13 ปีที่แล้วผมรอดชีวิตจากคลื่นยักษ์ซึนามิ เพราะกระดาษหนึ่งใบ

13 ปีที่แล้วผมรอดชีวิตจากคลื่นยักษ์ซึนามิ เพราะกระดาษหนึ่งใบ


ผมลังเลอยู่นานที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพราะมันผ่านมานานแล้วและไม่อยากจะคิดถึงมันอีก

13 ปีที่แล้วผมเรียนอยู่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ผมเป็นนักเรียนประจำที่รอคอยวันคริสต์มาสเพราะจะได้กลับบ้าน ผมบินกลับมาถึงบ้านใันวันที่ 25 ธันวาคม 2547

กลับมาถึงบ้านด้วยความที่อยากไปเที่ยวทะเล เลยชวนเพื่อนๆออกเรือไปเที่ยวทะเลกันในวันรุ่งขึ้น วันที่ 26 ธันวาคม เช้ามืดผมถูกปลุกด้วยเสียงโทรทัศน์ที่แม่ชอบเปิดทิ้งไว้ก่อนจะออกไปเตรียมอาหารเช้าไว้ให้

7.00 ผมเตรียมข้าวของเพื่อจะรีบไปขึ้นเรือพร้อมกับญาติที่บ้าน วันนี้ผมกับลูกพี่ลูกน้องขออนุญาตแม่ขับคันโปรดออกไป นี่ก็สายแล้ว เรือออกประมาณ 7.30 แต่แม่ดันมาบอกว่ารถคันนั้น ยังไม่ติดทะเบียน พรบ. ก่อน ให้ไปคนในห้องทำงานแต่หาเท่าไหรก็หาไม่เจอ จนจวนเวลาทีเรือใกล้จะออก ด้วยความที่เป็นเด็กผมกับญาติเลยขับรถโดยไม่ติด พรบ. ใบนั้น ระหว่างทางต้องรับเพื่อนอีกคน มันก็ดันมาท้องเสีย ไม่นานมันก็ออกมา เรารีบซิ่งดิ่งไปที่ท่าเรือ ถ้าช้าต้องตกเรือแน่ๆ

เรามาถึงท่าเรือน้ำเค็มเวลา 7.40 หมายความว่า เราตกเรือเป็นที่เรียบร้อย เรือพึ่งออกไปสักพักเอง เราเลยนั่งรอเรือลำใหม่ วันนั้นแปลกมากที่ภาพทุกอย่างดูช้าไปหมด ผมจำหน้าผู้คนในวันนั้นได้แม่น ทั้งป้าที่ขายไก่ ผู้คนที่เดินสวนผมไปมา

7.50 ระหว่างที่เรากินไก่ทอดกันอย่างเอร็ดเพื่อนก็สะกิดให้หันหลังกลับไปดูสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ เรามองเห็นกำแพงที่เป็นน้ำไกลจากหาดพอสมควร เสียงดังแปลกๆเหมือนเสียงฟ้าคำราม น้ำเริ่มแห้ง แต่ปลาเป็นร้อยๆตัวกลับว่ายขึ้นฝั่ง ผู้คนต่างตกใจตื่นเต้นลงไปจับปลาใส่ถุงกัน

เรือประมงหลายๆลำที่จอดอยู่เริ่มเอน เสียงเรือเสียดสีกันดังไปหมด นาทีนั้นเริ่มไม่ไหวแล้วครับ ตอนนั้นเสียงข่าวที่แม่ผมเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ เหนือเกาะสุมาตราเกิดแผ่นดินไหว” ผมเริ่มประติดประต่อได้แล้วว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เพื่อนผมเห็นท่าไม่ดีเลยจับคอเสื้อและลากกันขึ้นรถ เราขับรถออกมาจากท่าเรือน้ำเค็ม เพลงที่เปิดค้างไว้ในรถคือเพลง summer all the time ของโจอี้ โดยผมหารู้ไม่ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น ภาพของผมเริ่มช้าอีกครั้งเมื่อผ่านผู้คยหลายร้อยคนที่พวกเค้ายังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ผมถึงถนนใหญ่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “ ลูก คลื่นยักษ์มารีบกลับบ้านด่วน “ และสัญญานก็ตัดไป
ผมกลับไปถึงบ้านทุกอย่างก็เริ่มโกลาหล เริ่มมีเสียงผู้คนร้องไห้กันระงม เริ่มเห็นรถบรรทุกผู้คนรีบไปส่งโรงพยาบาล และก็อย่างที่รู้กันว่าเกิดอะไรขึ้น

13 ปีผ่านไปทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว แม้เราจะลืมอดีตไม่ได้แต่ชีวิตของคนที่อยู่ก็ยังต้องไปต่อ การรอดชีวิตในครั้งนั้น สอนผมให้เข้าใจชีวิตว่า

“ เราควรภูมิใจในการมีชีวิตอยู่ เราควรใช้มันให้คุ้มค่า เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเราจะต้องจากไปวันไหน เวลาที่ร่ำลาใครผมไม่อายที่จะบอกรักและกอดเค้าให้แน่นพอที่ทำให้เค้าได้รู้สึกถึงความรัก ผมเลือกใส่ใจใช้ชีวิตทุกๆวันอย่างมีความหมาย ทำทุกอย่างให้เต็มที่มากที่สุด และเมื่อเราประสบความสำเร็จแล้วผมไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่และช่วยเหลือคนอื่น เพราะตอบแทนโอกาสของการมีชีวิตอยู่และเพื่อคนที่จากไป “

อย่าลืมพูดคำว่า “ รัก “ ในวันที่คุณยังมีโอกาส และใช้ทุกวันให้มีค่ามากที่สุด

www.facebook.com/surferholiday
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่