เป็นบทความจาก เพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง
ซึ่งผมว่ามันน่าสนใจดี
ตรงที่เกาหลีใต้จริงจังกับการการเกณฑ์ทหารมาก

ประเทศเกาหลีใต้ มีกฎเรื่องการเกณฑ์ทหารที่เข้มงวดอย่างมาก
ถ้าคุณเป็นชายเกาหลี เมื่อถึงช่วงอายุ 20 ปี ต้องมาเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 21-24 เดือน
ไม่ว่าจะเป็นดาราโด่งดังแค่ไหน เป็นลูกคนรวยเพียงใด กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของอาชีพแค่ไหนก็ไม่สน เมื่ออายุถึงเกณฑ์ ในจุดที่ผ่อนผันไม่ได้อีกแล้ว ยังไงก็ต้องมาเข้ารับการเกณฑ์ทหาร หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "เข้ากรม"
อายุที่ผ่อนผันได้มากที่สุดคือ 30 ปี หลังจากนั้นไป ก็เลือกเอา ถ้าไม่เข้ากรม ก็ต้องเข้าคุก
คำถามคือ แล้วนักเตะที่กำลังฟอร์มร้อนแรงอย่าง ซน ฮึง-มินล่ะ?
ในวัย 25 ปี เขาอยู่ในช่วงพีกที่สุดกับทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ยิงกระจุย แอสซิสต์กระจาย แล้วแบบนี้เขาต้องมาโกนหัว แล้วไปเป็นทหารด้วยหรือไม่?
มันก็น่าคิด เพราะกำลังเล่นดีแท้ๆ แต่ถ้าต้องต้องมาเป็นทหาร ชีวิตการค้าแข้งในยุโรปมันจะไม่พินาศไปเลยหรือ
ถ้า ซน ฮึง-มิน ต้องลาทีมไปถึงสองปี จะมีสโมสรไหนรับได้ล่ะ
ความจริงไม่ใช่แค่สเปอร์สหรอก เชื่อเถอะว่า ทีมไหนก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
-------------------------------------
ด้วยภูมิศาสตร์แล้ว เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ความขัดแย้งมาก
พรมแดนของพวกเขาติดกับเกาหลีเหนือที่ปกครองกันคนละระบอบ ซึ่งวันดีคืนดี ไม่รู้สงครามจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้า คิม จอง อึน เกิดคลั่งสั่งทหารไล่บุกเกาหลีใต้ จะเกิดอะไรขึ้น?
ดังนั้น การทำให้คนในประเทศ ได้ตระหนักถึงภาระในการปกป้องประเทศ จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ชายเกาหลีใต้ทุกคน ต้องเตรียมพร้อมรับภาวะสงคราม ดังนั้น การเกณฑ์ทหารถือเป็นหน้าที่พลเมือง
ที่สำคัญ ถ้าคุณเป็นผู้ชายและกล้าละเลยสิ่งนี้ ประชาชนทั่วประเทศก็พร้อมจะประณามให้จมดิน คุณอาจไม่มีโอกาสยืนได้ในสังคมอีกเลย
กลับมาคำถามที่ว่า ซน ฮึง-มิน ต้องเป็นทหารหรือไม่ คำตอบคือ
"อาจใช่"
ต่อให้เขาเป็นนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์ ก็ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือใคร แม้ชีวิตของเขากำลังไปได้สวยในพรีเมียร์ลีก ทางรัฐบาลก็ไม่มีการอ่อนข้อให้
อย่างไรก็ตาม กฎหมายการเกณฑ์ทหารของเกาหลีใต้ มีเงื่อนไขบางอย่าง ที่ทางรัฐบาลพอจะ "อนุโลม" ได้ ไม่ต้องเข้ามาฝึกอย่างเต็มรูปแบบ
ข้อ 1) คือเรื่องสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์
เช่นเตี้ยเกิน สูงเกิน น้ำหนักเกิน แปลงเพศ เอ็นเข่าฉีกขาด หรือมีความทุพพลภาพใดๆก็ตาม อันนี้ ไม่ต้องเข้ากรม แต่ซน ฮึง-มิน ร่างกายแข็งแรงพร้อมได้มาตรฐาน ดังนั้นข้อนี้ตกไป
ข้อ 2) มีสัญชาติอื่น และยอมสละสัญชาติเกาหลีใต้
คนที่มีสองสัญชาติ หากเลือกสละสัญชาติเกาหลีใต้ ก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหารเช่นกัน แต่ ซน ฮึง-มิน มีสัญชาติเดียว ดังนั้นข้อนี้เป็นอันตกไป
และข้อ 3) ซึ่งอาจเป็นโอกาสดีที่สุดให้ ซน ฮึง-มิน ไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
นั่นคือ นักกีฬาที่ทำผลงานในยอดเยี่ยมระดับชาติจะได้ละเว้นเป็นกรณีพิเศษ
เหรียญใดเหรียญหนึ่งในโอลิมปิก , อันดับ 4 ฟุตบอลโลก หรือ เหรียญทองเอเชียนเกมส์ หากเข้าเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แค่มาฝึกเบื้องต้น 5 สัปดาห์เท่านั้นจบ เป็นอันสิ้นสุดภารกิจรับใช้ชาติ
พาร์ก จี-ซอง พาเกาหลีใต้จบอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2002 เขาจึงไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร
กี ซง-ยอง กองกลางสวอนซี พาทีมโสมขาว ได้เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน ก็ได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกัน
พาร์ก จู-โฮ อดีตดาวเตะไมนซ์ และดอร์ทมุนด์ ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ที่อินชอน 2014 ก็ไม่ต้องเข้ากรม
ดังนั้น สำหรับ ซน ฮึง-มิน เขายังพอมีโอกาสอยู่ ที่จะไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ขอแค่ทำผลงานได้ตามเป้า ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ก่อนที่เขาจะอายุเกิน 30
- ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย (ไปถึงรอบเซมิไฟนอล)
- เอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย (เหรียญทอง)
- โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น (เหรียญทองแดง)
- ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ (ไปถึงรอบเซมิไฟนอล)
- เอเชียนเกมส์ 2022 ที่จีน (เหรียญทอง)
ขอแค่ ทำตามเป้าหมายได้แค่ครั้งเดียว ใน 5 ทัวร์นาเมนต์นี้ ซน ฮึง-มิน ก็จะไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร และสามารถเล่นฟุตบอลในยุโรปได้จนแขวนสตั๊ด เหมือนกับรุ่นพี่หลายๆคน
เราจะสังเกตได้ครับ ว่าในทัวร์นาเมนต์อะไรก็ตาม นักเตะเกาหลีใต้เอาจริงเอาจังเสมอ พวกเขาเล่นลืมตาย
เรื่องเกียรติยศก็ส่วนหนึ่ง แต่ผลพลอยได้นี่ล่ะสำคัญ เพราะพวกเขาจะได้สิทธิละเว้นการเป็นทหาร ซึ่งสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ มันทำให้ความฝันดำเนินต่อไปได้
ดังนั้น สำหรับซน ฮึง-มิน ผมจึงใช้คำว่า "อาจใช่" เพราะเรายังไม่รู้ ว่าเขาจะมาเป็นทหารหรือไม่ มันอยู่ที่ผลงานของเขาเองนั่นล่ะว่าจะทำสำเร็จไหม เรามาลุ้นกันในอีก 5 ทัวร์นาเมนต์ต่อจากนี้
สำหรับบางคน อาจจะมองว่า กฎของเกาหลีใต้มัน

บเหลือเกิน เพราะกับบางคนที่ชีวิตกำลังรุ่งๆกับอะไรสักอย่าง พอต้องมาคั่นกลางด้วยการเป็นทหารสองปี มันทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปเลย
แต่ถ้ามองอีกมุม กฎหมายแบบนี้ มันก็ทำให้เกิดความเท่าเทียม
ไม่ว่าคุณจะเป็นใแค่ไหน โด่งดังปานใด หรือมีแฟนที่สวยยิ่งกว่าใคร
เมื่อถึงเวลา สุดท้ายก็ต้องมาทำสิ่งเดียวกันกับคนอื่น นั่นคือตอบแทนแผ่นดินที่คุณอาศัยอยู่
การไม่มีความเหลื่อมล้ำ และสร้างคนให้อยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกาหลีใต้ ยิ่งใหญ่ และเจริญเหมือนทุกวันนี้
ทางรอดสุดท้าย ของ Son Heung Min
ซึ่งผมว่ามันน่าสนใจดี
ตรงที่เกาหลีใต้จริงจังกับการการเกณฑ์ทหารมาก
ประเทศเกาหลีใต้ มีกฎเรื่องการเกณฑ์ทหารที่เข้มงวดอย่างมาก
ถ้าคุณเป็นชายเกาหลี เมื่อถึงช่วงอายุ 20 ปี ต้องมาเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 21-24 เดือน
ไม่ว่าจะเป็นดาราโด่งดังแค่ไหน เป็นลูกคนรวยเพียงใด กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของอาชีพแค่ไหนก็ไม่สน เมื่ออายุถึงเกณฑ์ ในจุดที่ผ่อนผันไม่ได้อีกแล้ว ยังไงก็ต้องมาเข้ารับการเกณฑ์ทหาร หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "เข้ากรม"
อายุที่ผ่อนผันได้มากที่สุดคือ 30 ปี หลังจากนั้นไป ก็เลือกเอา ถ้าไม่เข้ากรม ก็ต้องเข้าคุก
คำถามคือ แล้วนักเตะที่กำลังฟอร์มร้อนแรงอย่าง ซน ฮึง-มินล่ะ?
ในวัย 25 ปี เขาอยู่ในช่วงพีกที่สุดกับทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ยิงกระจุย แอสซิสต์กระจาย แล้วแบบนี้เขาต้องมาโกนหัว แล้วไปเป็นทหารด้วยหรือไม่?
มันก็น่าคิด เพราะกำลังเล่นดีแท้ๆ แต่ถ้าต้องต้องมาเป็นทหาร ชีวิตการค้าแข้งในยุโรปมันจะไม่พินาศไปเลยหรือ
ถ้า ซน ฮึง-มิน ต้องลาทีมไปถึงสองปี จะมีสโมสรไหนรับได้ล่ะ
ความจริงไม่ใช่แค่สเปอร์สหรอก เชื่อเถอะว่า ทีมไหนก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
-------------------------------------
ด้วยภูมิศาสตร์แล้ว เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ความขัดแย้งมาก
พรมแดนของพวกเขาติดกับเกาหลีเหนือที่ปกครองกันคนละระบอบ ซึ่งวันดีคืนดี ไม่รู้สงครามจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้า คิม จอง อึน เกิดคลั่งสั่งทหารไล่บุกเกาหลีใต้ จะเกิดอะไรขึ้น?
ดังนั้น การทำให้คนในประเทศ ได้ตระหนักถึงภาระในการปกป้องประเทศ จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ชายเกาหลีใต้ทุกคน ต้องเตรียมพร้อมรับภาวะสงคราม ดังนั้น การเกณฑ์ทหารถือเป็นหน้าที่พลเมือง
ที่สำคัญ ถ้าคุณเป็นผู้ชายและกล้าละเลยสิ่งนี้ ประชาชนทั่วประเทศก็พร้อมจะประณามให้จมดิน คุณอาจไม่มีโอกาสยืนได้ในสังคมอีกเลย
กลับมาคำถามที่ว่า ซน ฮึง-มิน ต้องเป็นทหารหรือไม่ คำตอบคือ
"อาจใช่"
ต่อให้เขาเป็นนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์ ก็ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือใคร แม้ชีวิตของเขากำลังไปได้สวยในพรีเมียร์ลีก ทางรัฐบาลก็ไม่มีการอ่อนข้อให้
อย่างไรก็ตาม กฎหมายการเกณฑ์ทหารของเกาหลีใต้ มีเงื่อนไขบางอย่าง ที่ทางรัฐบาลพอจะ "อนุโลม" ได้ ไม่ต้องเข้ามาฝึกอย่างเต็มรูปแบบ
ข้อ 1) คือเรื่องสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์
เช่นเตี้ยเกิน สูงเกิน น้ำหนักเกิน แปลงเพศ เอ็นเข่าฉีกขาด หรือมีความทุพพลภาพใดๆก็ตาม อันนี้ ไม่ต้องเข้ากรม แต่ซน ฮึง-มิน ร่างกายแข็งแรงพร้อมได้มาตรฐาน ดังนั้นข้อนี้ตกไป
ข้อ 2) มีสัญชาติอื่น และยอมสละสัญชาติเกาหลีใต้
คนที่มีสองสัญชาติ หากเลือกสละสัญชาติเกาหลีใต้ ก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหารเช่นกัน แต่ ซน ฮึง-มิน มีสัญชาติเดียว ดังนั้นข้อนี้เป็นอันตกไป
และข้อ 3) ซึ่งอาจเป็นโอกาสดีที่สุดให้ ซน ฮึง-มิน ไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
นั่นคือ นักกีฬาที่ทำผลงานในยอดเยี่ยมระดับชาติจะได้ละเว้นเป็นกรณีพิเศษ
เหรียญใดเหรียญหนึ่งในโอลิมปิก , อันดับ 4 ฟุตบอลโลก หรือ เหรียญทองเอเชียนเกมส์ หากเข้าเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แค่มาฝึกเบื้องต้น 5 สัปดาห์เท่านั้นจบ เป็นอันสิ้นสุดภารกิจรับใช้ชาติ
พาร์ก จี-ซอง พาเกาหลีใต้จบอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2002 เขาจึงไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร
กี ซง-ยอง กองกลางสวอนซี พาทีมโสมขาว ได้เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน ก็ได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกัน
พาร์ก จู-โฮ อดีตดาวเตะไมนซ์ และดอร์ทมุนด์ ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ที่อินชอน 2014 ก็ไม่ต้องเข้ากรม
ดังนั้น สำหรับ ซน ฮึง-มิน เขายังพอมีโอกาสอยู่ ที่จะไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ขอแค่ทำผลงานได้ตามเป้า ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ก่อนที่เขาจะอายุเกิน 30
- ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย (ไปถึงรอบเซมิไฟนอล)
- เอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย (เหรียญทอง)
- โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น (เหรียญทองแดง)
- ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ (ไปถึงรอบเซมิไฟนอล)
- เอเชียนเกมส์ 2022 ที่จีน (เหรียญทอง)
ขอแค่ ทำตามเป้าหมายได้แค่ครั้งเดียว ใน 5 ทัวร์นาเมนต์นี้ ซน ฮึง-มิน ก็จะไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร และสามารถเล่นฟุตบอลในยุโรปได้จนแขวนสตั๊ด เหมือนกับรุ่นพี่หลายๆคน
เราจะสังเกตได้ครับ ว่าในทัวร์นาเมนต์อะไรก็ตาม นักเตะเกาหลีใต้เอาจริงเอาจังเสมอ พวกเขาเล่นลืมตาย
เรื่องเกียรติยศก็ส่วนหนึ่ง แต่ผลพลอยได้นี่ล่ะสำคัญ เพราะพวกเขาจะได้สิทธิละเว้นการเป็นทหาร ซึ่งสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ มันทำให้ความฝันดำเนินต่อไปได้
ดังนั้น สำหรับซน ฮึง-มิน ผมจึงใช้คำว่า "อาจใช่" เพราะเรายังไม่รู้ ว่าเขาจะมาเป็นทหารหรือไม่ มันอยู่ที่ผลงานของเขาเองนั่นล่ะว่าจะทำสำเร็จไหม เรามาลุ้นกันในอีก 5 ทัวร์นาเมนต์ต่อจากนี้
สำหรับบางคน อาจจะมองว่า กฎของเกาหลีใต้มัน
แต่ถ้ามองอีกมุม กฎหมายแบบนี้ มันก็ทำให้เกิดความเท่าเทียม
ไม่ว่าคุณจะเป็นใแค่ไหน โด่งดังปานใด หรือมีแฟนที่สวยยิ่งกว่าใคร
เมื่อถึงเวลา สุดท้ายก็ต้องมาทำสิ่งเดียวกันกับคนอื่น นั่นคือตอบแทนแผ่นดินที่คุณอาศัยอยู่
การไม่มีความเหลื่อมล้ำ และสร้างคนให้อยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกาหลีใต้ ยิ่งใหญ่ และเจริญเหมือนทุกวันนี้