ว่าด้วยประเด็น คนไม่สำคัญ และ อยากเป็นคนสำคัญ
เคยคิดมั้ยว่า วันนั้นถ้า Qui Gon ไม่พา Anakin มาด้วย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จริงๆ Star Wars ภาค Prequel สามารถนำไปเปิดสอนประเด็นจิตวิทยาได้สบายๆ กับภาวะจิตใจของอนาคิน จากเด็กทาสธรรมดาๆ แต่ดันฉลาด มีไหวพริบ และมีความกล้าเกินเด็กจะมี แต่ในเมื่อสภาพแวดล้อมคุณอยู่ท่ามกลางหัวหน้าที่รู้คุณค่า แต่ไม่ให้ความดีความชอบ และแม่ที่สอนลูกให้ไม่ขัดคำสั่งของหัวหน้า ต่อให้เก่งแค่ไหน คุณก็ไม่มีทางหลุดพ้นไปได้
อนาคินโชคดีที่ ไควกอน นั้นมองเห็นศักยภาพมากที่จะนำมาฝึกสอนได้ สังเกตุว่าท่ามกลางเหล่าเจไดที่คัดค้านทุกคน ไม่เว้นแต่ลูกศิษย์อย่าง Obi-Wan ไควกอน เลือกที่จะไม่สนและมั่นใจว่าซักวันอนาคินจะต้องโตขึ้นเป็นเจไดที่ยิ่งใหญ่ได้ หากเปรียบแล้ว ไควกอน นี่แหละ ที่สนับสนุนอนาคินมากที่สุด
แต่ในเมื่ออุบัตเหตุมันเกิดเมื่อคนที่เชื่อมั่นในตนเองที่สุดตาย คนที่มาสานต่ออย่างโอบีวัน แม้จะทำดีซักแค่ไหน ภาพของไควกอน ที่เชื่อมั่นในตัวอนาคินจะท้อนซับไว้เสมอ จริงอยู่ว่าอนาคินนั้นชื่นชมโอบีวัน แต่ก็บ่นอยู่ตลอดกับความซื่อตรง และเชื่อมั่นในกฎระเบียบทุกอย่าง ตรงข้ามกับไควกอนที่เชื่อว่ากฎระเบียบนั้นจะทำให้เราล้าหลังเสมอ
จุดเปลี่ยนของอนาคิน มาเกิดตรงที่เมียลับๆอย่าง Padme ดันตั้งท้อง เนื่องจากอนาคินนั้นเป็นเจไดที่มีพลังสูงมาก แต่ด้านจิตใจนั้นถือว่าไม่ผ่านอย่างแรง เพราะอนาคิน มีสิ่งที่โยดาพึงสอนเสมอนั่นก็คือ “ความกลัว” อนาคินเคยเสียแม่มาแล้วจากภาพที่เห็นในฝัน การท้องของแพดเม่ ทำให้อนาคินเริ่มกลัวที่จะสูญเสียคนสำคัญไปอีกครั้ง จากคนที่เทิดทูนความรักว่าจะต้องชนะทุกอย่างได้ ไม่เว้นแม้แต่กฎของเจได อนาคินไม่เชื่ออีกต่อไปว่าแค่ความรักจะฟันฝ่าได้ แต่ต้องมาจากกพลังเท่านั้น
ข้อสังเกตุอีกอย่างคือ อนาคินนั้น มั่นใจว่าตนเองเก่ง ซึ่งก็เก่งจริง แต่เค้าต้องการการยอมรับจากคนรอบข้างอยู่เสมอ มองเห็นตัวตนว่าตนนั้นมีฝีมือ แต่ด้วยขนบของเจได ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่สิ่งรอบกาย ยิ่งทำให้อนาคินโหยหาการยอมรับและการให้ค่าความสำคัญเสมอ ถึงจะมีผลงานโบว์แดงอย่างการจัดการ Count Dooku และช่วยสมุหนายได้ก็ตามที แต่ในสายตาของสภาเจได ยังคงไม่เห็นอนาคินเป็นคนสำคัญอยู่ดี
เมื่อสิ่งที่เรายึดมั่นไว้ เริ่มมีรอยร้าว การเข้ามาบำบัดทางจิตวิทยาของสมุหนายกหรือ Sith Lord ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม เมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นความสามารถของเรา ไม่เห็นความสำคัญของเรา ทางฝ่ายนี้จึงเสนอสิ่งที่อนาคินโหยหา ทั้งตำแหน่งที่สำคัญ และรับฟังอนาคิน และชี้แจ้งถึงทางที่จะช่วยเหลือสิ่งที่กลัวได้ จึงไม่แปลกใจที่จิตใจของอนาคิน จะแปรเปลี่ยนไปได้ง่ายดายขนาดนั้น
จุดหักเหอีกอย่างก็คือ อาจารย์วินดู เป็นคนที่ทำลายความเชื่อมั่นของอนาคินที่มีต่อเจได อย่างหมดสิ้น เจไดนั้นถือตนเป็นผู้ปกป้องกาแล๊คซี่ให้อยู่ในความสงบ แต่เมื่อลงมาเล่นการเมืองมากเกินไป ทำให้วินดูต้องจัดการอะไรซักอย่างกับมาตรการฉุกเฉินที่สั่งขึ้นมา เมืออนาคินยังคงลังเลกับวิถีของเจได แต่ยังไม่เข้าด้านมืดเต็มตัว อาจารย์วินดูสามารถพาอนาคินกลับมาได้ ด้วยการจับกุม Sith ไม่ใช่สังหาร การสังหารของวินดู ได้ทำลายความเชื่อต่อเจไดของอนาคินทั้งหมด ส่งให้นอกจากจะทำลายชีวิตแล้ว ยังส่งไปถึงมาตรการทางการเมือง ที่เมื่อมีคนทำผิด เหล่านักการเมืองก็พร้อมจะกำจัดให้หมดสิ้นเช่นกันกับคำสั่ง 66
การร่วมมือสังหารวินดู นอกจากจะเป็นจุดหักเหแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ส่งอนาคินไปยัง Turning Point หรือจุดที่ไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว และยิ่งมาโดนซิธ บอกอีกว่าเจไดนั้นอันตราย และการทำตามคำสั่งจะช่วยชีวิตภรรยาได้ อนาคินจึงทำตามอย่างไม่มีขัด ส่งเข้าสู่ด้านมืดเต็มตัว ด้านมืดที่เผด็จการ ด้านมืดที่สังหารทุกอย่างที่ขวางหน้า และด้านมืดที่ภรรยาไม่อาจตามมาได้นั่นเอง
ย้อนกลับมาอีกที ถ้าวันนั้น ไควกอน ไม่รับ อนาคินมา เค้าคงเป็นเด็กในสังกัดของเจ้านายต่อไป และเติบโตขึ้นและตายอย่างสงบ แต่เมื่อชีวิตมันอยากให้เป็นที่จดจำ อนาคินจึงตัดสินใจตามมา และส่งให้เค้าไม่เพียงแต่เป็นที่จดจำ แต่เป็นที่จดจำในด้านที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นปล่อยให้แฟนตาย ไม่เชื่อฟังคำสั่งอาจารย์ สังหารเจไดเด็ก และนำพาประชาธิปไตยไปสู่ ระบบจักรวรรดิในที่สุด
ปิดท้ายด้วยคำสอนของโยดา จิตใจของเจไดนั้นต้องรู้จักรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่รอบกาย ยอมรับในสิ่งที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่อนาคินมี แต่เจไดคนอื่นไม่มีคือ ความกลัวที่มากเกินไป “ความกลัวเป็นหนทางไปสู่ด้านมืด กลัวนำพาโทสะ โทสะนำพาความเกลียด ความเกลียดนำไปสู่ความเจ็บปวด” หากเพียงแค่อนาคินอดทนอีกหน่อย ไม่วิตกไปกับความกลัวของตนเอง เค้าคงไม่ต้องกลายเป็น Darth Vader ได้รับการยอมรับจากสภาเจได และคงนั่งเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขกับภรรยาแน่นอน
จิตวิทยา และจิตใจของ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์
เคยคิดมั้ยว่า วันนั้นถ้า Qui Gon ไม่พา Anakin มาด้วย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จริงๆ Star Wars ภาค Prequel สามารถนำไปเปิดสอนประเด็นจิตวิทยาได้สบายๆ กับภาวะจิตใจของอนาคิน จากเด็กทาสธรรมดาๆ แต่ดันฉลาด มีไหวพริบ และมีความกล้าเกินเด็กจะมี แต่ในเมื่อสภาพแวดล้อมคุณอยู่ท่ามกลางหัวหน้าที่รู้คุณค่า แต่ไม่ให้ความดีความชอบ และแม่ที่สอนลูกให้ไม่ขัดคำสั่งของหัวหน้า ต่อให้เก่งแค่ไหน คุณก็ไม่มีทางหลุดพ้นไปได้
อนาคินโชคดีที่ ไควกอน นั้นมองเห็นศักยภาพมากที่จะนำมาฝึกสอนได้ สังเกตุว่าท่ามกลางเหล่าเจไดที่คัดค้านทุกคน ไม่เว้นแต่ลูกศิษย์อย่าง Obi-Wan ไควกอน เลือกที่จะไม่สนและมั่นใจว่าซักวันอนาคินจะต้องโตขึ้นเป็นเจไดที่ยิ่งใหญ่ได้ หากเปรียบแล้ว ไควกอน นี่แหละ ที่สนับสนุนอนาคินมากที่สุด
แต่ในเมื่ออุบัตเหตุมันเกิดเมื่อคนที่เชื่อมั่นในตนเองที่สุดตาย คนที่มาสานต่ออย่างโอบีวัน แม้จะทำดีซักแค่ไหน ภาพของไควกอน ที่เชื่อมั่นในตัวอนาคินจะท้อนซับไว้เสมอ จริงอยู่ว่าอนาคินนั้นชื่นชมโอบีวัน แต่ก็บ่นอยู่ตลอดกับความซื่อตรง และเชื่อมั่นในกฎระเบียบทุกอย่าง ตรงข้ามกับไควกอนที่เชื่อว่ากฎระเบียบนั้นจะทำให้เราล้าหลังเสมอ
จุดเปลี่ยนของอนาคิน มาเกิดตรงที่เมียลับๆอย่าง Padme ดันตั้งท้อง เนื่องจากอนาคินนั้นเป็นเจไดที่มีพลังสูงมาก แต่ด้านจิตใจนั้นถือว่าไม่ผ่านอย่างแรง เพราะอนาคิน มีสิ่งที่โยดาพึงสอนเสมอนั่นก็คือ “ความกลัว” อนาคินเคยเสียแม่มาแล้วจากภาพที่เห็นในฝัน การท้องของแพดเม่ ทำให้อนาคินเริ่มกลัวที่จะสูญเสียคนสำคัญไปอีกครั้ง จากคนที่เทิดทูนความรักว่าจะต้องชนะทุกอย่างได้ ไม่เว้นแม้แต่กฎของเจได อนาคินไม่เชื่ออีกต่อไปว่าแค่ความรักจะฟันฝ่าได้ แต่ต้องมาจากกพลังเท่านั้น
ข้อสังเกตุอีกอย่างคือ อนาคินนั้น มั่นใจว่าตนเองเก่ง ซึ่งก็เก่งจริง แต่เค้าต้องการการยอมรับจากคนรอบข้างอยู่เสมอ มองเห็นตัวตนว่าตนนั้นมีฝีมือ แต่ด้วยขนบของเจได ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่สิ่งรอบกาย ยิ่งทำให้อนาคินโหยหาการยอมรับและการให้ค่าความสำคัญเสมอ ถึงจะมีผลงานโบว์แดงอย่างการจัดการ Count Dooku และช่วยสมุหนายได้ก็ตามที แต่ในสายตาของสภาเจได ยังคงไม่เห็นอนาคินเป็นคนสำคัญอยู่ดี
เมื่อสิ่งที่เรายึดมั่นไว้ เริ่มมีรอยร้าว การเข้ามาบำบัดทางจิตวิทยาของสมุหนายกหรือ Sith Lord ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม เมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นความสามารถของเรา ไม่เห็นความสำคัญของเรา ทางฝ่ายนี้จึงเสนอสิ่งที่อนาคินโหยหา ทั้งตำแหน่งที่สำคัญ และรับฟังอนาคิน และชี้แจ้งถึงทางที่จะช่วยเหลือสิ่งที่กลัวได้ จึงไม่แปลกใจที่จิตใจของอนาคิน จะแปรเปลี่ยนไปได้ง่ายดายขนาดนั้น
จุดหักเหอีกอย่างก็คือ อาจารย์วินดู เป็นคนที่ทำลายความเชื่อมั่นของอนาคินที่มีต่อเจได อย่างหมดสิ้น เจไดนั้นถือตนเป็นผู้ปกป้องกาแล๊คซี่ให้อยู่ในความสงบ แต่เมื่อลงมาเล่นการเมืองมากเกินไป ทำให้วินดูต้องจัดการอะไรซักอย่างกับมาตรการฉุกเฉินที่สั่งขึ้นมา เมืออนาคินยังคงลังเลกับวิถีของเจได แต่ยังไม่เข้าด้านมืดเต็มตัว อาจารย์วินดูสามารถพาอนาคินกลับมาได้ ด้วยการจับกุม Sith ไม่ใช่สังหาร การสังหารของวินดู ได้ทำลายความเชื่อต่อเจไดของอนาคินทั้งหมด ส่งให้นอกจากจะทำลายชีวิตแล้ว ยังส่งไปถึงมาตรการทางการเมือง ที่เมื่อมีคนทำผิด เหล่านักการเมืองก็พร้อมจะกำจัดให้หมดสิ้นเช่นกันกับคำสั่ง 66
การร่วมมือสังหารวินดู นอกจากจะเป็นจุดหักเหแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ส่งอนาคินไปยัง Turning Point หรือจุดที่ไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว และยิ่งมาโดนซิธ บอกอีกว่าเจไดนั้นอันตราย และการทำตามคำสั่งจะช่วยชีวิตภรรยาได้ อนาคินจึงทำตามอย่างไม่มีขัด ส่งเข้าสู่ด้านมืดเต็มตัว ด้านมืดที่เผด็จการ ด้านมืดที่สังหารทุกอย่างที่ขวางหน้า และด้านมืดที่ภรรยาไม่อาจตามมาได้นั่นเอง
ย้อนกลับมาอีกที ถ้าวันนั้น ไควกอน ไม่รับ อนาคินมา เค้าคงเป็นเด็กในสังกัดของเจ้านายต่อไป และเติบโตขึ้นและตายอย่างสงบ แต่เมื่อชีวิตมันอยากให้เป็นที่จดจำ อนาคินจึงตัดสินใจตามมา และส่งให้เค้าไม่เพียงแต่เป็นที่จดจำ แต่เป็นที่จดจำในด้านที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นปล่อยให้แฟนตาย ไม่เชื่อฟังคำสั่งอาจารย์ สังหารเจไดเด็ก และนำพาประชาธิปไตยไปสู่ ระบบจักรวรรดิในที่สุด
ปิดท้ายด้วยคำสอนของโยดา จิตใจของเจไดนั้นต้องรู้จักรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่รอบกาย ยอมรับในสิ่งที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่อนาคินมี แต่เจไดคนอื่นไม่มีคือ ความกลัวที่มากเกินไป “ความกลัวเป็นหนทางไปสู่ด้านมืด กลัวนำพาโทสะ โทสะนำพาความเกลียด ความเกลียดนำไปสู่ความเจ็บปวด” หากเพียงแค่อนาคินอดทนอีกหน่อย ไม่วิตกไปกับความกลัวของตนเอง เค้าคงไม่ต้องกลายเป็น Darth Vader ได้รับการยอมรับจากสภาเจได และคงนั่งเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขกับภรรยาแน่นอน