คำว่า “บิด’อะห์” เป็นคำภาษาอรับว่า البدعة มีความหมายตรงกับภาษาไทยว่า “นวัตกรรม” แต่ว่า นักวิชาการมุสลิมไทย
ใช้คำว่า “อุตริกรรม” แต่ในที่นี้ เห็นว่า คำว่า “นวัตกรรม” มีความหมายตรงกับคำว่า البدعة บิดอะฮฺ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นวัตกรรม หมายถึงการทำสิ่งต่างๆด้วยวิธีใหม่ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิต กระบวนการ หรือองค์กร ไม่ว่าการเปลี่ยนนั้นจะเกิดขึ้นจากการปฏิวัติ การเปลี่ยนอย่างถอนรากถอนโคน หรือการพัฒนาต่อยอด ทั้งนี้ มักมีการแยกแยะความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างการประดิษฐ์คิดค้น ความคิดริเริ่ม และนวัตกรรม อันหมายถึงความคิดริเริ่มที่นำมาประยุกต์ใช้อย่างสัมฤทธิ์ผล
คำว่า “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” ในศาสนาอิสลามหมายถึงการประดิษฐ์ หรือการสร้างหรือการเพิ่มเนื้อหา อันเป็นเรื่องของความศรัทธาทางจิตวิญญาณ หรือพฤติกรรมทางจริยธรรม ทางศาสนา ซึ่งไม่ได้มีบัญญัติอยู่ใน คัมภีร์อัลกุรอานหรือจากคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดอันเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ท่านนบีอิบรอฮิมนั้นมาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสมัยของท่านศาสดามูฮัมมัด เมื่อท่านได้รับ
อัลกุรอาน เป็นศาสนาที่สมบูณ์ ตามที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอานว่า:”....วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเธอสมบูรณ์เพื่อพวกเธอ และฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเธอนั้นบริบูรณ์ และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเธอ....” อัลลอฮ์ได้ทรงยืนยันว่าศาสนาอิสลามนี้สมบูรณ์แล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องเพิ่มเติมหล้กการอันใดเข้าไปอีก การต่อเติมหลักศรัทธาเข้าไปในศาสนาอิสลามนี้เรียกว่า "บิด'อะห์"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ حُرِّمَتْ عَلَيْكُمُ الْمَيْتَةُ وَالدَّمُ وَلَحْمُ الْخِنْزِيرِ وَمَا أُهِلَّ لِغَيْرِ اللَّهِ بِهِ وَالْمُنْخَنِقَةُ وَالْمَوْقُوذَةُ وَالْمُتَرَدِّيَةُ وَالنَّطِيحَةُ وَمَا أَكَلَ السَّبُعُ إِلَّا مَا ذَكَّيْتُمْ وَمَا ذُبِحَ عَلَى النُّصُبِ وَأَنْ تَسْتَقْسِمُوا بِالْأَزْلَامِ ۚ ذَٰلِكُمْ فِسْقٌ ۗ الْيَوْمَ يَئِسَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ دِينِكُمْ فَلَا تَخْشَوْهُمْ وَاخْشَوْنِ ۚ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا ۚ فَمَنِ اضْطُرَّ فِي مَخْمَصَةٍ غَيْرَ مُتَجَانِفٍ لِإِثْمٍ ۙ فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ {3}
{5:3} ได้ถูกห้ามแก่พวกเธอแล้ว ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง และโลหิต และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮฺ ยามที่(เชือด)มัน และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และสัตว์ที่ถูกตีตาย และสัตว์ที่ตกเหวตาย และสัตว์ที่ถูกขวิดตาย และสัตว์ที่ถูกสัตว์ร้ายกัดกิน นอกจากที่พวกเธอเชือด และสัตว์ที่ถูกเชือดบนแท่นหินบูชา และการที่พวกเธอเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว เหล่านั้นเป็นการละเมิด วันนี้บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา หมดหวังในศาสนาของพวกเธอแล้ว ดังนั้นพวกเธอจงอย่ากลัวพวกเขา และจงกลัวฉันเถิด วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเธอสมบูรณ์เพื่อพวกเธอ และฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเธอนั้นบริบูรณ์ และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเธอ ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหย โดยไม่ใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาป แน่นอนอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงอภัยโทษ พระผู้ทรงปรานีเสมอ
สิ่งที่เป็นบิด'อะห์ มุสลิมผู้ที่ไม่ใช่นักวิชาการทางศาสนาอิสลาม อาจจะเข้าใจ การกระทำที่เป็นบิด'อะห์ได้ เมื่อเขาเห็นการกระทำโดยมุสลิมหรือนักวิชาการที่กระทำสิ่งใดๆในเวลาหนึ่งเวลาใดหรือในลักษณะซึ่งไม่มีหลักฐานในอัลกุรอานสนับสนุน
เหตุผลที่มีการทำบิด’อะห์ ในศาสนาอิสลาม
1. บิด’อะห์ ที่เกิดจากความเขลาของนักวิชาการ
ความเขลาและการขาดความรู้ทางศาสนาที่แท้จริง เมื่อนักวิชาการต้นตำหรับตายไป ได้มีการแต่งตั้งนักวิชาการใหม่ขึ้นมาจากบรรดาผู้ที่ขาดหลักวิชา นักวิชาการที่เขลาเหล่านี้ ได้กำหนดกฏบัญญัติในศาสนาซึ่งไม่มีหลักฐานร้บรองจากในอัลกุรอาน
2. บิด’อะห์ ที่เกิดจากตัณหาหรือความต้องการของตนเอง อัลลอฮ์บัญญัติไว้ว่า:
“......และผู้ใดเล่าจะหลงผิดยิ่งไปกว่าผู้ปฏิบัติตามตัณหาของเขา โดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้องจากอัลลอหฺ....” (28:50)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
فَإِنْ لَمْ يَسْتَجِيبُوا لَكَ فَاعْلَمْ أَنَّمَا يَتَّبِعُونَ أَهْوَاءَهُمْ ۚ وَمَنْ أَضَلُّ مِمَّنِ اتَّبَعَ هَوَاهُ بِغَيْرِ هُدًى مِنَ اللَّهِ ۚ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الظَّالِمِينَ 50
{28:50} หากพวกเขาไม่ยอมสนองตอบเธอ ก็พึงรู้เถิดว่า พวกเขาปฏิบัติตามตัณหาของพวกเขา และผู้ใดเล่าจะหลงผิดยิ่งไปกว่าผู้ปฏิบัติตามตัณหาของเขา โดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้องจากอัลลอหฺ แท้จริงอัลลอหฺจะไม่ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่กลุ่มชนผู้อธรรม
3. ปฏิบัติตามคำสอนและการกระทำของบรรพบุรุษ อย่างคนตาบอดโดยไม่ใช้เหตุผลและการพิจารณาว่า กิจกรรมนั้นๆมีหลักฐานสนับสนุนจากอัลกุรอานในการปฏิบัติของเขาหรือไม่
“เราจะปฏิบัติตามเฉพาะที่เราพบว่าบรรพบุรุษของเราได้ปฏิบัติ”(2:170)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّبِعُوا مَا أَنْزَلَ اللَّهُ قَالُوا بَلْ نَتَّبِعُ مَا أَلْفَيْنَا عَلَيْهِ آبَاءَنَا ۗ أَوَلَوْ كَانَ آبَاؤُهُمْ لَا يَعْقِلُونَ شَيْئًا وَلَا يَهْتَدُونَ {170
{2:170}และเมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า "จงปฏิบัติที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมา" พวกเขาตอบว่า "ทว่าเราจะปฏิบัติตามเฉพาะที่เราพบว่าบรรพบุรุษของเราได้ปฏิบัติ" ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้เข้าใจอะไรสักอย่าง และไม่ได้อยู่ในทางนำที่ถูกต้องกระนั้นหรือ?
4.ปฏิบัติตาม หรือเลียนแบบการฉลองและพิธีกรรมทางศาสนาของผู้ไม่ศรัทธา
“คือการถือปฏิบัติตามพิธีกรรมของศาสนาอื่นซึ่งไม่ใช่ศาสนาอิสลาม”
เช่น การทำบุญ 3วัน 7วัน 100วัน ที่บ้านคนตาย มีนักวิชาการบางคนบอกว่าทำได้ มีหลักฐานรองรับหรือไม่? ไม่มีใช่ไหม?
อัลกุรอานบัญญัติว่าผู้ที่ทำตามอย่างพิธีกรรมของศาสนาอื่นนั้น เป็นผู้ที่โง่เขลา
"โอ้ มูซา! จงทำพระเจ้าให้แก่เราสักองค์หนึ่งเถิด เช่นเดียวกับที่พวกเขามีพระเจ้าต่าง ๆ" เขากล่าวว่า “แท้จริงพวกเธอเป็นพวกที่โฉดเขลา"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
وَجَاوَزْنَا بِبَنِي إِسْرَائِيلَ الْبَحْرَ فَأَتَوْا عَلَىٰ قَوْمٍ يَعْكُفُونَ عَلَىٰ أَصْنَامٍ لَهُمْ ۚ قَالُوا يَا مُوسَى اجْعَلْ لَنَا إِلَٰهًا كَمَا لَهُمْ آلِهَةٌ ۚ قَالَ إِنَّكُمْ قَوْمٌ تَجْهَلُونَ {138}
{7:138} และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีลข้ามทะเลไปได้ แล้วพวกเขาก็มายังกลุ่มชนหนึ่ง ซึ่งกําลังประจําอยู่ที่บรรดาเจว็ดของพวกเขา พวกเขาได้กล่าวขึ้นว่า "โอ้ มูซา! จงทำพระเจ้าให้แก่เราสักองค์หนึ่งเถิด เช่นเดียวกับที่พวกเขามีพระเจ้าต่าง ๆ" เขากล่าวว่า "แท้จริงพวกเธอเป็นพวกที่โฉดเขลา"
ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะคำจำกัดความของคำว่า “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” เท่านั้น ส่วนเรื่องความเสียหายจากการกระทำที่เป็น “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” ต่อศาสนาอิสลามนั้นจะสนทนาตามโอกาสที่สมควรที่มาถึง
คำว่า “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” ในศาสนาอิสลามหมายถึงอะไร?
ใช้คำว่า “อุตริกรรม” แต่ในที่นี้ เห็นว่า คำว่า “นวัตกรรม” มีความหมายตรงกับคำว่า البدعة บิดอะฮฺ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำว่า “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” ในศาสนาอิสลามหมายถึงการประดิษฐ์ หรือการสร้างหรือการเพิ่มเนื้อหา อันเป็นเรื่องของความศรัทธาทางจิตวิญญาณ หรือพฤติกรรมทางจริยธรรม ทางศาสนา ซึ่งไม่ได้มีบัญญัติอยู่ใน คัมภีร์อัลกุรอานหรือจากคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดอันเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอิสลาม
อัลกุรอาน เป็นศาสนาที่สมบูณ์ ตามที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอานว่า:”....วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเธอสมบูรณ์เพื่อพวกเธอ และฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเธอนั้นบริบูรณ์ และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเธอ....” อัลลอฮ์ได้ทรงยืนยันว่าศาสนาอิสลามนี้สมบูรณ์แล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องเพิ่มเติมหล้กการอันใดเข้าไปอีก การต่อเติมหลักศรัทธาเข้าไปในศาสนาอิสลามนี้เรียกว่า "บิด'อะห์"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่เป็นบิด'อะห์ มุสลิมผู้ที่ไม่ใช่นักวิชาการทางศาสนาอิสลาม อาจจะเข้าใจ การกระทำที่เป็นบิด'อะห์ได้ เมื่อเขาเห็นการกระทำโดยมุสลิมหรือนักวิชาการที่กระทำสิ่งใดๆในเวลาหนึ่งเวลาใดหรือในลักษณะซึ่งไม่มีหลักฐานในอัลกุรอานสนับสนุน
เหตุผลที่มีการทำบิด’อะห์ ในศาสนาอิสลาม
1. บิด’อะห์ ที่เกิดจากความเขลาของนักวิชาการ
ความเขลาและการขาดความรู้ทางศาสนาที่แท้จริง เมื่อนักวิชาการต้นตำหรับตายไป ได้มีการแต่งตั้งนักวิชาการใหม่ขึ้นมาจากบรรดาผู้ที่ขาดหลักวิชา นักวิชาการที่เขลาเหล่านี้ ได้กำหนดกฏบัญญัติในศาสนาซึ่งไม่มีหลักฐานร้บรองจากในอัลกุรอาน
2. บิด’อะห์ ที่เกิดจากตัณหาหรือความต้องการของตนเอง อัลลอฮ์บัญญัติไว้ว่า:
“......และผู้ใดเล่าจะหลงผิดยิ่งไปกว่าผู้ปฏิบัติตามตัณหาของเขา โดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้องจากอัลลอหฺ....” (28:50)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. ปฏิบัติตามคำสอนและการกระทำของบรรพบุรุษ อย่างคนตาบอดโดยไม่ใช้เหตุผลและการพิจารณาว่า กิจกรรมนั้นๆมีหลักฐานสนับสนุนจากอัลกุรอานในการปฏิบัติของเขาหรือไม่
“เราจะปฏิบัติตามเฉพาะที่เราพบว่าบรรพบุรุษของเราได้ปฏิบัติ”(2:170)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4.ปฏิบัติตาม หรือเลียนแบบการฉลองและพิธีกรรมทางศาสนาของผู้ไม่ศรัทธา
“คือการถือปฏิบัติตามพิธีกรรมของศาสนาอื่นซึ่งไม่ใช่ศาสนาอิสลาม”
เช่น การทำบุญ 3วัน 7วัน 100วัน ที่บ้านคนตาย มีนักวิชาการบางคนบอกว่าทำได้ มีหลักฐานรองรับหรือไม่? ไม่มีใช่ไหม?
อัลกุรอานบัญญัติว่าผู้ที่ทำตามอย่างพิธีกรรมของศาสนาอื่นนั้น เป็นผู้ที่โง่เขลา
"โอ้ มูซา! จงทำพระเจ้าให้แก่เราสักองค์หนึ่งเถิด เช่นเดียวกับที่พวกเขามีพระเจ้าต่าง ๆ" เขากล่าวว่า “แท้จริงพวกเธอเป็นพวกที่โฉดเขลา"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะคำจำกัดความของคำว่า “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” เท่านั้น ส่วนเรื่องความเสียหายจากการกระทำที่เป็น “บิดอะห์ หรือ นวัตกรรม” ต่อศาสนาอิสลามนั้นจะสนทนาตามโอกาสที่สมควรที่มาถึง