ก็ไปมันแบบขี้เกียจๆนี่แหละ : ไต้หวันคนเดียวเที่ยวแบบขี้เกียจ EP1. ความไม่ทนของคนขี้เกียจ (นอนโฮสเทลครั้งแรกก็โดนซะแล้ว)

สวัสดีค่ะ จะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยวไต้หวันคนเดียว แบบฉบับคนขี้เกียจ คือเราเป็นคนที่ไม่ค่อยทน ไม่ลุย เมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าเป็นคนแบบนี้ ถ้าไปเที่ยวอาจจะเป็นภาระคนอื่นและสร้างความรำคาญได้ เราเลยตัดสินใจลองไปเที่ยวคนเดียวดูค่ะ



เริ่มออกเดินทางจากดอนเมือง โดยสายการบิน Nokscoot เที่ยวบิน XW182 ค่ะ ออกเดินทางเวลา 2.25 คือดึกมาก แต่ถือว่าเวลาดี เพราะจะไปถึงไต้หวันเช้าพอดี เราสามารถไปเที่ยวต่อได้เลย แต่ค่ะแต่!!!! คนขี้เกียจอย่างเรา ร่างกายต้องการการพักผ่อนอย่างมาก อารมณ์ตอนนั้น พอไปถึงก็อยากนอนมากค่ะ ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น55555555555
เพราะฉะนั้นแนะนำว่าควรนอนให้พอบนเครื่องนะคะ หน้าเกตก็นอนได้ แต่ถ้าไปคนเดียวก็ระแวดระวังข้าวของกันด้วยเด้อค่า <3
.
.
ที่นั่งของ Nokscoot จะมีชั้นประหยัด และชั้นธุรกิจค่ะ ซึ่งขากลับ เราจะกลับชั้นธุรกิจกัน เย้ๆ ชั้นประหยัดของสายการบินนี้จะมีเก้าอี้สีเหลืองและสีน้ำเงินค่ะ ซึ่งเก้าอี้สีเหลืองเนี่ยต้องทำการจองล่วงหน้า ราคาประมาณ 800 บาทต่อที่นั่ง ซึ่งมันนั่งสบายกว่า กว้างกว่า ยืดขาได้เยอะกว่าเก้าอี้สีน้ำเงิน นี่ก็ไม่ได้จองค่ะ คิดว่าเดี๋ยวนั่งไปไม่นานก็ถึง แต่ด้วยความโชคดีหรืออะไรยังไงก็ไม่รู้ ได้นั่งเก้าอี้เหลืองซะงั้น ถือเป็นการเริ่มต้นทริปที่ดีมากค่ะ 55555555555555



ในขณะที่คนอื่นหลับไหลกันไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย เราก็กินสิค่ะ 5555555555 เมนูนี้ เป็นเมนูที่ชอบมาก ไก่ม้วนแป้ง อร่อยมากค่ะ ถ้าใครมีโอกาสได้บินกับ Nokscoot ก็ลองชิมกันดูนะคะ ราคาถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่ 150 บาทค่ะ ถือว่าเป็นราคาที่รับได้ เป็นธรรมดาของอาหารบนเครื่องโนะ ยิ้ม
.
หลังจากทานของว่างเสร็จ เตรียมจะนอน ก็นอนไม่หลับเลยค่ะ อาจเป็นเพราะเราตื่นเต้นกับการเดินทางมาต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกด้วย และอีกสาเหตุที่เราคิดว่าทำให้เรานอนไม่หลับ คือ ชาตรามือ ค่ะ 55555555555555 รู้สึกตาสว่างมาก ไม่รู้เกี่ยวกันไหม กินชาตรามือมาจากดอนเมืองค่ะ สั่งเป็นชาไทยเย็น อร่อยมาก แล้วก็นอนไม่หลับมากๆเช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆๆ
.
ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบ4ชั่วโมง ก็มาถึงประเทศไต้หวันค่ะ เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ตามป้าย immigration นั่นคือตม. เดินตามป้ายไปเลยค่ะ ง่ายมาก หรือถ้ากลัวหลงก็เดินตามคนในไฟลท์เดียวกันไปโลด ;)
.
หลังจากนั้นเราก็จะเจอกับตม. ก็ต่อแถวเข้าไปเลยค่ะ ไม่ต้องกลัว ตม.ที่นี่ไม่โหดร้ายแน่นอน เท่าที่เราเห็นในไฟลท์เดียวกัน ไม่มีใครโดนเข้าห้องเย็นค่ะ ของเราเนี่ยะเค้าก็ไม่ถามอะไรเลย ปั๊ม มองกล้อง สแกนนิ้ว ผ่าน จบ อิอิ และสำหรับคนที่พาสปอร์ตขาว ไม่เคยเดินทางไปไหนมาก่อน เราก็มั่นใจว่าจะผ่านไปด้วยดีค่ะ ครั้งที่แล้วเรามากับเพื่อนสองคน เพื่อนเราพาสขาวก็ผ่านมาได้ปกติ ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้มาทำอะไรไม่ดี หรือลักลอบมาทำสิ่งผิดกฎหมาย มีแพลน มีหลักฐานครบทุกอย่าง ก็ไม่ต้องเครียดอะไรเลยค่ะ
.
หลังจากผ่าน ตม.ก็รอรับกระเป๋าเราก็นั่งบัสเข้าไทเปค่ะ จริงๆแล้วมีหลายวิธีมากในการเข้าเมืองไทเป ลองศึกษาจากอากู๋กันดูนะคะ แต่เรามันคนขี้เกียจ เลยเลือกวิธีที่สะดวกกับตัวเองที่สุด คิดว่ารถบัสง่ายสุดแล้วค่ะ รถไฟความเร็วสูงมันแพง5555555555555 รถบัสจะสิ้นสุดที่ไทเปเมนสเตชั่นนะคะ แล้วเราก็จะต่อ MRT ไปยังที่พักของเรา อยู่ที่สถานี Ximending ทางออกที่6
วิธีการเข้าเมืองไทเป ลองศึกษาดูจากลิ้งนี้นะคะ ขอบคุณข้อมูลจากflymetotaiwanด้วยค่ะ <3
http://www.flymetotaiwan.com/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%9B



ไม่มีรูปช่วงเดินทางเข้าไทเป หรือการเดินทางเข้ามายังโฮสเทลเลย เพราะต้องแบกกระเป๋าซึ่งหนักมากคนเดียว กว่าจะแบกร่างและสัมภาระที่ไร้สาระของตัวเองมาถึงโฮสเทลได้ก็แทบอ้วกค่ะ5555555555555555 เพราะ MRT ที่ไทเปเนี่ย จะมีทั้งช่วงที่เป็นบันไดเลื่อนและบันไดปกติ แต่ก็มีลิฟต์นะคะ แต่ตอนนั้นลิฟต์เต็ม ขี้เกียจรอ ก็เลยแบกขึ้นมาเองเลยค่ะ คิดซะว่าได้ออกกำลังกาย5555555555555555
.
เราพักที่ Ximen wow hostel การเดินทางก็ง่ายมาก จากไทเปเมนสเตชั่น นั่งMRTสายสีน้ำเงินแค่สถานีเดียวก็ถึงแล้วค่ะ จากนั้นมองหาทางออกที่6 แล้วก็เดินตรงเข้ามาทางตึก H&M เลยค่ะ ที่พักของเราจะอยู่ชั้น8 ซึ่งจะอยู่ในใจกลางซีเหมินติงเลยค่ะ ทำเลดีมากๆ บริเวณนั้นก็จะมีร้านอาหาร ร้านเครื่องสำอาง ร้านเสื้อผ้า ต่างๆมากมาย
.
นี่เป็นการพักโฮสเทลครั้งแรกในชีวิตของเรา เราอยู่ที่ไต้หวันทั้งหมด3คืน โดยเราจองโฮสเทลไว้2คืน และโรงแรม1คืน โรงแรมที่เราจองนั้นเป็นโรงแรมเดียวกับที่เราเคยมาครั้งก่อนกับเพื่อน เราคิดว่าจองโรงแรมไว้คืนสุดท้ายเพราะเราจะได้มีพื้นที่เก็บของกลับไทย
.
เราซึ่งเป็นคนขี้เกียจ ไม่ค่อยอดทนกับสิ่งรบกวนต่างๆ และที่สำคัญคือ ชอบความเป็นส่วนตัวมาก แต่ที่เลือกพักที่โฮสเทลที่นี่เพราะเห็นว่าราคาถูกและทำเลดี ละอยากมีประสบการณ์พักโฮสเทลดูบ้าง ก็จัดเลยค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว ความอดทนของเราก็มีไม่มากพอค่ะ...



พนักงานต้อนรับที่นี่ให้การต้อนรับดีมาก ให้คำแนะนำดีมาก เรามาถึงที่นี่ก่อนเวลา เรามาถึงประมาณ8โมงเช้า แต่มันเช็คอินได้บ่าย3 เค้าก็แนะนำให้เราออกไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาตอนใกล้เวลาเช็คอิน แถมยังชวนเราทานอาหารเช้าด้วย น่ารักมากๆ หลังจากนั้นเราก็ไปเตร็ดเตร่กลับมาก็ได้เช็คอินพอดี
.
หลังจากเช็คอิน เค้าก็พาเราไปที่เตียงของเรา ซึ่งมีผ้าม่านกั้นเป็นสัดส่วนของแต่ละคน มีคีย์การ์ดเสียบเพื่อใช้เปิดไฟ เปิดล็อคเกอร์ หลังจากแนะนำเสร็จ เค้าก็ไป เราก็เหนื่อยจากการเดินทางมากแต่ก็เหนียวตัวมาก เลยจะไปอาบน้ำก่อนแล้วเข้านอน ตอนนั้นประมาณบ่ายสาม
เราใช้คีย์การ์ดเปิดล็อคเกอร์ไม่ออก คือเราไม่สามารถใช้ล็อคเกอร์เก็บของได้ เลยไปบอกเค้าให้มาดูให้ เค้าก็ดูยุ่งๆ บอกว่าเดี๋ยวมาดูให้ เราเลยไปอาบน้ำก่อน โดยที่เอาของมีค่าไปด้วย แล้วห้องน้ำเล็กมาก (ห้องน้ำไม่แยกชายหญิงนะคะ) ของเราก็เยอะมาก ทั้งกล้อง ทั้งอะไรก็มิอะไร ก็เปียกไปตามระเบียบ เป็นการอาบน้ำที่ยากเย็นมาก 55555555555
.
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ไม่มีวี่แววว่าเค้าจะมาทำล็อคเกอร์ให้ เราก็เป่าผมแล้วไปนอนรอ จนหลับไป [หรือเค้าอาจจะมาหาเราตอนหลับแต่เราไม่รู้อันนี้เราก็ไม่อาจทราบได้] เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เราทนไม่ไหว เราหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีคือทุ่มกว่าๆ ทั้งๆที่ไม่อยากจะตื่นเลย เราเหนื่อยมาก ตั้งแต่เดินทางมาเรายังไม่ได้นอน โคตจะเพลีย แถมตากฝนมาด้วย ทำให้ไม่ค่อยสบาย ปวดหัวมากๆ แต่ดันมาตื่นด้วยเสียงของแก๊งสาวชาวเวียดนาม ที่เม้ามอยหอยแครงกันจนเราทนไม่ได้ ไม่ได้เม้าธรรมดานะ หัวเราะกันดังมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.
เราตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดมาก สติเริ่มไป แต่ก็ไม่ได้ไปวีนแตกใส่เค้านะ ก็ทำเสียงแบบแฮ่มๆไรงี้ ให้เค้ารู้ตัวกัน ก็เงียบไปสักพัก ปรากฎว่าสักพัก เค้าเอาไดร์เป่าผมมาเสียบเป่าในห้องนอน โอ้ยยยย นาทีนั้นนอนไม่ลงแล้วค่ะ เราลุกไปเข้าห้องน้ำโดยที่แบกของมีค่าไปด้วย (ล็อคเกอร์ใช้ไม่ได้ T T) แล้วส้วมคือเล็กมาก เล็กกว่าห้องอาบน้ำอีก ทำให้ลำบากมากในการนั่งส้วมไปด้วย อีกมือนึงหอบของไว้ด้วย บันเทิงมากค่ะคุณผู้ช้มมมมม
.
เราไม่ไหวแล้วนาทีนั้น มันแย่ไปหมด เลยโทรไปร้องไห้กับที่บ้าน เหมือนเด็กเลย 5555555555 เราก็คุยกับพ่อ ก็ระบายให้เค้าฟังทุกอย่าง ด้วยความที่เป็นห่วงลูกสาว พ่อให้ย้ายออกตอนนั้นเลยค่ะ แล้วเค้าก็โอนค่าโรงแรมมาให้ตอนนั้นเลย ให้เราไปนอนโรงแรมเดิมที่เคยมากับเพื่อนคราวก่อน เราก็บอกว่าคืนนี้เราทนได้ พรุ่งนี้ค่อยเช็คเอ้าท์ เค้าก็ไม่ยอม บอกให้ออกมาเลย เราก็เชื่อฟังพ่อค่ะ
.
เราก็เลยเก็บของเช็คเอ้า ตอนนั้นสองทุ่มกว่าค่ะ เช็คอินได้ไม่ถึง6ชั่วโมงก็เช็คเอ้าท์ซะแล้ว พอเดินออกไปก็พบว่าพนักงานคนเดิมเปลี่ยนกะไปแล้ว เป็นคนใหม่มาแทน เราก็บอกพนักงานว่าจะเช็คเอ้าท์ เค้าก็ งงๆ แต่ก็ไม่ถามอะไร แล้วเราก็ไป จากไปแบบงงๆ ในเวลาสองทุ่มกว่าเกือบสามทุ่ม555555555555
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่