สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมมีเรื่องราวที่อยากจะมาบอกเล่าเป็นอุทาหรณ์ เป็นเหตุการณ์ความซวยที่เกิดขึ้นในครอบครัวเลยก็ว่าได้
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ขอย้อนเวลาเริ่มต้นเรื่องไปเมื่อประมาณ 5 ปีก่อนครับ
ครอบครัวผมค่อนข้างชอบการทำบุญครับโดยเฉพาะคุณพ่อ ท่านชอบมากถึงมากที่สุด ชอบไปตามวัดนู้นวัดนี้
วันหนึ่งคุณพ่อได้รับคำแนะนำจากเพื่อนของคุณพ่อครับว่าพระที่วัดนี้ท่านดัง มีชื่อเสียงด้านนั้นด้านนี้ ศักดิ์สิทธิ์
ท่านอยู่ที่วัดหนึ่งในจังหวัดอยุธยาครับ (ชื่อของท่านขึ้นต้นด้วยอักษรภาษาไทยตัวท้ายๆตามหลักการนับพยัญชนะ)
เมื่อเพื่อนแนะนำ คุณพ่อเลยไปกราบไหว้ท่านครับ แรกๆเข้าไปหาท่าน ท่านก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีครับ
เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นเป็นที่เรื่องลือพอสมควรครับ ครอบครัวของเราจึงไปกราบท่านบ่อยๆครับ ไปทำบุญบ้าง ถวายสังฆทานบ้าง
เอารถไปให้ท่านเจิมบ้าง คุณพ่อเลยกลายเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งที่ไปหาท่านบ่อยพอสมควรครับ ท่านพาชมวัด พาชมที่ดินที่บอกว่าซื้อไว้เพื่อสร้างนั่นสร้างนี่
พาไปเยี่ยมแม่ของท่านที่นอนเจ็บป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เวลาผ่านไปเป็นปีๆเลยครับที่คุณพ่อไปกราบพระรูปนี้อยู่เรื่อยๆ จนมาถึงปีหลังๆครับ ลูกศิษย์คนอื่นๆของท่านไม่ค่อยมาเยี่ยมมาเยียนเท่าไหร่ จะมีแต่คุณพ่อและลูกศิษย์ไม่กี่คนที่ยังคงไปกราบไหว้อยู่
ช่วงหลังๆเริ่มมีการทักไลน์มาบ่อยๆครับ มาบอกบุญเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องให้ช่วยค่าน้ำค่าไฟ เรื่องให้ช่วยค่าปั๊มสูบน้ำเพราะตอนนั้นน้ำท่วมวัด
จนมาถึงจุดพีคขอเรื่องครับ ท่านทักไลน์มาขอยืมเงินคุณพ่อจำนวนกว่า 3 แสนบาท เป็นเงินที่จำนวนมากพอสมควรครับ แต่คุณพ่อก็ให้ยืมไป
ด้วยความที่สนิทและรู้จักกันมาหลายปี แต่คุณพ่อไม่ได้บอกคนที่บ้านเลยครับว่าให้เงินพระท่านยืมไป 3 แสน เพราะคิดว่าเดี๋ยวได้คืนคงไม่มีปัญาอะไร
แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น เมื่อพระท่านเริ่มไม่ตอบไลน์ ตอบน้อยลง ไม่ส่งอะไรมาบ่อยเหมือนแต่ก่อน จนในที่สุด
บล็อคเบอร์ บล็อคไลน์ของคุณพ่อไปเลย เวลาผ่านไปนานพอสมควรครับ จนคุณพ่อแน่ใจว่าคงไม่ได้เงินคืนแล้ว จึงมาบอกกับที่บ้านว่าให้เงินพระท่านยืมไป แล้วก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก็โดนคุณแม่สวดไปชุดใหญ่เหมือนกันครับ
ทำไมถึงตัดสินใจมาเล่า?
ทีแรกจะไม่เล่าเรื่องนี้ครับ เพราะถือว่ามันผ่านๆไปแล้ว แต่ที่มาเล่าเพราะวันนี้ครับ พระท่านทักไลน์คุณแม่มา ท่านคงลืมว่ามีไลน์คุณแม่ด้วยและไม่ได้บล็อคไลน์คุณแม่ ท่านส่งพวกรูปภาพอวยพรปีใหม่มาครับ เราเห็นดังนั้นก็เลยพิมพ์ทวงเงินไป 5555 ท่านอ่านแค่ประโยคแรกครับ พอรู้ว่ายืมเงินเลยไม่อ่านอีกเลย
อีกเหตุผลที่มาเล่าคืออยากแชร์ประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาครับ อยากให้ทุกคนระวังตัวกันนิดนึง เรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใคร ขนาดพระที่รักษาศีล 227 ข้อ ยังกล้าทำเรื่องแบบนี้เลย เราไม่ว่าพระหรือวงการศาสนานะครับ แต่คนที่เอาผ้าเหลืองมาห่มต่างหากที่ทำให้ศาสนาเสื่อมลง
จากนี้ใครจะนับถือพระหรือชอบทำบุญก็ชั่งใจนิดนึงครับ นับถือแต่พอดี ทำบุญแต่พอประมาณ จะได้ไม่ถูกหลอกแบบครอบครัวผม
ใครที่อ่านแล้วจะแชร์เป็นอุทาหรณ์ เรายินดีครับ แต่รบกวนอย่าด่านะครับ โดนด่าว่าโง่มาเยอะแล้วครับ 555 ขอบคุณที่รับฟังครับ
อุทาหรณ์สอนใจ นับถือโจรในคราบผ้าเหลือง
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ขอย้อนเวลาเริ่มต้นเรื่องไปเมื่อประมาณ 5 ปีก่อนครับ
ครอบครัวผมค่อนข้างชอบการทำบุญครับโดยเฉพาะคุณพ่อ ท่านชอบมากถึงมากที่สุด ชอบไปตามวัดนู้นวัดนี้
วันหนึ่งคุณพ่อได้รับคำแนะนำจากเพื่อนของคุณพ่อครับว่าพระที่วัดนี้ท่านดัง มีชื่อเสียงด้านนั้นด้านนี้ ศักดิ์สิทธิ์
ท่านอยู่ที่วัดหนึ่งในจังหวัดอยุธยาครับ (ชื่อของท่านขึ้นต้นด้วยอักษรภาษาไทยตัวท้ายๆตามหลักการนับพยัญชนะ)
เมื่อเพื่อนแนะนำ คุณพ่อเลยไปกราบไหว้ท่านครับ แรกๆเข้าไปหาท่าน ท่านก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีครับ
เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นเป็นที่เรื่องลือพอสมควรครับ ครอบครัวของเราจึงไปกราบท่านบ่อยๆครับ ไปทำบุญบ้าง ถวายสังฆทานบ้าง
เอารถไปให้ท่านเจิมบ้าง คุณพ่อเลยกลายเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งที่ไปหาท่านบ่อยพอสมควรครับ ท่านพาชมวัด พาชมที่ดินที่บอกว่าซื้อไว้เพื่อสร้างนั่นสร้างนี่
พาไปเยี่ยมแม่ของท่านที่นอนเจ็บป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เวลาผ่านไปเป็นปีๆเลยครับที่คุณพ่อไปกราบพระรูปนี้อยู่เรื่อยๆ จนมาถึงปีหลังๆครับ ลูกศิษย์คนอื่นๆของท่านไม่ค่อยมาเยี่ยมมาเยียนเท่าไหร่ จะมีแต่คุณพ่อและลูกศิษย์ไม่กี่คนที่ยังคงไปกราบไหว้อยู่
ช่วงหลังๆเริ่มมีการทักไลน์มาบ่อยๆครับ มาบอกบุญเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องให้ช่วยค่าน้ำค่าไฟ เรื่องให้ช่วยค่าปั๊มสูบน้ำเพราะตอนนั้นน้ำท่วมวัด
จนมาถึงจุดพีคขอเรื่องครับ ท่านทักไลน์มาขอยืมเงินคุณพ่อจำนวนกว่า 3 แสนบาท เป็นเงินที่จำนวนมากพอสมควรครับ แต่คุณพ่อก็ให้ยืมไป
ด้วยความที่สนิทและรู้จักกันมาหลายปี แต่คุณพ่อไม่ได้บอกคนที่บ้านเลยครับว่าให้เงินพระท่านยืมไป 3 แสน เพราะคิดว่าเดี๋ยวได้คืนคงไม่มีปัญาอะไร
แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น เมื่อพระท่านเริ่มไม่ตอบไลน์ ตอบน้อยลง ไม่ส่งอะไรมาบ่อยเหมือนแต่ก่อน จนในที่สุด
บล็อคเบอร์ บล็อคไลน์ของคุณพ่อไปเลย เวลาผ่านไปนานพอสมควรครับ จนคุณพ่อแน่ใจว่าคงไม่ได้เงินคืนแล้ว จึงมาบอกกับที่บ้านว่าให้เงินพระท่านยืมไป แล้วก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก็โดนคุณแม่สวดไปชุดใหญ่เหมือนกันครับ
ทำไมถึงตัดสินใจมาเล่า?
ทีแรกจะไม่เล่าเรื่องนี้ครับ เพราะถือว่ามันผ่านๆไปแล้ว แต่ที่มาเล่าเพราะวันนี้ครับ พระท่านทักไลน์คุณแม่มา ท่านคงลืมว่ามีไลน์คุณแม่ด้วยและไม่ได้บล็อคไลน์คุณแม่ ท่านส่งพวกรูปภาพอวยพรปีใหม่มาครับ เราเห็นดังนั้นก็เลยพิมพ์ทวงเงินไป 5555 ท่านอ่านแค่ประโยคแรกครับ พอรู้ว่ายืมเงินเลยไม่อ่านอีกเลย
อีกเหตุผลที่มาเล่าคืออยากแชร์ประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาครับ อยากให้ทุกคนระวังตัวกันนิดนึง เรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใคร ขนาดพระที่รักษาศีล 227 ข้อ ยังกล้าทำเรื่องแบบนี้เลย เราไม่ว่าพระหรือวงการศาสนานะครับ แต่คนที่เอาผ้าเหลืองมาห่มต่างหากที่ทำให้ศาสนาเสื่อมลง
จากนี้ใครจะนับถือพระหรือชอบทำบุญก็ชั่งใจนิดนึงครับ นับถือแต่พอดี ทำบุญแต่พอประมาณ จะได้ไม่ถูกหลอกแบบครอบครัวผม
ใครที่อ่านแล้วจะแชร์เป็นอุทาหรณ์ เรายินดีครับ แต่รบกวนอย่าด่านะครับ โดนด่าว่าโง่มาเยอะแล้วครับ 555 ขอบคุณที่รับฟังครับ