คุณภาพชีวิตของต่างประเทศ กับ เมืองไทย

วันนี้ผมได้ดูรายการพื้นที่ชีวิต ช่อง Thai PBS (เป็นคลิปเก่า ที่ลงฉายใหม่) ตอน ครอบครัวเดียวกัน
เรื่องราวเกี่ยวกับ รัฐสวัสดิการ และคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศเดนมาร์ก ซึ่งคุณ เอ้ นิ้วกลม ก็ดำเนินรายการดีมากๆเลยครับ

มันทำให้ผมได้รู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับ ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ที่เขาว่ากันว่ามีคุณภาพชีวิตเป็นอันดับต้นๆของโลก
ไม่ว่าจะเป็น เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน รวมถึง ฟินแลนด์ ทุกประเทศต่างเป็นประเทศที่สงบ ไม่มีบทบาทอะไรทางประวัติศาสตร์โลกมากมาย
ไม่ได้เป็นมหาอำนาจตั้งแต่สมัยก่อน จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีวัฒนธรรมที่โดดเด่นแตกต่างมาก ไม่ได้มีบทบาทมากในสังคมโลก

แต่ในทางกลับกัน ในปัจจุบัน การจัดอันดับโลก ทั้ง GDP HDI พวกรัฐสวัสดิการ คุณภาพชีวิต คุณภาพประชากร ประเทศเหล่านี้จะอยู่ใน
อันดับ 1 2 3 หรือ TOP 5 ของโลกตลอด

อย่างเดนมาร์ก นี้ครับ รัฐจะเก็บภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงมากๆ แต่อัตราภาษีจะแตกต่างไปตามรายได้ของแต่ละบุคคล
สมมติ อย่างเช่น คนนึงเป็นแพทย์ หาเงิน 1,000,000 จึงต้องเสียภาษี 70%
               อีกคนทำธุรกิจส่วนตัว หาเงินได้ 500,000 แต่เสียภาษีแค่ 50%
เมื่อหักล้างกันแล้ว ก็มีเงินเกือบๆจะเท่ากัน จะทำงานหนักเกินไป หาเงินมากเกินไป มันก็ไม่มีความหมายอะไร

แต่สิ่งที่ได้นั้นคือ รัฐมีสวัสดิการทุกอย่าง ให้ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
- การศึกษาฟรี ตั้งแต่โรงเรียนยันมหาวิทยาลัย (ที่ฟินแลนด์ก็น่าจะเป็นแบบนี้มั้งครับ เหมือนผมเคยดูอยู่)
- ค่ารักษาพยาบาลฟรี

เห็นได้ชัดจาก การศึกษาครับ เหมือนทุกคนเริ่มจากจุดเดียวกัน มีโอกาสได้พัฒนาตัวเองเหมือนๆกัน แล้วท้ายที่สุดแล้ว
ผลดีมันไม่ได้ตกอยู่เพียงแค่ประชาชนในคนหนึ่งๆอย่างเดียว มันสร้างโอกาสให้ประเทศชาติด้วยครับ
ผมคิดว่า ถ้าคนในประเทศส่วนเป็นประชากรที่มีคุณภาพชีวิตดี การศึกษาดี มีโอกาสที่ดี ก็จะทำให้ประเทศชาติ พัฒนา และขับเคลื่อนไปในทางที่ดีด้วยครับ
เห็นได้ชัดจากประเทศเพื่อนบ้านเรา คือ สิงค์โปร ภูมิประเทศ ทรัพยากร แทบจะไม่มีอะไรเลย
แต่ประเทศเขาเจริญมากๆ ไม่ใช่เมืองหนาว อยู่ในโซนภูมิอากาศเขตร้อนชื้น เหมือนกัน แต่พัฒนาจนขีดสุดอย่างที่เห็นๆกันน้ะครับ

กลับมาที่เมืองไทยนะครับ ผมได้อ่านโพลข่าว ประเทศไทยติดอันดับ 3 ที่เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากที่สุดโลก
ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 11 (อันดับ 1. รัสเซีย 2. อินเดีย)
คนรวยก็รวยมากๆ คนจนก็จนมากๆ มันเกิดจากสาเหตุอะไรก็อย่างที่รู้กันหลายๆอย่างน้ะครับ
โอกาสในการศึกษา การรักษาพยาบาล ผมว่ามันต้องได้อีกกว่านี้ครับ

ไม่ใช่ว่าเดนมาร์ก ไม่เคยประสบปัญหาอย่างเรานะครับ เคยครับ แต่มันก็หลายร้อยปีมาแล้ว ช่วงเกิดการปฏิวัติ
หลายๆประเทศในยุโรปก็เป็นเช่นนั้น


ผมรักเมืองไทยนะครับ ผมยังเรียนไม่จบ แต่แอบมีความหวังเล็กๆ อีกซัก 5ปี 10ปี ข้างหน้า
อยากเห็นประเทศเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนประเทศอื่นๆเขาบ้าง เพราะถ้าไปทำงานต่างประเทศ คุณภาพชีวิตดีจริง เงินเดือนดี อากาศน่าอยู่
แต่มันไม่ใช่แผ่นดินเกิดของเราไงครับ ถึงมีปฏิสัมพันธ์กับคนต่างชาติ มีเพื่อนต่างชาติ แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนเวลาคุยกับคนไทยด้วยกันจริงๆอะครับ

ผมว่าคนไทยฉลาดนะครับ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อด้วย มีมารยาท เข้ากับคนง่าย บางทีไม่รู้จักกัน แปปเดียวก็เป็นเพื่อนกันได้แล้วครับ
แต่อย่างว่า มีด้านสว่างก็มีด้านมืด ย่อมมีความเห็นแก่ตัว ความไม่เคารพกฏ ทำตามใจตัวเอง และอีกหลายๆอย่างฝังอยู่

และสุดท้าย เรามีอะไรหลายๆอย่าง ที่ประเทศอื่นๆไม่มี
เรามีทรัพยากรธรรมชาติดี ทำเลดี ภูมิประเทศดี เอื้อต่อการมีกินมีใช้ และยังมี ในหลวงของเรา ที่ดีที่สุด ท่านทรงปูรากฐานให้ประเทศไทยหลายอย่าง

มันมีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่าครับ... เรายังขาดอะไรบ้าง (ไม่ดราม่าการเมืองนะครับ)  
จริงๆผมก็รู้หลายอย่าง แต่อย่างทราบมุมมองคนอื่นบ้าง เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไร แชร์กันน้ะครับ อยากได้ความคิดหลากหลายมุมมอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
สิ่งที่ควรรู้

1 รัฐสวัสดิการเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับประเทศไทย       สาเหตุสำคัญคือประชากรที่เยอะและทรัพยากรที่น้อย      ถ้าไทยอยากสร้างรัฐสวัสดิการให้ได้ก็คงต้องมีประชากรซัก 10 ล้านแบบสวีเดน

2 อีกประการที่เป็นไปไม่ได้ก็คือระบบการเก็บภาษีของไทยนั้นจัดเก็บได้ไม่ทั่วถึง      ในประเทศพัฒนาแล้วต่อให้คุณไปทำอาชีพค้าขายเล็กๆน้อยๆก็ต้องขออนุญาตเพื่อเข้าระบบภาษีหมด      ไม่มีแบบไทยหรอกที่อยากจะไปขายของในตลาดนัดรึเปิดร้านขายอาหารก็ทำได้ตามใจชอบแถมไม่เสียภาษีเงินได้      ถ้าไทยอยากเป็นรัฐสวัสดิการนี่ภาษีที่คุณจะต้องจ่ายนั้นสูงมากและหลีกหนีไม่ได้แบบในปัจจุบัน    ไม่ว่าคุณทำอาชีพอะไรเล็กน้อยแค่ไหนต้องเข้าระบบภาษีหมด

3 คนในรัฐสวัสดิการเองเขาก็ไม่ค่อยจะรู้สึกดีกับระบบสวัสดิการซักเท่าไหร่หรอกเพราะจะทำอะไรแล้วยุ่ง    ป่วยขึ้นมาถ้าไม่หนักถึงตายจริงๆกว่าจะได้พบหมอก็ต้องไปแจ้งโรงพยาบาลแล้วนัดมาอีกทีในอีกหลายวันให้หลัง     ป่วยอะไรแบบไม่หนักหมอก็จะไม่ให้ยาบอกร่างกายสามารถรักษาตนเองได้    แถมระบบการบริการเองก็ไม่ได้ดีอะไรเพราะทุกคนเท่ากันหมดต้องรอคิวกันไปทั้งวันนั่นแหละ     ไอ้แบบที่ไปถึงพบหมอเข้าโรงพยาบาลเลยนี่ก็มีแต่ต้องจ่ายแพงๆแบบเอกชน      คนในรัฐสวัสดิการนี่ถ้ามีเงินแล้วไม่เข้าโรงพยาบาลของรัฐกันหรอก   ยอมจ่ายแพงๆเข้าโรงพยาบาลเอกชนดีกว่า

4 ขนาดทุกวันนี้รัฐสร้างระบบประกันสังคมและระบบเงินออมบำนาญต่างๆให้    คนไทยยังไม่อยากจะจ่ายเลยเลี่ยงกันเยอะแยะ     อยากได้แต่ไม่อยากจะจ่าย

5 ถ้าเทียบตามอัตราส่วนนี่ต้องบอกว่าประชาชนไทยได้สวัสดิการต่างๆมากขนาดที่พวกรัฐสวัสดิการทั้งหลายถ้าเก็บภาษีเท่าเรานี่ให้ไม่ได้ล่ะครับ        คิดดูว่าคนที่อยู่ในระบบฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยมีอยู่แค่ราวๆ 10 ล้านคนและที่รายได้ถึงต้องเสียภาษีเงินได้จริงๆมีแค่ราว 3-4 ล้านคน       นอกนั้นรายได้ของประเทศมาจากภาษีเงินได้ของนิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นหลัก     คิดเอาเถอะว่าคุณจ่ายแค่ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นหลักแต่ได้สวัสดิการต่างๆจากรัฐเยอะไปหมดไม่ว่าประกันสุขภาพ เบี้ยยังชีพคนชรา รถเมล์รถไฟฟรี การศึกษาฟรี แถมพวกทำการเกษตรขาดทุนรัฐก็ต้องเข้าไปช่วยอีก      ที่สำคัญภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยเก็บแค่ 7% ต่ำเอามากๆเลยในยุโรปนี่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเกิน 10% กันเกือบทุกประเทศนะ (นี่คือที่ผ่อนผันการเก็บลงมาด้วยนะอัตราตามกฎจริงสูงกว่านี้   สูงสุดคือฮังการีตั้งเรทที่ 27% รองลงมาคือสวีเดน โครเอเชีย เดนมาร์ก 25%)

6 คนไทยไม่น้อยที่ถูกพวกคลั่งสังคมนิยมรวมไปถึงพวกที่ไปเห็นแบบฉาบฉวยมาหลอกต้มกันเยอะ    บอกว่าระบบรัฐสวัสดิการดีอย่างนู้นอย่างนี้อะไรๆก็ฟรีหมด    สบายไม่ต้องทำงานรัฐก็จ่ายเงินเดือนให้    เจอแต่ข้อดีๆอย่างนี้ใครก็ฝันหวานกันทั้งนั้นเชื่อกันฝังหัวว่ารัฐสวัสดิการเป็นแล้วดีไปหมด   เราต้องเปลี่ยนประเทศเป็นรัฐสวัสดิการให้ได้      เป็นแนวคิดขายฝันแบบเดียวกับพวกคอมมิวนิสต์ในอดีตมาหลอกคนไทยนั่นแหละ

7 สำหรับประเทศไทยแล้วสภาพที่ดีที่สุดไม่ใช่รัฐสวัสดิการแน่นอนแต่ต้องเป็นกึ่งทุนนิยมกึ่งสวัสดิการ      ให้ประชาชนทำงานและกำหนดให้เข้าร่วมกับกองทุนต่างๆที่รัฐก่อตั้งอีกทีอย่างเช่นทำประกันการรักษาพยาบาล บำนาญ เงินช่วยยามตกงาน     ส่วนรัฐก็จัดการเองตรงๆในบางส่วนเช่นการศึกษา สาธารณูปโภค อนาถา     ไม่ใช่ให้รัฐเข้ามาจัดการรับผิดชอบทุกอย่างโดยตรงแบบรัฐสวัสดิการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่