เชียงใหม่​ "อิฐแดงกำแพงเงิน"

เรื่องที่ผมจะเล่านี้เป็นสารคดีท่องเที่ยวนะครับ เน้นการเขียนมากหน่อย​รูปอาจไม่สวยเพราะไม่ใช่นักถ่ายภาพ​ แต่อัดแน่นด้วยอารมณ์​ ข้อมูล​ ​ความเห็น​และรูปภาพครับ​

     
หนังสืออ้างอิง​เบื้องต้นก่อนเที่ยวเชียงใหม่


          เชียงใหม่ “อิฐแดงกำแพงเงิน”
     ตอนนี้ผมอายุ ๓๑ ปี ผมเกิดที่สมุทรสาคร ปัจจุบันผมทำงานและอยู่กรุงเทพฯ มา ๖ ปี เป็น ๖ ปีผมไปกลับกรุงเทพฯและสมุทรสาครอย่างชาชินกินความรู้สึก สมุทรสาครบ้านผมเป็นดงโรงงาน มลพิษ กลิ่น ควัน และปล่องเหลี่ยมปล่องกลมไม่ได้น่ารื่นรมย์ต่อตา หู จมูกของผมซักนิด ส่วนกรุงเทพฯเหรอครับก็น่าจะสัมผัสกันได้อยู่ทั้งกองทัพคน ขบวนรถ ตึกอาคารระเกะระกะน่าเวียนหัว รีบเร่ง แกร่งแย่ง เบียดเสียดเพื่อแลกกับเงินเดือนชนเดือน และรอคอยความก้าวหน้ามั่นคงอย่างบีบคั้น กรุงเทพฯจึงเหมือนบ้านหลังที่ ๒ ที่ผมคงต้องทนอยู่ แต่ชีวิตยังมีหวังและมีฝันใช่มั้ยครับ? ถ้าเลือกได้ก็ควรเลือก ถ้าดิ้นได้ก็ควรดิ้น ความหวังและความฝันที่จะมีบ้านหลังที่ ๓ ของผมจึงบังเกิด บ้านหลังที่ ๓ ที่จะช่วยเยียวยากายใจอันเหนื่อยล้า บ้านแห่งการพักผ่อน ต้นไม้ สายน้ำ และความสงบ(เพ้อฝันยิ้ม)


ด้วยความหวังและความฝันนี้แหละครับผมจึงคิดเดินทางท่องเที่ยวต่างไปจากเดิมกล่าวคือ ผมต้องไปคนเดียว ไปอย่างผู้แสวงหา ใคร่รู้ ไปอย่างรอบคอบ ศึกษา และวางแผน เพื่อตามหา ค้นหา ศึกษาความเป็นไปได้ว่าจังหวัดใดในประเทศนี้จะเหมาะเป็นบ้านหลังที่ ๓ ของผม ขณะเดียวกันบ้านหลังที่ ๓ ต้องไกลจากสมุทรสาครและกรุงเทพฯมากๆ ผมจึงจำกัดขอบเขตไว้ที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยไม่พิจารณาภาคใต้เพราะบ้านเกิดผมก็ติดทะเลอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นภาคเหนือและภาคอีสานก็มีวัฒนธรรม ภาษา อาหารและผู้คนที่ผมหลงรัก


ดังนั้นปีที่ ๓๑ ของชีวิตผมเป็นต้นไปนี้แหละครับที่ผมจะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหาบ้านหลังที่ ๓ และผมขอเลือกจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรกที่ผมจะไป


เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่คุ้นหูผมมาตั้งแต่เด็ก เสียงรัก เสียงหลง และเสียงชอบจังหวัดนี้ผมได้ยินผ่านปู่ย่าตายายและพ่อแม่อยู่เสมอ ผมเคยถามพวกท่านว่าคนสมัยก่อนชอบไปเที่ยวจังหวัดไหน ไปจังหวัดไหนแล้วประทับใจที่สุด คำตอบที่ผมคุ้นหูที่สุดคือจังหวัดเชียงใหม่ ปู่กับย่าเคยนั่งเรือจากสมุทรสาครไปต่อรถที่กรุงเทพเข้าหัวลำโพง และนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ ปู่กับย่ามักเล่าด้วยความสนุกว่า นั่งรถไฟไปเกือบวัน คนส่วนใหญ่เขาหลับกันหัวโยกหัวโคลงไปมา เมื่อรถไฟหยุดตามสถานีก็มีของกินของขายคึกคัก โดยเฉพาะย่าเล่าว่า นั่งรถไฟไม่เคยหลับเพราะธรรมชาติสวย มองออกนอกหน้าต่างได้ไม่รู้เบื่อ ยิ่งตอนเข้าอุโมงค์ยาวๆ(อุโมงค์ขุนตาน) รถไฟมืดไปทั้งขบวน ผู้หญิงต่างวี้ดว้ายกริ๊ดกร๊าดกันสนุกสนาน ในขณะที่รถไฟเริ่มขึ้นเขาก็จะสั่นมากๆน่ากลัวแต่สนุกดี ส่วนปู่กับตาผมมักจะเล่าถึงเชียงใหม่อีกมุมหนึ่งว่า เชียงใหม่มีสาวงาม ผิวขาว ตัวเล็กๆ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผู้ชายพอเริ่มหนุ่มๆใครๆก็อยากไปเชียงใหม่ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ ที่เชียงใหม่เข้าเล่นกันสนุก ผู้หญิงผู้ชายจับเนื้อต้องตัวกันได้เขาไม่ถือสา ในขณะที่พ่อกับแม่ผมน่าจะบอกได้ว่าเขามาเดทกันครั้งแรกที่เชียงใหม่ นั่งรถทัวร์ของคณะกฐินมาเที่ยวเชียงใหม่ ขึ้นดอยสุเทพฯ ไหว้พระธาตุ บูชาครูบาศรีวิชัยจนมีผมทุกวันนี้ ทั้งหมดนี้ก็คงไม่แปลกใช่มั้ยครับที่ผมอยากให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นบ้านหลังที่ ๓ ของผม

รูปพ่อกับแม่ตอนไปเดท​กันที่เชียงใหม่


ก่อนจะเดินทางไปเชียงใหม่ผมศึกษา หาความรู้ และข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและอนาคตการพัฒนาของจังหวัดเชียงใหม่มาพอสมควร โดยมีหนังสือที่ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานอยู่ ๓ เล่มคือ ๑. เที่ยวทั่วไทยไปกับ “นายรอบรู้” เชียงใหม่ ๒. ทุนเชียงใหม่ ๓. ๙ ตระกูลดังแห่งล้านนา นอกจากนั้นก็เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ และยูทูปต่างๆ ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ และยูทูปมี ๒ ประเด็นที่ทำให้ผมสนใจเชียงใหม่มากยิ่งขึ้นคือ ๑.เชียงใหม่เมืองหลวงของกาแฟ ๒.เชียงใหม่เมืองปราบเซียน เพราะผมหลงใหลในกลิ่น รส และเสพติดกาแฟอย่างมากจนฝันว่าอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองเลยทีเดียว ในขณะที่เชียงใหม่เมืองปราบเซียนก็น่าสนใจใคร่รู้สำหรับผม เพราะความหมายของคำนี้คือ ใครที่ว่าเก่ง ว่าแน่ ว่าเซียนทางธุรกิจมาเจอเชียงใหม่ถ้าไม่แน่จริงมีแต่ม้วนเสื่อกลับบ้านทั้งนั้น ทั้งหมดที่กล่าวมากระตุ้นความอยากไปเชียงใหม่ของผมแบบสุดๆ จนเป็นที่มาของแผนเที่ยวเชียงใหม่ที่ผมตั้งชื่อว่า เชียงใหม่ “อิฐแดงกำแพงเงิน”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่