอรรถรสชั้นเยี่ยม ปลาตัวใหญ่ราวๆกว่า 2 กิโล เนื้อปลาที่แน่น ไม่เละ เคี้ยวแล้วมีกลิ่นหอมหวาน ผ่านการ grill เบาๆ จัดจานด้วยมะนาวชาวเกาะลูกใหญ่พิเศษ สุดยอดค่ะ ซึ่งแม่ครัวบอกว่าวันนี้ได้ปลาเล็กกว่าปกติ และมีตัวเดียว รวมถึงเป็นวันเกิดคุณแม่ เราจึงได้ทานปลาฉลองวันเกิดในราคาพิเศษ แถมไม่คิดค่าสลัดและข้าวซึ่งจัดเป็น appetizer คำถามคือนี่ตัวเล็กกว่าปกติจริงหรอ?

         4. ปั่นจักรยานรอบเกาะแทนการเดิน Thoddoo island เป็นเกาะเล็กๆ ถัาพี่ตูน บอดี้ สแลม มาวิ่งคงเป็นเรื่องสบาย ส่วนเราๆ สามารถเดินหรือปั่น ตาม Google map ง่ายๆ ถ้าหลงก็ถามทางคนที่เราเจอเป็นภาษาอังกฤษได้ หรือบางคนที่เราเจอไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เขาจะชี้ให้ถามเพื่อนเขา สรุปคนบนเกาะที่ดิฉันเจอ มีน้ำใจและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดีมากค่ะ ปั่นบนถนนดินได้ แต่ปั่นบนทรายไม่ได้นะจ้ะ