REVIEW
THE GREATEST SHOWMAN

เราคงต้องชื่นชม THE GREATEST SHOWMAN ในแง่มุมของดนตรีประกอบ ในทุกบทเพลงที่หนังเลือกมาใช้ ตัวบทเพลงที่เป็นผลงานการแต่งของ BENJ PASEK และ JUSTIN PUAL ผู้เคยแต่งเพลงให้กับหนังนกออสการ์แบบเงิบๆอย่าง La La Land
บทเพลง "พ๊อพ" ในหนังเรื่องนี้เรียกได้ให้อารมณ์ฟุ้งฝัน จรรโลงใจ และไปกับธีมของเรื่องที่ว่าด้วยธุรกิจทำโชว์ของ พี ที บาร์นัม (ฮิวจ์ แจ็คแมน) ซึ่งเขาต้องล้มลุกคลุกคลาน ต่อสู้กับปัญหาชีวิต เรียนรู้ที่จะหลงทาง เข้าใจกับปัญหา
น่าเสียดายบทเพลงอันแสนโดดเด่นไม่ไปกับวิธีการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวของไมเคิล เกรซีย์ ดูจะรีบร้อนเล่าเรื่องในทุกฉากทุกตอนแบบติดจรวดประหนึ่งฉากแอ็คชั่น ที่ไม่ปล่อยให้คนดูซึมซับไปกับอารมณ์ของตัวละครเท่าที่ควร ส่งผลให้เรื่องเดินเรื่องไปอย่างปรู้ดปร๊าด จนประเด็นหลายอย่างที่หนังตั้งใจจะพูดถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย อาทิ บุคคลแปลกประหลาดและแปลกแยกจากสังคม (ส่งผลให้ตอนเพลง This is Me ดังขึ้น เราจึงไม่ค่อยได้รับ Impact จากเพลงนี้สักเท่าไหร่)
เช่นเดียวกันกับการใช้ประโยชน์จากบรรดานักแสดง ที่ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ปล่อยของนัก ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีซีนร้องเพลงเป็นของตัวเองก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะการกำกับและบทภาพยนตร์ที่ไม่ได้ "ให้เวลา" กับเรื่องราวนั่นแหละ เพลงเอกของแต่ละตัวละครจึงไม่ได้เกิดประโยชน์อย่างที่มันควรจะเป็น ทั้งที่เพลงอย่าง Rewrite the stars อาจจะเป็นเพลงดูเอทที่ดีที่สุดในเรื่อง แต่ก็กร่อยไปซะอย่างนั้น มาฟัง OST หลังหนังจบยังโรแมนติกกว่าตอนอยู่ในเรื่อง เช่นเดียวกับฉากสะเทือนอารมณ์อย่าง Tightrope กับฉากของมิเชลล์ วิลเลียม ที่นึกว่าเป็นโฆษณาโลชั่นซิตรา รอสามีคัมแบคมาคืนดี (ใครดูแล้วคงพอจะนึกภาพตามออก)
ทั้งหมดทั้งมวลอยากจะบอกว่า THE GREATEST SHOWMAN ไม่ใช่หนังที่แย่ เพียงแต่วิธีการกำกับอาจจะดูผิดที่ผิดทาง และใช้องค์ประกอบเพลงไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ แต่เวลา 105 นาทีของหนังเรื่องนี้ เป็นความบันเทิงที่ใช้ได้เลยทีเดียว หากคุณต้องการฟังเพลงเพราะๆ ประหนึ่งดูมิวสิควิดีโอขนาดยาว
#THEGREATESTSHOWMAN
ฝากติดตามรีวิว :
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[SR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] THE GREATEST SHOWMAN เพลงเพราะมาก แต่เหมือนกำกับโดยไมเคิล เบย์
THE GREATEST SHOWMAN
เราคงต้องชื่นชม THE GREATEST SHOWMAN ในแง่มุมของดนตรีประกอบ ในทุกบทเพลงที่หนังเลือกมาใช้ ตัวบทเพลงที่เป็นผลงานการแต่งของ BENJ PASEK และ JUSTIN PUAL ผู้เคยแต่งเพลงให้กับหนังนกออสการ์แบบเงิบๆอย่าง La La Land
บทเพลง "พ๊อพ" ในหนังเรื่องนี้เรียกได้ให้อารมณ์ฟุ้งฝัน จรรโลงใจ และไปกับธีมของเรื่องที่ว่าด้วยธุรกิจทำโชว์ของ พี ที บาร์นัม (ฮิวจ์ แจ็คแมน) ซึ่งเขาต้องล้มลุกคลุกคลาน ต่อสู้กับปัญหาชีวิต เรียนรู้ที่จะหลงทาง เข้าใจกับปัญหา
น่าเสียดายบทเพลงอันแสนโดดเด่นไม่ไปกับวิธีการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวของไมเคิล เกรซีย์ ดูจะรีบร้อนเล่าเรื่องในทุกฉากทุกตอนแบบติดจรวดประหนึ่งฉากแอ็คชั่น ที่ไม่ปล่อยให้คนดูซึมซับไปกับอารมณ์ของตัวละครเท่าที่ควร ส่งผลให้เรื่องเดินเรื่องไปอย่างปรู้ดปร๊าด จนประเด็นหลายอย่างที่หนังตั้งใจจะพูดถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย อาทิ บุคคลแปลกประหลาดและแปลกแยกจากสังคม (ส่งผลให้ตอนเพลง This is Me ดังขึ้น เราจึงไม่ค่อยได้รับ Impact จากเพลงนี้สักเท่าไหร่)
เช่นเดียวกันกับการใช้ประโยชน์จากบรรดานักแสดง ที่ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ปล่อยของนัก ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีซีนร้องเพลงเป็นของตัวเองก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะการกำกับและบทภาพยนตร์ที่ไม่ได้ "ให้เวลา" กับเรื่องราวนั่นแหละ เพลงเอกของแต่ละตัวละครจึงไม่ได้เกิดประโยชน์อย่างที่มันควรจะเป็น ทั้งที่เพลงอย่าง Rewrite the stars อาจจะเป็นเพลงดูเอทที่ดีที่สุดในเรื่อง แต่ก็กร่อยไปซะอย่างนั้น มาฟัง OST หลังหนังจบยังโรแมนติกกว่าตอนอยู่ในเรื่อง เช่นเดียวกับฉากสะเทือนอารมณ์อย่าง Tightrope กับฉากของมิเชลล์ วิลเลียม ที่นึกว่าเป็นโฆษณาโลชั่นซิตรา รอสามีคัมแบคมาคืนดี (ใครดูแล้วคงพอจะนึกภาพตามออก)
ทั้งหมดทั้งมวลอยากจะบอกว่า THE GREATEST SHOWMAN ไม่ใช่หนังที่แย่ เพียงแต่วิธีการกำกับอาจจะดูผิดที่ผิดทาง และใช้องค์ประกอบเพลงไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ แต่เวลา 105 นาทีของหนังเรื่องนี้ เป็นความบันเทิงที่ใช้ได้เลยทีเดียว หากคุณต้องการฟังเพลงเพราะๆ ประหนึ่งดูมิวสิควิดีโอขนาดยาว
#THEGREATESTSHOWMAN
ฝากติดตามรีวิว : https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/