- See Angkor Wat and Die - Arnold Joseph Toynbee
สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าการเดินทางครั้งแรกของผมในต่างแดนนะครับ ก่อนอื่นเลยขอบอกว่าก่อนนะครับ ของผมเนี่ยเป็นการเดินทางที่ไม่มีการวางแผน ไปตายเอาดาบหน้าล้วนๆ (ขนาดรถตู้ยังหาที่ขึ้นเอาวันนั้นเลย) จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาที่พึ่งเพื่อจะเดินตามรอย เพราะเวลาไม่เปีะ งบไม่คุม (ใช้เงินแก้ปัญหาบ้าง ฮ่าๆๆ) แต่ก็เก็บแลนด์มาร์คครบอยู่ แต่สำหรับใครที่อยากจะเริ่มออกเดินทางเหมือนผม หรืออยากติดตามว่าผมไปเจออะไรมาบ้าง รอดมาได้ยังไง ก็จะได้เรียนรู้กันไปนะครับ พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ
เรามาเริ่มจากสิ่งที่ต้องรู้สำหรับการเดินทางไปกัมพูชา
1. การเดินทางมีได้ 2 แบบก็คือ
ทางรถ และการเดินทางทางเครื่องบิน การเดินทาง ทางรถเริ่มจากนั่งรถตู้ไปโรงเกลือ และนั่งรถต่อไปเสียมเรียบ
ทางเครื่องบิน สามารถบินไปลงที่เสียมเรียบได้เลย (แนะนำไปทางเครื่องบินดีกว่า ถ้ามีเวลาจำกัด และเอาจริงๆถ้าได้ตั๋วโปรมาก็ถูกกว่าด้วย) แต่ด้วยความดาบหน้าของผม และเวลาเหลือ อยากชิว (ชิวไหมเด่วรู้เรื่อง) ก็เลยไปทางรถ
2.เงิน ที่กัมพูชาใช้เงิน สกุล เรียล ดอลลาร์ ไทยบาท แต่ใช้เงินดอลลาร์จะดีที่สุด
**ถ้าอยู่ที่นั่นแล้วเกิดเงินไม่พอสามารถกด ATM ของธนาคาร International ได้ แต่จะเสียค่าธรรมเนียมในการกดครั้งละ 4 ดอลลาร์
3.ไฟฟ้า ประเทศกัมพูชาใช้ไฟฟ้าเหมือนประเทศไทย ดังนั้นปลั๊ก สามารถใช้ได้เลยไม่ต้องมี adapter
การเดินทางของผมเริ่มต้นที่ บขส. ชลบุรี นั่งไปโรงเกลือได้เลย 200 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

เมื่อมาถึงจุดจอดรถตู้ที่ตลาดโรงเกลือแล้ว จะต้องเดินไปที่ตม. ซึ่งห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ตรงนั้นจะมีธนาคารให้แลกเงิน
ทำเรื่องออกเข้าระหว่างประเทศให้เรียบร้อย (อย่าลืมทำเรื่องขาเข้าประเทศกัมพูชา มิฉะนั้นจะโดนปรับวันละ 300 บาท) ออฟฟิตจะอยู่เลยคาสิโนมา ตั้งอยู่ทางด้านขวาของถนน

ผมมาถึงปอยเปตประมาณ 4 โมงเย็น ตอนนั้นคิดว่าจะต้องมีป้ายรถบัส หรือจุดขึ้นรถโดยสารเพื่อนั่งไปเสียบเรียบ เลยเดินไปเรื่อยๆ (ตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อซิมเขมร = ไม่มีอินเตอร์เน็ต = หารูปที่ที่จะไปให้เขาดูไม่ได้ = แปลภาษาสื่อสารไม่ได้) ตรงนั้นจะมี Taxi กับวินมอเตอร์ไซต์เยอะมาก เขาเห็นนักท่องเที่ยวจะมาถามตลอดว่า เสียมเรียบ ?? เสียมเรียบ ?? เสียมเรียบ ?? และอยากจะแอดเวนเจอร์ ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาบางสิ่งที่อาจจะคล้าย ป้ายรถโดยสาร ผมเดินไปประมาณ 1 กิโล ไม่เห็นวี่แวว และความหนาแน่นของคนเริ่มลดลง ความมั่นใจเริ่มลดลง ตอนนั้นเองก็มีมอเตอร์ไซต์ขับมาเทียบ ถามว่าจะไปไหน ผมก็บอกว่า Bus Station วินก็บอกว่า OK ผมก็โอเคขึ้นไป ระหว่างทางผมก็ถามว่า ค่ารถบัสเท่าไหร่ เขาบอก 12$ แล้วสักพักหนึ่งเขาก็พูดว่า TAXI ไหม คิดแค่ 10$ ผมก็สงสัย ทำไม TAXI ราคาแค่นั้น ก็เลยถามย้ำไปว่า 10 USD ใช่ไหม เขาบอกใช่ 10 ดอลลาร์ ในใจผมก็คิดว่าเออก็ดี TAXI ยังไงก็ไวกว่ารถบัส ก็เลยตอบตกลงไป . . . สักพักวินมอไซต์ก็จอดในดงคนขับ TAXI กลุ่มหนึ่ง แล้วก็คุยกันให้ผมเข้าไปนั่งรอในรถ ด้านในมีพระนั่งอยู่รูปหนึ่ง ถึงตอนนั้นผมก็เข้าใจว่า $10 ที่ว่าก็คือให้คนแชร์คนละ 10 ดอลลาร์นั้นเอง ! ตอนนี้ก็เหลือรออีก 2 คน ผมนั่งรออยู่ประมาณ 20 นาที ก็ยังไม่มีใครมาเพิ่มสักคน เหมือนคนในแท็กซี่กลุ่มนั้นเห็นผม ทำท่าทางรีบ ก็เลยมาคุยว่า ถ้า 15 ดอลลาร์แล้วไปเลยเอาไหม ผมก็บอก $13 แล้วกัน เขาก็บอกว่าโอเค สักพักหนึ่งเขาก็เอาขึ้นรถแล้วขับออกไป ไปหยุดอยู่ที่บ้านห้องแถวแห่งหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกมา ส่วนคนขับแท็กซี่ต้องไปขนของอะไรสักอย่างใส่หลังรถ

แล้วก็ขับออกไป เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 40 นาที ก็ไปจอดเอาอีกที่ที่หนึ่ง ผมเดาว่าน่าจะเป็นอีกบ้านหนึ่งของเขา เพราะเด็กคนนั้นวิ่งลงไปที่บ้านหลังนี้ คนขับคุยกับเพื่อนในโทรศัพท์ ผมเดาว่าเขาพยายามที่จะหาคนเพิ่ม ตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว (แต่ยังไปไม่ถึงไหนเลย คนขับกับพระก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษ) สักพักนึงก็จอดข้างทาง กับแท็กซี่อีกกลุ่มหนึ่ง คนขับลงไปคุยหารือกับกบ Taxi กลุ่มนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นพระรูปนี้ที่นั่งอยู่กับผม ก็ทำหน้าตากระวนกระวายเหมือนท่านต้องรีบไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง ต่อมาคนขับก็มาเปิดประตูให้พวกผมลงไป ขึ้นแท็กซี่อีกคันนึง แท็กซี่คนใหม่บอกว่าเขาไม่เอาตังค์ ให้จ่ายเงินให้คนเก่า ผมก็คิดว่าเขาน่าจะได้ส่วนแบ่งกัน ก็จ่ายเงินให้ไป (ในใจตอนนั้นคิดว่าเห้ย มากับพระนะ เขาไม่โกงหรอก บาป) สรุปแล้วแท็กซี่คนใหม่เนี่ยเขามีลูกค้าอยู่ 4 คน รวมกับผมและพระเป็น 6 คน นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันไปเสียมเรียบ Oh My God ที่นั่งข้างคนขับนั่ง 2 คน ผมข้างหลังนั่ง 3 คน แล้วก็อีกหนึ่งคนไปนั่งอยู่กับคนขับ ทางจากปอยเปตไปเสียมเรียบ เป็นทางตรงๆประมาณ 200 KM ทำให้ผมรู้ว่าที่คนขับแท็กซี่คนก่อนขับรถไปมาไปมาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาคือการฆ่าเวลาเพื่อที่จะให้ ได้คนเพิ่ม สรุปว่าโดนหลอกนี่หว่า
**ดังนั้นหากจะไปเสียมเรียบโดยแท็กซี่ควรมาหลายๆคนหรืออาจจะหาฝรั่งแถวนั้นก็ได้ช่วยเข้ามาแชร์ จะได้ไม่ต้องขับรถวนไปมารอคนเหมือนผม

ผมไปถึงเสียมเรียบประมาณ 3 ทุ่ม อารมณ์จะเหมือนประมาณถนนราชดำเนินของไทย มีรถติดมาก ไม่มีไฟแดง แล้วรถยนต์กับรถมอเตอร์ไซค์ก็ตัดถนนกันไปมา แต่ผมแปลกใจมาก คือเขาไม่ชนกันเลย สักพักหนึ่ง Taxi ก็จอดเทียบข้างทางบอกว่าถึงแล้ว ผมลงมาแล้วมองไปรอบข้างไม่มีใครเลย แล้วตอนนั้นก็ไม่มีอินเตอร์เน็ตด้วย ไม่รู้อยู่ตรงไหนของเสียมเรียบ มองไปมองมามี ตุ๊กๆคันหนึ่งจอดอยู่ ผมก็เดินเข้าไปคุยบอกว่า อยากที่จะไป Walking Street ตุ๊กๆคนนั้นก็ถามว่าผมเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมก็บอกว่าใช่ (ยังมีโชคอยู่บ้างเจอคนคุยรู้เรื่อง) พาผมไป Walking Street ได้ไหม ตุ๊กๆก็งง ว่า Walking Street คือที่ไหน ผมก็เลยขอมือถือของเขา เพื่อที่จะเปิดอินเตอร์เน็ต บอกที่ที่ผมจะไป แต่มือถือของเขาก็ช้ามาก สุดท้ายผมก็เลยบอกเขา ว่าพาผมไปซื้อซิมก่อน จะได้เปิดที่ที่จะไปถูก
คนขับตุ๊กๆ ชื่อ Borey พาผมไปซื้อซิม ซิมที่นี่ขายราคา 5 ดอลล่า ใช้ได้ 5 กิกะไบต์ จากนั้นผมก็เปิดอินเตอร์เน็ตบอกที่ที่ผมจะไป Borey ก็บอกว่ารู้จัก อันนี้เขาเรียก Pub Street อยู่ไม่ไกล พอไปถึง Pub Street Borey ก็ถามว่าพรุ่งนี้ไปไหนไหมครับ ผมก็บอกยังไม่รู้ ถ้างั้นขอเบอร์ไว้ก่อน เผื่อจะได้โทรหา ให้ไปส่ง เพราะว่าพูดภาษาไทยได้ จะได้คุยกันง่ายๆ (ตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะเดินทางด้วยตัวเอง ไม่นั่งตุ๊กๆ ความแอดเวนเจอร์ต้องมี)

บรรยากาศใน Pub Street ก็อารมณ์ประมาณข้าวสารประเทศไทยนี่แหละ มีร้านสองข้างทาง ผมเดินไปเรื่อยๆ ก็สะดุดเอาร้านนึงชื่อ The Temple มีคนอยู่กันเยอะมาก เพราะร้านนี้ตั้งลำโพงไว้หน้าร้านบนถนน เปิดเพลง เบสแน่นมาก ผู้คนก็มาเต้นกันอยู่หน้าร้าน สนุกมาก
แต่ร้านที่ว่านี้ไม่มีโต๊ะนั่งแล้ว ผมเลยตัดสินใจนั่งร้าน แถวแถวนั้น ที่อยู่ตรงข้าม ขึ้นไปชั้นบนจะได้เห็นบรรยากาศวงกว้าง
ผมสั่งอาหารง่ายๆกับเบียร์ 1 ขวด จากนั้นก็นั่งชมบรรยากาศ คืนวันคริสต์มาสอีฟ

ผมนั่งซึมซับบรรยากาศจนถึงประมาณเที่ยงคืน ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังไม่มีที่นอนเลย ก็เลยเปิดอินเตอร์เน็ต เสิร์ชคำว่า Hostel เสียมเรียบ ก็เจอในเว็บของ booking.com มี Hostel อยู่ใกล้ๆราคาแค่ 5 ดอลลาร์ ผมก็กดจองทันที โดยสามารถจองผ่าน Booking แล้วไปจ่ายที่โรงแรมตอนเข้าพัก
จากนั้นผมก็เปิดหาข้อมูลการเดินทางไปนครวัด ที่กัมพูชาไม่สามารถเช่ามอเตอร์ไซตืได้ เช่าได้แค่จักรยาน แต่ระยะทางในการเที่ยวนครวัดนั้นประมาณ
30 กิโล (ไม่รวมการเดินในนั้น) ทันใดนั้น Borey โทรหาผม ผมก็ตัดสินใจ (เอาเงินแก้ปัญหา) ถ้างั้นพรุ่งนี้จะไปนครวัด มาพาไปซื้อตั๋วแล้วก็ไปนครวัดหน่อย นัดกัน 7 โมงเช้า
ประมาณตี 1 ร้านปิด ผมก็ออกจาก Pub Street เปิด Google map เพื่อไปที่โรงแรมที่จองไว้ ผมแวะ Supermarket เพื่อซื้อน้ำเปล่า แต่บังเอิญมองไปที่ตู้เบียร์ เห็นเบียร์ราคาถูกมากกกกกกกกกกกกก ก็เลยได้ เบียร์ดำมา 1 ขวดแล้วก็ Hoegaarden โรเซ่ 1 ขวด 1.7 USD !

ผมเปิดเบียร์ดำ เดินไปที่ Hostel ระหว่างทางเดินไปที่ Hotel ทางเริ่มเปลี่ยว ไฟเริ่มมืด ผมก็คิดในใจ กูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้วะเนี่ย อีก 100 เมตร ผมแข็งใจเดินต่อ Hostel ที่ผมจอง เป็นแบบห้อง 4 คน ดูในเว็บก็ค่อนข้างดี แต่เข้ามาเจอข้างหน้าแบบนี้ ก็มีลังเลเหมือนกัน
(ของจริงมืดกว่านี้เยอะ แต่ S8+ ไม่หวั่นแม้ในที่แสงน้อย)

แต่จังหวะนี้หันกลับไม่ได้แล้ว เอาวะลุยกันหน่อย ผมเดินเข้าไป Check in สภาพห้องและหน้าตา Room mate ของผมคืนนี้
สำหรับผมแล้วค่อนข้างดีเลยทีเดียวกับราคา 5 ดอลลาร์หรือประมาณ 160 บาท



ผมตื่นมา 6 โมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ลืมบอกที่โรงแรม มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ติดแอร์ด้วย 7 โมง Borey ก็มารับที่หน้าโรงแรม ผมบอกว่าผมต้องไปซื้อบัตรผ่านก่อน Borey พาไปซื้อบัตร ที่ซื้อบัตรอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ประมาณ 5 กิโลได้ แต่ช่วงที่ผมออกไปการจราจรจะหนาแน่นหน่อย

พอมาถึงที่ทำการตั๋ว ผมก็เข้าไปต่อแถว ซื้อตั๋ว 1 วัน สำหรับเข้าชมนครวัด โดยตัวสามารถใช้เพื่อเข้าชม วัดต่างๆโดยรอบได้
** ตั๋วราคา 1 วัน 37 ดอลลาร์
ห้ามทำหายเพราะต้องโชว์ที่ทางเข้าวัดทุกครั้ง


พอได้ตั๋ว Borey ก็พาผมไปนครวัด โดยผมตกลงจะเที่ยวแบบทัวร์ใหญ่ 10 ที่ราคาเหมาทั้งวัน 30 USD ระหว่างทางผมบอกว่าผมหิวข้าวขอแวะกินข้าว Borey ก็แวะร้านอาหารตามสั่งให้ผม Borey สั่งข้าวผัดให้ผมกิน ผมก็คุยกับ Borey ว่าเมื่อคืน ผมเจอเบียร์ถูกมาก ผมตื่นเต้นมาก เพราะว่าชอบกินเบียร์ อยากจะกินเบียร์กัมพูชาให้ครบ ที่ร้านก็มีขายอยู่ มีอยู่ 3 ยี่ห้อ ผมก็บอกว่าผมกินอังกอร์เบียร์เรียบร้อยแล้ว บาร์บี้ก็บอกว่าถ้างั้นลองกันเบอร์ ผมก็ให้ปริมาณ 2 กระป๋อง เพิ่งกินข้าวเสร็จคิดเงิน เขาคิดราคาแค่ 3 ดอลลาร์ 100 บาทด้วยข้าว 1 จานกับเบียร์ 2 กระป๋อง สุดยอดไปเลย

ต่อไปเป็นการนครวัด จุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่ ผมชอบสถาปัตยกรรม แล้วก็ศิลปะ ทำให้ผมทึ่งมาก ว่าสมัยก่อน การจะทำสิ่งที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ต้องใช้แรงงานขนาดไหน แล้วต้องใช้การออกแบบที่ชาญฉลาดขนาดไหน จะต้องใช้ช่างฝีมือสักกี่คน ถึงจะได้ออกมาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ขนาดนี้ รูปเน้นๆอัดเต็ม





ลุยเดี่ยวครั้งแรก กัมพูชา - นครวัด - Pub Street แผนไม่มี ตายเอาดาบหน้าล้วนๆ รูปเยอะมาก
สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าการเดินทางครั้งแรกของผมในต่างแดนนะครับ ก่อนอื่นเลยขอบอกว่าก่อนนะครับ ของผมเนี่ยเป็นการเดินทางที่ไม่มีการวางแผน ไปตายเอาดาบหน้าล้วนๆ (ขนาดรถตู้ยังหาที่ขึ้นเอาวันนั้นเลย) จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาที่พึ่งเพื่อจะเดินตามรอย เพราะเวลาไม่เปีะ งบไม่คุม (ใช้เงินแก้ปัญหาบ้าง ฮ่าๆๆ) แต่ก็เก็บแลนด์มาร์คครบอยู่ แต่สำหรับใครที่อยากจะเริ่มออกเดินทางเหมือนผม หรืออยากติดตามว่าผมไปเจออะไรมาบ้าง รอดมาได้ยังไง ก็จะได้เรียนรู้กันไปนะครับ พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ
เรามาเริ่มจากสิ่งที่ต้องรู้สำหรับการเดินทางไปกัมพูชา
1. การเดินทางมีได้ 2 แบบก็คือ
ทางรถ และการเดินทางทางเครื่องบิน การเดินทาง ทางรถเริ่มจากนั่งรถตู้ไปโรงเกลือ และนั่งรถต่อไปเสียมเรียบ
ทางเครื่องบิน สามารถบินไปลงที่เสียมเรียบได้เลย (แนะนำไปทางเครื่องบินดีกว่า ถ้ามีเวลาจำกัด และเอาจริงๆถ้าได้ตั๋วโปรมาก็ถูกกว่าด้วย) แต่ด้วยความดาบหน้าของผม และเวลาเหลือ อยากชิว (ชิวไหมเด่วรู้เรื่อง) ก็เลยไปทางรถ
2.เงิน ที่กัมพูชาใช้เงิน สกุล เรียล ดอลลาร์ ไทยบาท แต่ใช้เงินดอลลาร์จะดีที่สุด
**ถ้าอยู่ที่นั่นแล้วเกิดเงินไม่พอสามารถกด ATM ของธนาคาร International ได้ แต่จะเสียค่าธรรมเนียมในการกดครั้งละ 4 ดอลลาร์
3.ไฟฟ้า ประเทศกัมพูชาใช้ไฟฟ้าเหมือนประเทศไทย ดังนั้นปลั๊ก สามารถใช้ได้เลยไม่ต้องมี adapter
การเดินทางของผมเริ่มต้นที่ บขส. ชลบุรี นั่งไปโรงเกลือได้เลย 200 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
เมื่อมาถึงจุดจอดรถตู้ที่ตลาดโรงเกลือแล้ว จะต้องเดินไปที่ตม. ซึ่งห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ตรงนั้นจะมีธนาคารให้แลกเงิน
ทำเรื่องออกเข้าระหว่างประเทศให้เรียบร้อย (อย่าลืมทำเรื่องขาเข้าประเทศกัมพูชา มิฉะนั้นจะโดนปรับวันละ 300 บาท) ออฟฟิตจะอยู่เลยคาสิโนมา ตั้งอยู่ทางด้านขวาของถนน
ผมมาถึงปอยเปตประมาณ 4 โมงเย็น ตอนนั้นคิดว่าจะต้องมีป้ายรถบัส หรือจุดขึ้นรถโดยสารเพื่อนั่งไปเสียบเรียบ เลยเดินไปเรื่อยๆ (ตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อซิมเขมร = ไม่มีอินเตอร์เน็ต = หารูปที่ที่จะไปให้เขาดูไม่ได้ = แปลภาษาสื่อสารไม่ได้) ตรงนั้นจะมี Taxi กับวินมอเตอร์ไซต์เยอะมาก เขาเห็นนักท่องเที่ยวจะมาถามตลอดว่า เสียมเรียบ ?? เสียมเรียบ ?? เสียมเรียบ ?? และอยากจะแอดเวนเจอร์ ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาบางสิ่งที่อาจจะคล้าย ป้ายรถโดยสาร ผมเดินไปประมาณ 1 กิโล ไม่เห็นวี่แวว และความหนาแน่นของคนเริ่มลดลง ความมั่นใจเริ่มลดลง ตอนนั้นเองก็มีมอเตอร์ไซต์ขับมาเทียบ ถามว่าจะไปไหน ผมก็บอกว่า Bus Station วินก็บอกว่า OK ผมก็โอเคขึ้นไป ระหว่างทางผมก็ถามว่า ค่ารถบัสเท่าไหร่ เขาบอก 12$ แล้วสักพักหนึ่งเขาก็พูดว่า TAXI ไหม คิดแค่ 10$ ผมก็สงสัย ทำไม TAXI ราคาแค่นั้น ก็เลยถามย้ำไปว่า 10 USD ใช่ไหม เขาบอกใช่ 10 ดอลลาร์ ในใจผมก็คิดว่าเออก็ดี TAXI ยังไงก็ไวกว่ารถบัส ก็เลยตอบตกลงไป . . . สักพักวินมอไซต์ก็จอดในดงคนขับ TAXI กลุ่มหนึ่ง แล้วก็คุยกันให้ผมเข้าไปนั่งรอในรถ ด้านในมีพระนั่งอยู่รูปหนึ่ง ถึงตอนนั้นผมก็เข้าใจว่า $10 ที่ว่าก็คือให้คนแชร์คนละ 10 ดอลลาร์นั้นเอง ! ตอนนี้ก็เหลือรออีก 2 คน ผมนั่งรออยู่ประมาณ 20 นาที ก็ยังไม่มีใครมาเพิ่มสักคน เหมือนคนในแท็กซี่กลุ่มนั้นเห็นผม ทำท่าทางรีบ ก็เลยมาคุยว่า ถ้า 15 ดอลลาร์แล้วไปเลยเอาไหม ผมก็บอก $13 แล้วกัน เขาก็บอกว่าโอเค สักพักหนึ่งเขาก็เอาขึ้นรถแล้วขับออกไป ไปหยุดอยู่ที่บ้านห้องแถวแห่งหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกมา ส่วนคนขับแท็กซี่ต้องไปขนของอะไรสักอย่างใส่หลังรถ
แล้วก็ขับออกไป เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 40 นาที ก็ไปจอดเอาอีกที่ที่หนึ่ง ผมเดาว่าน่าจะเป็นอีกบ้านหนึ่งของเขา เพราะเด็กคนนั้นวิ่งลงไปที่บ้านหลังนี้ คนขับคุยกับเพื่อนในโทรศัพท์ ผมเดาว่าเขาพยายามที่จะหาคนเพิ่ม ตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว (แต่ยังไปไม่ถึงไหนเลย คนขับกับพระก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษ) สักพักนึงก็จอดข้างทาง กับแท็กซี่อีกกลุ่มหนึ่ง คนขับลงไปคุยหารือกับกบ Taxi กลุ่มนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นพระรูปนี้ที่นั่งอยู่กับผม ก็ทำหน้าตากระวนกระวายเหมือนท่านต้องรีบไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง ต่อมาคนขับก็มาเปิดประตูให้พวกผมลงไป ขึ้นแท็กซี่อีกคันนึง แท็กซี่คนใหม่บอกว่าเขาไม่เอาตังค์ ให้จ่ายเงินให้คนเก่า ผมก็คิดว่าเขาน่าจะได้ส่วนแบ่งกัน ก็จ่ายเงินให้ไป (ในใจตอนนั้นคิดว่าเห้ย มากับพระนะ เขาไม่โกงหรอก บาป) สรุปแล้วแท็กซี่คนใหม่เนี่ยเขามีลูกค้าอยู่ 4 คน รวมกับผมและพระเป็น 6 คน นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันไปเสียมเรียบ Oh My God ที่นั่งข้างคนขับนั่ง 2 คน ผมข้างหลังนั่ง 3 คน แล้วก็อีกหนึ่งคนไปนั่งอยู่กับคนขับ ทางจากปอยเปตไปเสียมเรียบ เป็นทางตรงๆประมาณ 200 KM ทำให้ผมรู้ว่าที่คนขับแท็กซี่คนก่อนขับรถไปมาไปมาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาคือการฆ่าเวลาเพื่อที่จะให้ ได้คนเพิ่ม สรุปว่าโดนหลอกนี่หว่า
**ดังนั้นหากจะไปเสียมเรียบโดยแท็กซี่ควรมาหลายๆคนหรืออาจจะหาฝรั่งแถวนั้นก็ได้ช่วยเข้ามาแชร์ จะได้ไม่ต้องขับรถวนไปมารอคนเหมือนผม
คนขับตุ๊กๆ ชื่อ Borey พาผมไปซื้อซิม ซิมที่นี่ขายราคา 5 ดอลล่า ใช้ได้ 5 กิกะไบต์ จากนั้นผมก็เปิดอินเตอร์เน็ตบอกที่ที่ผมจะไป Borey ก็บอกว่ารู้จัก อันนี้เขาเรียก Pub Street อยู่ไม่ไกล พอไปถึง Pub Street Borey ก็ถามว่าพรุ่งนี้ไปไหนไหมครับ ผมก็บอกยังไม่รู้ ถ้างั้นขอเบอร์ไว้ก่อน เผื่อจะได้โทรหา ให้ไปส่ง เพราะว่าพูดภาษาไทยได้ จะได้คุยกันง่ายๆ (ตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะเดินทางด้วยตัวเอง ไม่นั่งตุ๊กๆ ความแอดเวนเจอร์ต้องมี)
แต่ร้านที่ว่านี้ไม่มีโต๊ะนั่งแล้ว ผมเลยตัดสินใจนั่งร้าน แถวแถวนั้น ที่อยู่ตรงข้าม ขึ้นไปชั้นบนจะได้เห็นบรรยากาศวงกว้าง
ผมสั่งอาหารง่ายๆกับเบียร์ 1 ขวด จากนั้นก็นั่งชมบรรยากาศ คืนวันคริสต์มาสอีฟ
ผมนั่งซึมซับบรรยากาศจนถึงประมาณเที่ยงคืน ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังไม่มีที่นอนเลย ก็เลยเปิดอินเตอร์เน็ต เสิร์ชคำว่า Hostel เสียมเรียบ ก็เจอในเว็บของ booking.com มี Hostel อยู่ใกล้ๆราคาแค่ 5 ดอลลาร์ ผมก็กดจองทันที โดยสามารถจองผ่าน Booking แล้วไปจ่ายที่โรงแรมตอนเข้าพัก
จากนั้นผมก็เปิดหาข้อมูลการเดินทางไปนครวัด ที่กัมพูชาไม่สามารถเช่ามอเตอร์ไซตืได้ เช่าได้แค่จักรยาน แต่ระยะทางในการเที่ยวนครวัดนั้นประมาณ
30 กิโล (ไม่รวมการเดินในนั้น) ทันใดนั้น Borey โทรหาผม ผมก็ตัดสินใจ (เอาเงินแก้ปัญหา) ถ้างั้นพรุ่งนี้จะไปนครวัด มาพาไปซื้อตั๋วแล้วก็ไปนครวัดหน่อย นัดกัน 7 โมงเช้า
ประมาณตี 1 ร้านปิด ผมก็ออกจาก Pub Street เปิด Google map เพื่อไปที่โรงแรมที่จองไว้ ผมแวะ Supermarket เพื่อซื้อน้ำเปล่า แต่บังเอิญมองไปที่ตู้เบียร์ เห็นเบียร์ราคาถูกมากกกกกกกกกกกกก ก็เลยได้ เบียร์ดำมา 1 ขวดแล้วก็ Hoegaarden โรเซ่ 1 ขวด 1.7 USD !
ผมเปิดเบียร์ดำ เดินไปที่ Hostel ระหว่างทางเดินไปที่ Hotel ทางเริ่มเปลี่ยว ไฟเริ่มมืด ผมก็คิดในใจ กูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้วะเนี่ย อีก 100 เมตร ผมแข็งใจเดินต่อ Hostel ที่ผมจอง เป็นแบบห้อง 4 คน ดูในเว็บก็ค่อนข้างดี แต่เข้ามาเจอข้างหน้าแบบนี้ ก็มีลังเลเหมือนกัน
(ของจริงมืดกว่านี้เยอะ แต่ S8+ ไม่หวั่นแม้ในที่แสงน้อย)
แต่จังหวะนี้หันกลับไม่ได้แล้ว เอาวะลุยกันหน่อย ผมเดินเข้าไป Check in สภาพห้องและหน้าตา Room mate ของผมคืนนี้
สำหรับผมแล้วค่อนข้างดีเลยทีเดียวกับราคา 5 ดอลลาร์หรือประมาณ 160 บาท
ผมตื่นมา 6 โมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ลืมบอกที่โรงแรม มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ติดแอร์ด้วย 7 โมง Borey ก็มารับที่หน้าโรงแรม ผมบอกว่าผมต้องไปซื้อบัตรผ่านก่อน Borey พาไปซื้อบัตร ที่ซื้อบัตรอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ประมาณ 5 กิโลได้ แต่ช่วงที่ผมออกไปการจราจรจะหนาแน่นหน่อย
พอมาถึงที่ทำการตั๋ว ผมก็เข้าไปต่อแถว ซื้อตั๋ว 1 วัน สำหรับเข้าชมนครวัด โดยตัวสามารถใช้เพื่อเข้าชม วัดต่างๆโดยรอบได้
** ตั๋วราคา 1 วัน 37 ดอลลาร์ ห้ามทำหายเพราะต้องโชว์ที่ทางเข้าวัดทุกครั้ง
พอได้ตั๋ว Borey ก็พาผมไปนครวัด โดยผมตกลงจะเที่ยวแบบทัวร์ใหญ่ 10 ที่ราคาเหมาทั้งวัน 30 USD ระหว่างทางผมบอกว่าผมหิวข้าวขอแวะกินข้าว Borey ก็แวะร้านอาหารตามสั่งให้ผม Borey สั่งข้าวผัดให้ผมกิน ผมก็คุยกับ Borey ว่าเมื่อคืน ผมเจอเบียร์ถูกมาก ผมตื่นเต้นมาก เพราะว่าชอบกินเบียร์ อยากจะกินเบียร์กัมพูชาให้ครบ ที่ร้านก็มีขายอยู่ มีอยู่ 3 ยี่ห้อ ผมก็บอกว่าผมกินอังกอร์เบียร์เรียบร้อยแล้ว บาร์บี้ก็บอกว่าถ้างั้นลองกันเบอร์ ผมก็ให้ปริมาณ 2 กระป๋อง เพิ่งกินข้าวเสร็จคิดเงิน เขาคิดราคาแค่ 3 ดอลลาร์ 100 บาทด้วยข้าว 1 จานกับเบียร์ 2 กระป๋อง สุดยอดไปเลย