#ก่อนอื่นต้องบอกก่อนค่ะว่าเรื่องที่เรานำมาเล่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด บางครั้งก็เกิดกับคนไกล้ตัว รวมไปถึงประสบการณ์ของตัวเองที่ได้เจอมา เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาขอเล่าเลยแล้วกันนะคะ (อาจจะพิมพ์ตกหล่นบ้างขออภัยนะคะ)
#1_เรื่องสมัยเรียน
เราเป็นเด็กหอ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำค่ะ ต้องบอกก่อนว่าพอมาเรียนที่นี่มีเรื่องเล่าเยอะมาก ทั้งฟังจากรุ่นพี่ จากอาจารย์ และจากตัวเองที่เจอรวมไปถึงคนรอบข้าง วันนี้จึงขอนำมาเล่าเป็นบางส่วนนะคะ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล่าของอาจารย์ท่านนึง ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชานาฏศิลป์ของโรงเรียน อาจารย์ ย.อยู่สอนที่นี่มาเกือบ20ปีได้แล้ว (*ขอเรียกชื่อย่อเป็น อจ.ย นะคะ) อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นโรงเรียนประจำ
มักจะมีการผลัดเปลี่ยนเวรอาจารย์คอยตรวจตราที่หอพักอยู่ตลอดทุกคืน อจ.ย เล่าว่าคืนนั้นเป็นคืนที่นักเรียนลงมาประชุมหน้าเสาธงทุกคืนวันศุกร์ อจ.ยได้เดินขึ้นไปตรวจที่หอพักหญิงเพื่อจะได้ตรวจดูว่ามีนักเรียนคนไหนที่ไม่ลงไปประชุมหรือป่าว ตอนนั้นไฟในหอปิดหมด คือมืดมาก อจ.ยก็เดินตามทางบันได ไปถึงชั้น4. ขณะที่กำลังเดินไปถึงชั้น5 อจ.ย เล่าว่าได้มีนักเรียนหญิงคนนึง มองจากความมืดคือกำลังใส่ชุดนักเรียนอยู่ วิ่งพรวดลงมาแบบไวมาก วิ่งผ่านอาจารย์ไปในความมืด อจ.ยกำลังจะเรียกมาถามว่าทำไมไม่ลงไปประชุม แต่นักเรียนคนนั้นวิ่งไปไวมากจนไม่ทันจะเรียก อจ.ย นึกสงสัยว่าป่านนี้แล้วทำไมเด็กนักเรียนคนนั้นยังอยู่ในชุดเครื่องแบบ ทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนชุดลำลองเหมือนคนอื่น อีกใจนึง อจ.ย คิดว่าเด็กนักเรียนคนนั้นอาจจะรู้ว่าอจ.ย จะมาตรวจเวรเลยรีบวิ่งลงไปหรือเปล่า เพียงชั่วอึดใจเดียวที่ อจ.ย
กำลังยืนนึกคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนวิ่งมาอย่างเร็วจากชั้นล่างกำลังจะขึ้นมาที่ชั้น5ซึ่งอาจารย์ยืนอยู่ เสียงวิ่งนั้นดังขึ้นมาเรื่อยๆๆจนจะถึงชั้นที่ อจ.ย ยืนอยู่ อาจารย์จึงเดินจ้ำๆเลยไปถึงชั้นดาดฟ้าเพื่อจะรอดักใครสักคนที่กำลังวิ่งขึ้นมา แต่แล้วเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงชั้น5. อาจารย์ก็มองลงทางช่องบันได แต่ก็ไม่เห็นใคร ในขณะนั้นอาจารย์กำลังจะเดินลงไปสำรวจ ปรากฎว่าประตูดาดฟ้าของชั้น6 ก็มีลมตีแรงมากจนเกิดเสียงดัง อาจารย์จึงหยุดชะงักและรีบวิ่งไปทางดาดฟ้าทันที เพราะคิดว่าอาจจะมีเด็กนักเรียนคนอื่นแอบอยู่ก็ได้ อจ.เล่าว่าตอนนั้น อจ.ก็เปิดประตูพรวดออกไป เมื่อเปิดออกไป ภาพที่เห็นจนเกือบทำให้ อาจารย์ช๊อก
แทบสติหลุด ! คือเห็นเด็กนักเรียนมอปลายคนนึงกำลังนั่งบนขอบดาดฟ้า คล้ายๆจะโดดลงไป
คือนั่งแบบนิ่งๆผมเผ้ารุงรัง แต่ก็ยังใจดีสู้เสือคิดว่าเป็นเด็กนักเรียนที่อาจกำลังคิดไม่ดีจะทำร้ายตัวเอง ทันใดนั้นอาจารย์ตะโกนอ้าปากบอกให้ลงมา อย่าทำแบบนี้ แต่เด็กคนนั้นก็กระโดดพรวดลงไปต่อหน้าต่อตา อาจารย์บอกว่าอาจารย์กรี้ดจนเสียงแตก แล้วรีบวิ่งไปดูมองลงไปข้างล่าง แต่สิ่งที่ช๊อคยิ่งกว่า กลับไม่พบร่างของเด็กคนนั้นเลย ตอนนั้นอาจารย์เล่าว่าสติแทบหลุดและคิดว่าต้องเจอแน่ๆแล้ว ทันใดนั้นอาจารย์ตั้งสติได้รีบจ้ำอ้าวลงบันไดไป...
จุดที่พีคที่สุดคือ ขณะที่อาจารย์กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันได ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งขึ้นมาแบบตอนแรกที่ได้ยิน อาจารย์จับราวบันได พร้อมกับหลับตา สวดมนต์อยู่ในใจ สลับกับวิ่งๆเดิน คือคลำทางลงเอาค่ะ แล้วเสียงวิ่งนั้นก็เหมือนจะผ่านอาจารย์ไป จนขาอาจารย์แข็ง ลืมตามาอีกทีก็ลงมาถึงชั้นล่างของหอแล้ว ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าเป็นครั้งแรกที่เจอหนักขนาดนี้ จนตอนนั้นอาจารย์ต้องขอลางานอาทิตย์นึงเลยค่ะ เรื่องนี้ก็ดังมากจากรุ่นสู่รุ่น ส่วนเราได้ฟังจากปากอาจารย์เลยค่ะ เพราะได้เข้าเรียนวิชานาฏศิลป์กับอาจารย์.ย เป็นประจำ เรื่องก้อมีเท่านี้ค่ะ.
#2_เพื่อนไม่สบายจนเจอดี
เหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องราวของเพื่อนเราค่ะ เกิดขึ้นสมัยยังเรียนอยู่มัธยมต้น โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนประจำ ในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์จะมีการประชุมรวมทุกค่ำก่อนนอน การประชุมจะเริ่มตั้งแต่ทุ่มนึงจนไปถึงสาม-สี่ทุ่ม ก่อนจะลงไปประชุมรวมที่หน้าเสาธง มีเพื่อนคนนึงในหอซึ่งเป็นคนที่เรารู้จัก นางไม่สบายจึงขอตัวไม่ลงไปประชุม นางขอนอนพักอยู่บนหอ จากนั้นพวกเราทุกคนก็ลงไปประชุมกันตามปกติ
จนล่วงเข้าเวลาสี่ทุ่มกว่าถึงจะกลับขึ้นไปบนหอ พอทุกคนกลับมาที่ห้องพักรวมไปถึงตัวเราด้วย
ก็เห็นเพื่อนที่ไม่สบาย นอนในสภาพที่ตัวเกร็ง มือหงิก เหมือนคนจะเป็นลมชัก ตอนนั้นทุกคนตกใจมาก ช่วยกันบีบนวด ส่วนเราก็เอายาดมให้เพื่อนดม สักพักเหมือนเพื่อนจะรู้สึกตัวและอาการชักเริ่มหายไป เท่านั้นแหล่ะเพื่อนกรีดร้องเลย อาการเหมือนคนตกใจกลัว ตัวสั่นเหมือนคนทรงเจ้า ทุกคนถามเพื่อนว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น นางก็เอาแต่ร้องให้ไม่ยอมหยุด จนมีรุ่นพี่คนนึงที่พักอยู่ชั้นเดียวกัน ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากห้องของพวกเรา รุ่นพี่คนนี้จึงเดินเข้ามาพร้อมกับสร้อยพระในมือ เมื่อถึงตัวของเพื่อนเรารุ่นพี่จึงรีบสวมสร้อยพระให้ เพื่อนของเราจากตอนแรกที่ตัวสั่นและร้องให้ไม่หยุด ตอนนี้นางก็เริ่มจะสงบลงบ้างแล้ว เราทุกคนจึงพาเพื่อนลงไปข้างล่างหอเพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิด รุ่นพี่ที่สวมพระให้ก็เริ่มถามก่อน "เราเจอใช่มั้ย" ตอนนั้นพวกเราก้อมองหน้ากันไปมา เพื่อนของเราที่ไม่สบายนางก็เริ่มเล่าว่า "ตอนที่ทุกคนลงไปจากหอแล้ว นางก็นอนพักผ่อนตามปกติ พอไกล้ๆจะเคลิ้มนางก็รู้สึกว่าเหมือนกับมีคนมาเดินรอบๆเตียงนอน ตอนนั้นนางคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนคนอื่นที่ไม่ลงไปประชุม นางบอกนางก็ไม่ได้สนใจอะไร สักพักนางก็นอนพลิกตัวไปทางซ้ายมือซึ่งหันไปก็เป็นกำแพง นางก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาทางข้างหลัง ที่รู้ว่ายืนอยู่ข้างหลังเพราะฟังจากเสียงเท้าที่เดินลากกับพื้น เเละมาหยุดยืน แต่เพื่อนก็ไม่ได้สนใจที่จะหันไปมอง สักพักนางก็ได้ยินเสียงคนๆนั้นพูดขึ้นมาแบบลากๆช้าๆยานๆว่า ขอออ...นอนนน..ด้วยยย...คนนน...นะ !!! เพื่อนเราด้วยความที่สะลึมสะลืออยู่ จึงตอบไปว่า อืมมม ! โดยที่ยังไม่หันมามองเหมือนเดิม สักพักนางบอกรู้สึกเหมือนเตียงยวบแรงมาก ไม่เหมือนคนที่ล้มตัวลงมานอน แต่เหมือนกะโดดทับลงมานอนข้างๆนาง ! นางก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมรุนแรงจัง สักพักคนๆนั้นก็เริ่มเบียดตัวเองเข้ามาไกล้ๆไกล้ๆ ไกล้จนนางจะตกเตียง นางรู้สึกหงุดหงิดจึงจะหันไปตวาด แต่พอนางหันไปภาพที่เห็นจึงทำให้นางแทบช้อก
เพราะคนๆนั้น นอนในลักษณะเหมือนผ้าที่คลุมศพยังไงยังงั้นเลย แต่ที่ช้อกกว่า คือลักษณะของคนๆนั้นหันหัวมาหานางเต็มๆแต่ตัวหันตะแคงไปทางฝั่งขวา คือนอนหันหลังให้แต่หัวหันมาใส่เต็มหน้า ลักษณะใบหน้าคือขาวโพลน เบ้าตาลึกโบ๋วว และมีเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ เพื่อนบอกวินาทีนั้นสติหลุด จะกรี้ดก้อกรี้ดไม่ออก ได้แต่ท่องพ่อแก้วแม่เเก้ว ยิ่งสวดมนต์ในใจเสียงหัวเราะก็ยิ่งดังๆ จนนางหลุดพ้นจากตรงนั้นเมื่อตอนที่พวกเราขึ้นมาบนหอ นางบอกนางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองช้อก เพราะวินาทีนั้นรู้สึกเหมือนนานมาก ใจสั่นระรัวไปหมด ในขณะที่นางเล่าตัวนางก็จะสั่น เสียงสั่นตลอดเวลา คืนนั้นทุกคนก็แทบจะไม่ได้นอนกันเลย เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง พออาทิตย์ต่อมาก็เป็นช่วงปิดเทอมของช่วงนั้นพอดี นางฝืนอยู่จนจบเทอมแล้วขอลาออกทันที เรื่องก็มีเท่านี้ค่ะ
#มีประสบการณ์หลอนๆขนหัวลุกมาเล่าให้ฟังค่ะ
#1_เรื่องสมัยเรียน
เราเป็นเด็กหอ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำค่ะ ต้องบอกก่อนว่าพอมาเรียนที่นี่มีเรื่องเล่าเยอะมาก ทั้งฟังจากรุ่นพี่ จากอาจารย์ และจากตัวเองที่เจอรวมไปถึงคนรอบข้าง วันนี้จึงขอนำมาเล่าเป็นบางส่วนนะคะ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล่าของอาจารย์ท่านนึง ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชานาฏศิลป์ของโรงเรียน อาจารย์ ย.อยู่สอนที่นี่มาเกือบ20ปีได้แล้ว (*ขอเรียกชื่อย่อเป็น อจ.ย นะคะ) อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นโรงเรียนประจำ
มักจะมีการผลัดเปลี่ยนเวรอาจารย์คอยตรวจตราที่หอพักอยู่ตลอดทุกคืน อจ.ย เล่าว่าคืนนั้นเป็นคืนที่นักเรียนลงมาประชุมหน้าเสาธงทุกคืนวันศุกร์ อจ.ยได้เดินขึ้นไปตรวจที่หอพักหญิงเพื่อจะได้ตรวจดูว่ามีนักเรียนคนไหนที่ไม่ลงไปประชุมหรือป่าว ตอนนั้นไฟในหอปิดหมด คือมืดมาก อจ.ยก็เดินตามทางบันได ไปถึงชั้น4. ขณะที่กำลังเดินไปถึงชั้น5 อจ.ย เล่าว่าได้มีนักเรียนหญิงคนนึง มองจากความมืดคือกำลังใส่ชุดนักเรียนอยู่ วิ่งพรวดลงมาแบบไวมาก วิ่งผ่านอาจารย์ไปในความมืด อจ.ยกำลังจะเรียกมาถามว่าทำไมไม่ลงไปประชุม แต่นักเรียนคนนั้นวิ่งไปไวมากจนไม่ทันจะเรียก อจ.ย นึกสงสัยว่าป่านนี้แล้วทำไมเด็กนักเรียนคนนั้นยังอยู่ในชุดเครื่องแบบ ทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนชุดลำลองเหมือนคนอื่น อีกใจนึง อจ.ย คิดว่าเด็กนักเรียนคนนั้นอาจจะรู้ว่าอจ.ย จะมาตรวจเวรเลยรีบวิ่งลงไปหรือเปล่า เพียงชั่วอึดใจเดียวที่ อจ.ย
กำลังยืนนึกคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนวิ่งมาอย่างเร็วจากชั้นล่างกำลังจะขึ้นมาที่ชั้น5ซึ่งอาจารย์ยืนอยู่ เสียงวิ่งนั้นดังขึ้นมาเรื่อยๆๆจนจะถึงชั้นที่ อจ.ย ยืนอยู่ อาจารย์จึงเดินจ้ำๆเลยไปถึงชั้นดาดฟ้าเพื่อจะรอดักใครสักคนที่กำลังวิ่งขึ้นมา แต่แล้วเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงชั้น5. อาจารย์ก็มองลงทางช่องบันได แต่ก็ไม่เห็นใคร ในขณะนั้นอาจารย์กำลังจะเดินลงไปสำรวจ ปรากฎว่าประตูดาดฟ้าของชั้น6 ก็มีลมตีแรงมากจนเกิดเสียงดัง อาจารย์จึงหยุดชะงักและรีบวิ่งไปทางดาดฟ้าทันที เพราะคิดว่าอาจจะมีเด็กนักเรียนคนอื่นแอบอยู่ก็ได้ อจ.เล่าว่าตอนนั้น อจ.ก็เปิดประตูพรวดออกไป เมื่อเปิดออกไป ภาพที่เห็นจนเกือบทำให้ อาจารย์ช๊อก
แทบสติหลุด ! คือเห็นเด็กนักเรียนมอปลายคนนึงกำลังนั่งบนขอบดาดฟ้า คล้ายๆจะโดดลงไป
คือนั่งแบบนิ่งๆผมเผ้ารุงรัง แต่ก็ยังใจดีสู้เสือคิดว่าเป็นเด็กนักเรียนที่อาจกำลังคิดไม่ดีจะทำร้ายตัวเอง ทันใดนั้นอาจารย์ตะโกนอ้าปากบอกให้ลงมา อย่าทำแบบนี้ แต่เด็กคนนั้นก็กระโดดพรวดลงไปต่อหน้าต่อตา อาจารย์บอกว่าอาจารย์กรี้ดจนเสียงแตก แล้วรีบวิ่งไปดูมองลงไปข้างล่าง แต่สิ่งที่ช๊อคยิ่งกว่า กลับไม่พบร่างของเด็กคนนั้นเลย ตอนนั้นอาจารย์เล่าว่าสติแทบหลุดและคิดว่าต้องเจอแน่ๆแล้ว ทันใดนั้นอาจารย์ตั้งสติได้รีบจ้ำอ้าวลงบันไดไป...
จุดที่พีคที่สุดคือ ขณะที่อาจารย์กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันได ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งขึ้นมาแบบตอนแรกที่ได้ยิน อาจารย์จับราวบันได พร้อมกับหลับตา สวดมนต์อยู่ในใจ สลับกับวิ่งๆเดิน คือคลำทางลงเอาค่ะ แล้วเสียงวิ่งนั้นก็เหมือนจะผ่านอาจารย์ไป จนขาอาจารย์แข็ง ลืมตามาอีกทีก็ลงมาถึงชั้นล่างของหอแล้ว ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าเป็นครั้งแรกที่เจอหนักขนาดนี้ จนตอนนั้นอาจารย์ต้องขอลางานอาทิตย์นึงเลยค่ะ เรื่องนี้ก็ดังมากจากรุ่นสู่รุ่น ส่วนเราได้ฟังจากปากอาจารย์เลยค่ะ เพราะได้เข้าเรียนวิชานาฏศิลป์กับอาจารย์.ย เป็นประจำ เรื่องก้อมีเท่านี้ค่ะ.
#2_เพื่อนไม่สบายจนเจอดี
เหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องราวของเพื่อนเราค่ะ เกิดขึ้นสมัยยังเรียนอยู่มัธยมต้น โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนประจำ ในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์จะมีการประชุมรวมทุกค่ำก่อนนอน การประชุมจะเริ่มตั้งแต่ทุ่มนึงจนไปถึงสาม-สี่ทุ่ม ก่อนจะลงไปประชุมรวมที่หน้าเสาธง มีเพื่อนคนนึงในหอซึ่งเป็นคนที่เรารู้จัก นางไม่สบายจึงขอตัวไม่ลงไปประชุม นางขอนอนพักอยู่บนหอ จากนั้นพวกเราทุกคนก็ลงไปประชุมกันตามปกติ
จนล่วงเข้าเวลาสี่ทุ่มกว่าถึงจะกลับขึ้นไปบนหอ พอทุกคนกลับมาที่ห้องพักรวมไปถึงตัวเราด้วย
ก็เห็นเพื่อนที่ไม่สบาย นอนในสภาพที่ตัวเกร็ง มือหงิก เหมือนคนจะเป็นลมชัก ตอนนั้นทุกคนตกใจมาก ช่วยกันบีบนวด ส่วนเราก็เอายาดมให้เพื่อนดม สักพักเหมือนเพื่อนจะรู้สึกตัวและอาการชักเริ่มหายไป เท่านั้นแหล่ะเพื่อนกรีดร้องเลย อาการเหมือนคนตกใจกลัว ตัวสั่นเหมือนคนทรงเจ้า ทุกคนถามเพื่อนว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น นางก็เอาแต่ร้องให้ไม่ยอมหยุด จนมีรุ่นพี่คนนึงที่พักอยู่ชั้นเดียวกัน ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากห้องของพวกเรา รุ่นพี่คนนี้จึงเดินเข้ามาพร้อมกับสร้อยพระในมือ เมื่อถึงตัวของเพื่อนเรารุ่นพี่จึงรีบสวมสร้อยพระให้ เพื่อนของเราจากตอนแรกที่ตัวสั่นและร้องให้ไม่หยุด ตอนนี้นางก็เริ่มจะสงบลงบ้างแล้ว เราทุกคนจึงพาเพื่อนลงไปข้างล่างหอเพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิด รุ่นพี่ที่สวมพระให้ก็เริ่มถามก่อน "เราเจอใช่มั้ย" ตอนนั้นพวกเราก้อมองหน้ากันไปมา เพื่อนของเราที่ไม่สบายนางก็เริ่มเล่าว่า "ตอนที่ทุกคนลงไปจากหอแล้ว นางก็นอนพักผ่อนตามปกติ พอไกล้ๆจะเคลิ้มนางก็รู้สึกว่าเหมือนกับมีคนมาเดินรอบๆเตียงนอน ตอนนั้นนางคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนคนอื่นที่ไม่ลงไปประชุม นางบอกนางก็ไม่ได้สนใจอะไร สักพักนางก็นอนพลิกตัวไปทางซ้ายมือซึ่งหันไปก็เป็นกำแพง นางก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาทางข้างหลัง ที่รู้ว่ายืนอยู่ข้างหลังเพราะฟังจากเสียงเท้าที่เดินลากกับพื้น เเละมาหยุดยืน แต่เพื่อนก็ไม่ได้สนใจที่จะหันไปมอง สักพักนางก็ได้ยินเสียงคนๆนั้นพูดขึ้นมาแบบลากๆช้าๆยานๆว่า ขอออ...นอนนน..ด้วยยย...คนนน...นะ !!! เพื่อนเราด้วยความที่สะลึมสะลืออยู่ จึงตอบไปว่า อืมมม ! โดยที่ยังไม่หันมามองเหมือนเดิม สักพักนางบอกรู้สึกเหมือนเตียงยวบแรงมาก ไม่เหมือนคนที่ล้มตัวลงมานอน แต่เหมือนกะโดดทับลงมานอนข้างๆนาง ! นางก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมรุนแรงจัง สักพักคนๆนั้นก็เริ่มเบียดตัวเองเข้ามาไกล้ๆไกล้ๆ ไกล้จนนางจะตกเตียง นางรู้สึกหงุดหงิดจึงจะหันไปตวาด แต่พอนางหันไปภาพที่เห็นจึงทำให้นางแทบช้อก
เพราะคนๆนั้น นอนในลักษณะเหมือนผ้าที่คลุมศพยังไงยังงั้นเลย แต่ที่ช้อกกว่า คือลักษณะของคนๆนั้นหันหัวมาหานางเต็มๆแต่ตัวหันตะแคงไปทางฝั่งขวา คือนอนหันหลังให้แต่หัวหันมาใส่เต็มหน้า ลักษณะใบหน้าคือขาวโพลน เบ้าตาลึกโบ๋วว และมีเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ เพื่อนบอกวินาทีนั้นสติหลุด จะกรี้ดก้อกรี้ดไม่ออก ได้แต่ท่องพ่อแก้วแม่เเก้ว ยิ่งสวดมนต์ในใจเสียงหัวเราะก็ยิ่งดังๆ จนนางหลุดพ้นจากตรงนั้นเมื่อตอนที่พวกเราขึ้นมาบนหอ นางบอกนางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองช้อก เพราะวินาทีนั้นรู้สึกเหมือนนานมาก ใจสั่นระรัวไปหมด ในขณะที่นางเล่าตัวนางก็จะสั่น เสียงสั่นตลอดเวลา คืนนั้นทุกคนก็แทบจะไม่ได้นอนกันเลย เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง พออาทิตย์ต่อมาก็เป็นช่วงปิดเทอมของช่วงนั้นพอดี นางฝืนอยู่จนจบเทอมแล้วขอลาออกทันที เรื่องก็มีเท่านี้ค่ะ