บูรณาการแรงงาน ธุรกิจ เทคโนโลยี

การปฏิวัติอุตสาหกรรมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีจักรกลหรือเทคโนโลยีรับบทตัวเอก ซึ่งนำความสั่นสะเทือนมาสู่สังคมและเศรษฐกิจ ทั้งด้านบวกและลบ โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ กับคนที่ปรับตัวไม่ทัน หรือไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง


ปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับฟังก์ชั่นการทำงาน นอกจากในเรื่องของระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ยังมาในรูปแบบของแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดอาชีพหรือบริการใหม่ ๆ ที่ชัด ๆ กันอยู่ในยุคนี้ เช่น การเรียกแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่น การสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านไลน์หรือเฟซบุ๊ก บริการข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ การถ่ายภาพด้วยโดรน เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เห็นทั้งวิกฤติและโอกาส โดยมีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้น ขณะเดียวกันบางคนอาจมองว่าเป็นวิกฤติ แต่กระนั้นหากมองลึกลงไปอีก วิกฤติที่ว่าก็ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ด้วย ...อย่างไร?


จากตัวอย่างบริการข้างต้น เทคโนโลยีทำให้เกิดบริการใหม่ ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจมองว่าทำให้บริการแบบดั้งเดิมที่มีอยู่ได้รับผลกระทบ เช่น บริการแท็กซี่มิเตอร์แบบเดิม ร้านค้าที่มีหน้าร้านปกติ สื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม หรือช่างภาพตากล้อง ได้รับผลกระทบจากการถูกแย่งงาน แย่งบริการ หรือมีคู่แข่งที่มีศักยภาพกว่าเกิดขึ้นมา อาจมีผลให้ธุรกิจหรืออาชีพการงานต้องหยุดชะงักลง

แต่สิ่งที่คิดว่าเป็นวิกฤติเหล่านั้น สามารถนำมาแปรสภาพให้เป็นโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดบริการใหม่ อาชีพใหม่ ๆ หรือทักษะใหม่ ๆ ได้ด้วย ...อย่างไร?

แท็กซี่มิเตอร์แบบเดิมสามารถต่อยอดคุณค่าด้วยการเพิ่มบริการเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่น ร้านค้าที่มีหน้าร้านปกติสามารถขยายบริการให้สามารถสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์หรือเฟซบุ๊ก สื่อสิ่งพิมพ์สามารถเพิ่มบริการทางเฟซบุ๊ก/ไลน์ ตากล้องก็สามารถเพิ่มทักษะในการใช้โดรนถ่ายภาพ เป็นต้น


จะเห็นว่า จริง ๆ แล้ว เทคโนโลยีที่เข้ามาไม่ได้ทิ้งให้ผู้คนหรือธุรกิจต้องโดดเดี่ยว หากทั้งคนและธุรกิจรู้จักปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง พัฒนาทักษะ เสาะแสวงหาช่องทางใหม่ ๆ ก็จะไม่ดับ แต่กลับเป็นโอกาสของการขยายตัว

ตัวอย่างหนึ่งจากในอดีต หากยังจำได้เมื่อครั้งคอมพิวเตอร์เข้ามาใหม่ ๆ พนักงานพิมพ์ดีดก็ค่อย ๆ หายไป แต่เป็นการหายไปแบบมีทักษะมากขึ้น กลายเป็นพนักงานที่สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยการฝึกทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งสามารถหางานทำได้หลากหายสาขามากกว่า เป็นมูลค่าเพิ่มของตัวมนุษย์เอง

แม้เทคโนโลยีหรือระบบอัตโนมัติจะมาแทนแรงงานมนุษย์บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีงานให้มนุษย์ทำ เมื่อองค์กรสามารถทำงานได้มากขึ้น ค่าใช้จ่ายน้อยลง ก็ทำให้ขยายธุรกิจได้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงการเพิ่มสินค้าและบริการ เปิดสาขาใหม่ เพิ่มพนักงาน ลดราคาได้มากขึ้น ผู้บริโภคก็จะซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง ผลดีมีอยู่มากมายเช่นกัน


ในแง่ของธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับโลกมองว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจะทำให้มีสินค้าและบริการใหม่ ๆ รวมทั้งการบริหารจัดการและจัดสรรทรัพยากรของธุรกิจต่าง ๆ ดีขึ้น เพราะความคาดหวังของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็จะถูกพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งทุกอุตสาหกรรมต่างต้องเผชิญกับแรงกดดันเพื่อเอาตัวรอด ดังนั้นจะเกิดการรวมกลุ่มของหุ้นส่วนใหม่ ๆ ที่จับคู่ข้ามบริษัทมาร่วมทุน และแลกเปลี่ยนจุดแข็งของแต่ละฝ่าย ทำให้เกิดการปรับปรุงระบบปฏิบัติการให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมมากขึ้น

องค์กรขนาดใหญ่จึงต้องเอาตัวรอดด้วยการใช้ข้อได้เปรียบของกลุ่มธุรกิจ SMEs หรือ สตาร์ทอัพ ที่มีรูปแบบการทำงานที่คล่องตัว รับมือต่อการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วกว่า เข้ามาเชื่อมต่อกับธุรกิจทั้งการจัดหาและจับมือร่วมทุน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จึงเป็นยุคของความร่วมมือ จับมือไปด้วยกันระหว่างองค์กรขนาดย่อมและใหญ่  
  
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสร้างงาน รูปแบบการทำงาน และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ซึ่งงานใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น มนุษย์เป็นผู้ออกแบบและดูแลควบคุมเทคโนโลยี มนุษย์จึงไม่จำเป็นต้องกลัวเทคโนโลยี แต่ควรปรับตัวเพื่อรับกับเทคโนโลยีเพื่ออยู่ร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างกลมเกลียว

////////////////////////////

Why the rise of the robots won’t mean the end of work

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่