วันนี้ประมาณ ทุ่ม กว่าๆ ผมได้นั่งเรือ เพื่อกลับบ้าน จากประตูน้ำ ไป the mall บางะปิ
ระหว่างทาง ผมก็นั่ง ช่วงของหลังเรือ เปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ จนเรือผ่านเลย ป้ายรามคำแหง
ก็มี ชายคนหนึ่ง ตัดผมเกรียน ใส่ผ้าปิดปาก แบบกรองอากาศ สีขาว อยู่ดีๆเดินข้ามสะดุดหลังไหล่ผม
ผมก็มองว่าเป็นอะไรมั้ย แต่ก็เอ๋ยว่า ขอโทษครับ ไว้ก่อน แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร
อยู่ดี ผู้ชายคนนี้ ก็เข้ามาหาเรื่อง หาว่า ผมมองเขามีปัญหาอะไร อยากมีเรื่องรึ แล้ว ชักมีดขู่ผม แล้วถ้าว่าลงที่ไหน
ผมเงียบสักครู่ แล้วก็กล่าว ขอโทษ และพยายามอธิบาย ว่า ไม่ได้อยากมีเรื่องอะไร ผม อ่อนแอ ไม่กล้าสู้ใคร
แต่ผู้ชายคนนี้ เหมือน พยายามขู่จะมีเรื่องผมให้ได้ เขากล่วหาว่าผม เหล่ตามองเขาตั้งแต่ ป้ายนานา
คือตั้งแต่ผมนั่ง ประตูน้ำมา ก็นั่งฟังเพลง (ตาอยู่แต่หน้าจอมือถือ)
ส่วนกระเป๋าเรือ ก็เห็นผมมีปัญหากับชายคนนี้ แต่เหมือนแค่ ชำเลืองรับรู้ แล้วก็นั่งนับเงินของเขาต่อไป
พอถึง the mall บางกะปิ ผมก็รีบลงจากเรือ โชคดีที่เขาไม่ได้ ตามผมมาอีก
ฝากเตือน มีนักเลงชักมีดขู่ ในเรือ แสนแสบ
ระหว่างทาง ผมก็นั่ง ช่วงของหลังเรือ เปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ จนเรือผ่านเลย ป้ายรามคำแหง
ก็มี ชายคนหนึ่ง ตัดผมเกรียน ใส่ผ้าปิดปาก แบบกรองอากาศ สีขาว อยู่ดีๆเดินข้ามสะดุดหลังไหล่ผม
ผมก็มองว่าเป็นอะไรมั้ย แต่ก็เอ๋ยว่า ขอโทษครับ ไว้ก่อน แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร
อยู่ดี ผู้ชายคนนี้ ก็เข้ามาหาเรื่อง หาว่า ผมมองเขามีปัญหาอะไร อยากมีเรื่องรึ แล้ว ชักมีดขู่ผม แล้วถ้าว่าลงที่ไหน
ผมเงียบสักครู่ แล้วก็กล่าว ขอโทษ และพยายามอธิบาย ว่า ไม่ได้อยากมีเรื่องอะไร ผม อ่อนแอ ไม่กล้าสู้ใคร
แต่ผู้ชายคนนี้ เหมือน พยายามขู่จะมีเรื่องผมให้ได้ เขากล่วหาว่าผม เหล่ตามองเขาตั้งแต่ ป้ายนานา
คือตั้งแต่ผมนั่ง ประตูน้ำมา ก็นั่งฟังเพลง (ตาอยู่แต่หน้าจอมือถือ)
ส่วนกระเป๋าเรือ ก็เห็นผมมีปัญหากับชายคนนี้ แต่เหมือนแค่ ชำเลืองรับรู้ แล้วก็นั่งนับเงินของเขาต่อไป
พอถึง the mall บางกะปิ ผมก็รีบลงจากเรือ โชคดีที่เขาไม่ได้ ตามผมมาอีก