เมื่อผมได้ทำงานใน ThaiOER ตอน 1 : แรกเริ่มที่ได้รู้จัก OER

จริงๆ แล้วผมเป็นนักพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำงานด้วย open source เป็นหลัก เน้นไปที่การใช้ software ที่เป็น open source โดยช่วงหลังๆ ได้สอนอบรม บรรยาย การใช้งาน open source เพิ่มเติมอีกหน้าที่หนึ่ง โดยการที่ต้องมาสอน บรรยาย หรืออบรมนั้น เวลาทำเอกสาร หรือ slide ต่างๆ ก็ต้องหารูป icon เล็กๆ มาตกแต่งงานอยู่ตลอดเวลา ด้วยต้องการให้เอกสารเราได้รับความสนใจจากคนฟัง แหล่งที่ไปหารูปก็ไม่พ้น website จากต่างประเทศ ก็พยายามหาของฟรีนั่นแหละครับ แต่บางครั้งอาจละเลยเรื่องลิขสิทธิ์บ้าง เพราะเนื่องจากสภาพเวลาไม่เพียงพอ ^^ ในใจก็แอบหวังว่าน่าจะมีพวกแหล่งของฟรีในไทยบ้างนะ และไม่ละเมิด

พอหลังจากวันที่ 13 ตุลา ปีที่แล้ว (2559) หลายคนที่ทำงานด้านต่างๆ ก็ออกมาทำโครงการต่างๆ เท่าที่ตัวเองจะทำได้ ผมก็มานึกๆ ว่า ในหน้าที่ด้านนักพัฒนาระบบและด้านการสอนของเรานั้น พอที่จะทำอะไรถวายพระองค์ท่านได้บ้าง ก็ริเริ่มโครงการอบรม infographic และ mind map ขึ้น เพราะน่าจะเข้าถึงคนทุกอาชีพได้ง่ายกว่าการพัฒนาโปรแกรม ก็เริ่มหาเครือข่ายที่จะช่วยให้ความฝันนี้เป็นจริงได้ คนหนึ่งคนที่ผมติดต่อไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาคือ อ.บุญเลิศ อรุณพิบูลย์ จาก STKS ของ สวทช. เพราะคิดว่าท่าน อ. จะมี contact หน่วยงานต่างๆ ที่พอจะแนะนำได้ (เมื่อก่อนเคยได้ร่วมงานกับ อ. ในด้านการส่งเสริม open source อยู่หลายครั้ง) อ. บุญเลิศ ได้ตอบกลับมาว่า ยินดีเลย แต่ไม่ต้องไปหาลูกค้าให้ยุ่งยาก มาสอนให้ที่โครงการ OER ดีกว่าไหม วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ OER และถือว่าเป็นการร่วมงานครั้งแรกกับโครงการที่เจ๋งมาก โครงการนี้ ^^

อ. บุญเลิศได้ให้เอกสารโครงการ OER มาเพื่อศึกษา จึงได้ทราบว่า OER ย่อมาจาก Open Educational Resources ถ้าแปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ คลังทรัพยากรสำหรับใช้ในการศึกษา ที่อนุญาติให้คนทั่วๆไป ใช้ได้โดยไม่ผิดกฏหมาย (ทำไมแปลได้ยาวจัง ^^) คือถ้าคนในวงการ open source หรือคนที่รู้จัก open source จะเข้าใจคำว่า open ทันที

โครงการ OER นี้ จริงๆ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่มีชื่อเต็มว่า “โครงการระบบสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558” ซึ่งจัดทำโดย สวทช. โดยในส่วนของ OER ที่ผมเข้าไปร่วมนั้น จะเป็นส่วนที่เรียกว่า “คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด” ซึ่งจะเป็นที่รวบรวมทรัพยากร หรือจะเรียกง่ายๆ ก็คือวัตถุดิบที่นำไปประกอบร่างเป็นสื่อหรืองานต่างๆ ได้ เช่น เวลาที่ ครู อาจารย์จะทำสื่อการสอน slide presentation หนังสือต่างๆ ก็จำเป็นต้องหา รูปภาพ vdo clip เสียงต่างๆ เอาไปใช้ในการสร้าง พวกรูปภาพ vdo clip หรือเสียงต่างๆ เหล่านี้ก็คือทรัพยากรที่จะนำไปประกอบในการทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ปกติถ้าเราไม่สร้างเอง (ซึ่งก็น้อยคนจะทำเองทุกอย่าง) ก็จะต้องไปนำมาจาก web ต่างๆ ซึ่งมีทั้งฟรีและเสียเงิน ไม่ก็ใช้แบบแอบใช้ ซึ่งก็คือละเมิดลิขสิทธิ์เขานั่นแหละ ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะการไปนำของคนอื่นมาใช้โดยไม่ขออนุญาติถือเป็นความผิดตามกฏหมายเลยทีเดียว

ดังนั้น OER ที่ทาง อ.บุญเลิศ ได้แนะนำผมและชักชวนมาร่วมงาน ถือเป็นสิ่งที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการละเมิดได้อย่างยั่งยืนครับ ซึ่งในต่างประเทศมี OER หลายแหล่งมาก แต่ในประเทศไทยที่เป็น OER จริงๆ ยังไม่มี ถ้ามีก็มีกระจัดกระจายตาม website ของหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้เป็นคลังเหมือนระบบนี้ OER นี้ เหมือนเป็นสิ่งที่ผมและหลายคนอยากให้มีในไทย พอผมได้รู้จัก ขอบอกเลยว่า OER คือของดี ที่มีค่าและมีประโยชน์มาก หลายคนคงคิดว่าพอมีคำว่าเพื่อการศึกษา ก็แปลว่าจะใช้สำหรับ ครู อาจารย์ เท่านั้นๆ จริงๆ เปล่าเลยครับ OER จะมีประโยชน์กับทุกสาขาอาชีพ นักเรียน นักศึกษา ต้องทำรายงานส่งก็จะได้ใช้ พนักงาน office ที่ต้องทำ presentation ยิ่งจะใช้มาก นักเขียน เวลาจะเขียนบทความ หรือหนังสือ ภาพประกอบต่างๆ จะได้หาได้ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐ เวลาต้องทำ slide หรือเอกสารต่างๆ ก็ยิ่งจะเห็นประโยชน์ของ OER แม้กระทั่งร้านค้าที่รับงานออกแบบต่างๆ ภาพประกอบ หรือแม้กระทั่งฟอนต์ ที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็น่าจะละเมิดมากกว่าที่จะใช้อย่างถูกกฏหมาย OER จะช่วยร้านแบบนี้ได้เยอะครับ

แล้วคนทั่วไปหล่ะครับ ใช้ OER ในแง่มุมใด จะบอกว่า ใน OER มีข้อมูล ความรู้เยอะแยะมากมาย แค่รูปภาพก็ดูไม่หมดแล้วครับ แค่รูปดอกไม้ที่คนใช้ส่งทักทายกันทุกเช้าของทุกวัน เราก็สามารถนำไปใช้ได้จาก OER และไม่ต้องกลัวผิดกฏหมายแต่ประการใดครับ ทีนี้เริ่มสนใจอยากใช้แล้วใช่ไหมครับ OER ของไทยนั้นอยู่ที่ oer.learn.in.th ครับ ท่านใดสนใจสามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรีครับ และไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ใช้งานได้ครับ

ปล. ที่ผ่านมาเราเน้นที่จะพยายามมองเรื่องการใช้งานเครื่องมือในการสร้างสรรค์งานที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งจริงวัตถุดิบที่นำมาประกอบในงานนั้นๆ ก็ต้องถูกลิขสิทธิ์เช่นกันครับ ตอนหน้าผมจะเล่าเรื่อง ประสบการณ์ในการเข้ามาเป็นจิตอาสาใน OER ให้ได้อ่านกันต่อครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่