3
รถแท็กซี่ของคิมหันต์กำลังจะจอดที่หน้าบริษัทให้ในตอนเช้า ชายหนุ่มแตะเบรกกะทันหันทำให้ทั้งสองคนหัวแทบคะมำ!! “โอ.......ขับรถได้เจ๋งมาก.....บีเอ็ม....แซงได้เยี่ยมมากเลยโว้ย!!” คิมหันต์สวดไล่คนขับคันหน้า
“โอ้ย!! คิดว่าตายแล้ว!!” ละตินถอนหายใจเฮือกใหญ่
“อย่าให้มีมั่งนะ รถใหม่ซิ่งสะใจ.....รถเก่าขี้เมาขับ!!! วู้!!” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะค่อยๆ จอดให้ “ให้มารับไหมเจ๊??”
“ไม่ต้องจ้ะ.....ไม่รู้จะกลับกี่โมง” ละตินหอบดอกไม้ลงจากหลังรถไป ก่อนจะยิ้มให้คิมหันต์ หล่อนชี้มือไปที่เจ้าของรถคู่กรณีที่กำลังเดินคุยโทรศัพท์มือถือผ่านไปอย่างรีบร้อน
“Boss......” คิมหันต์อ่านปากอีกคน ก่อนที่เขาจะนั่งนิ่ง ดูชายหนุ่มที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลนัก
ชายร่างโปร่ง ผิวขาวใส ผมปัดด้วยเจลขึ้นสูงเดินไปไม่เหลียวหลัง เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปและกางเกงสแล็คสีดำทำให้ร่างนั้นราศีจับ คิมหันต์รู้สึกถึงพลังบางอย่าง ไม่บอกก็รู้.......อำนาจเขาเหลือล้นด้วยท่าทางที่มั่นใจ
อ่านจากปากไกลๆ พูดภาษาอะไรของเขา??!!
อีกคนกำลังเดินตามไปช้าๆ เพราะกำลังหอบดอกไม้เดินอย่างระมัดระวัง หล่อนทิ้งระยะห่าง ไม่ให้คนข้างหน้ารู้ตัว…. ภาพนั้นทำให้คิมหันต์ใจหาย.....
ละตินจะหนีอำนาจเจ้านายพ้นได้อย่างไร และหากเมื่อ “มีใจ” ชีวิตข้างหน้าของพี่สาวต่างสายเลือด จะพบกับศึกครั้งใหญ่แน่นอน คนต่างชาติ.....ใช่หรือไม่???
~~~
ละตินวางดอกไม้ไว้ที่โต๊ะ ทำให้คนที่เพิ่งมาถึงมองอยู่เงียบๆ โชคดีที่คนที่นี่ไม่ชอบตั้งคำถาม หากแต่ที่ทำกันคือยิ้มให้กันน้อยๆ แล้วแยกย้ายกันเข้าล็อกของตัวเอง เหมือนทุกคนที่นี่เป็นใบ้ นายและหัวหน้าเท่านั้นที่พูดจา ส่วนใหญ่ละตินจึงทำได้แค่ยิ้มกราด มนุษย์งานเริ่มต้นทำหน้าที่ ไร้การพูดจา ถูกใจละตินดีหรอก แต่บางทีก็รู้สึก
จะหาเพื่อนสักคนได้หรือไม่และอย่างไรกัน?
“น้อง....ดอกไม้ของเราเหรอ? เอามาทำไมกัน?” เสียงคุณการะเกดหยุดทักเมื่อกำลังจะเดินผ่าน
“เอ่อ.....”
“เอามาทำไมกัน คุณโทเขาแพ้เกสรดอกไม้เราไม่รู้ก็อย่าซี้ซั้วเอามา!!! เป็นอะไรไปเราจะรับผิดชอบไหวไหม??” คนพูดไม่เว้นช่องว่างให้ใครได้อธิบาย “รู้ถึงหูคุณผู้หญิงล่ะเธอกระเด็นแน่!!”
“คือ.....ดิฉัน!!” ละตินลุกขึ้นยืนทันที หวังจะแก้คำครหาทั้งหมด
“เอาไปทิ้งเลยนะ อย่ามาจีบกันแถวนี้ ไร้สาระที่สุด!!” คนพูดเสียงดังไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนหันมามอง
“เอาไปทิ้งในห้องผม.......ขอบคุณครับ” เอกกวีพูดหน้านิ่งแล้วเดินผ่านไปทันที
การะเกดหันไปมอง หล่อนอ้าปากอยากจะพูดแต่ไม่ทัน!!
ร่างโปร่งเดินเร็ว แล้วทุกคนก็ได้ยินอีกประโยคตามมา “ละตินซัง...come on...คุณการะเกดผมไม่สะดวกคุย...กลับไปก่อนครับ” การะเกดอ้าปากค้างอีกครั้ง!!
ละตินสบตาหล่อนนิ่งไม่ขยับกาย จนเมื่อเสียงอีกคนเตือนเบาๆ “ละตินจ๊ะ...ถ้าถูกเรียกอย่าช้าเกิน 5 นาที ไม่งั้นจะโกรธมาก” แววตาพยักหน้าให้อย่างเมตตา
หญิงสาวยิ้มเจื่อนให้อีกคน “คือ....คุณเอกกวีเธอสั่งค่ะ.....ดิฉันแค่ถือมาให้” หล่อนพยายามอธิบาย
การะเกดเชิดหน้าแล้วเดินจากไปทันที “ทำไมไม่รีบบอกฉัน!! ชักช้าน่ารำคาญ เด็กอะไร??!!” หล่อนบ่นทิ้งท้าย หลายคนในห้องแอบอมยิ้มอย่างสะใจกับการกระทำของเจ้านายผู้เฉียบขาด
คนแก่ขี้โวยวาย โดนซะบ้าง!
~~~
ละตินรีบหอบช่อดอกไม้เดินเข้าไปในห้องของเอกกวี นึกขอบคุณเขาในใจที่มาได้ทันเวลา หากแต่เมื่อก้าวเข้าไปหัวใจของหญิงสาวก็เต้นรัวราวกับกลอง ภาพตรงหน้าน่าดูเหลือเกิน......
เอกกวีนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดนิ่ง แว่นสายตากรอบสีดำทำให้คนผิวขาวผ่องดูสดใสยิ่งกว่าเดิม ไรผมและเคราสีเขียวรำไรขับใบหน้าคนตาหยีที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้งดงาม....
“โดนแต่เช้าเลย......”เขาหัวเราะเบาๆ “นั่งครับ.......” คำสั่งฟังดูเมตตายิ่งนัก
“เอ่อ......คุณโทแพ้......” ละตินนึกกังวล
“พี่...........” เขาบอกเบาๆ ก่อนจะหันไปจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีก
“เอ่อ.....พี่โทแพ้ดอกไม้”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังทันที ก่อนจะเอนพิงพนักเก้าอี้สีดำมองคนข้างหน้าอย่างเอ็นดู
“ถ้าผึ้งแพ้ดอกไม้.....ก็ตายกันพอดี!!!” เขายักคิ้วให้ “ตอนเด็กๆ ใช่ แต่ตั้งแต่พี่กินผึ้ง.....หายเลยรู้ไหม??” คนเล่าพูดเหมือนคนอารมณ์ดีเสียเต็มประดา มันช่างต่างกับสีหน้าคนที่ละตินเห็นตรงลานจอดรถมากเหลือเกิน
“คนนอก.....ไม่รู้อะไรหรอก!!” เขาหมายถึงการะเกดผู้ไม่ค่อยถูก ‘เชิญ’ มาพบหน้าบ่อยนัก
“จริง....เหรอคะ?” เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน ละตินนึกในใจ
“จริงค่ะ......ให้ดอกไม้ผู้หญิงมาเป็นร้อยช่อ.....พี่ไม่เคยแพ้ใครสักคน!!!” เขายังหัวเราะสนุก “อย่าคิดมากเลยนะ.....เขาห้ามเพราะห่วงพี่หรอก.....เสียแต่พูดแรงไปหน่อย” ชายหนุ่มอยากให้ทุกคนรักกัน แม้อีกคนจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่
“ค่ะ....ไม่คิดอะไรค่ะ......ได้ยินก็เป็นห่วงเหมือนกัน แต่เห็นสั่งน่ะค่ะ”
“ครับ.....ดีแล้ว ไม่มีใครเพอร์เฟก ดีกับเขาไว้ค14รับแล้วทุกอย่างจะดีเอง ซื้อคนไม่ได้ ให้เอาใจให้แทนนะ” คนสอนดูฉลาดและเข้าใจพูดให้คนอื่นคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย ละตินยิ้มจางๆ ให้ก่อนจะขอตัวออกไป
“กินข้าวกันนะคะ....พี่โทรอที่ร้านดวง......เที่ยงสิบห้า”
ละตินเดินไปใกล้ประตูแล้ว คิดว่าชายหนุ่มพูดโทรศัพท์ จึงไม่ได้สนใจ
“บอกคุณ.....ละติน”
เมื่อได้ยินหญิงสาวจึงหันมา แต่อีกคนหันหลังให้ เขาลุกไปหยิบแฟ้มเสียแล้ว “รวย....เลี้ยงข้าวน้องๆ บ่อยๆ อย่าคิดมาก ไม่มีใครว่า.....ไม่ต้องสนใจ” เสียงคนบอกราบเรียบ.....ทรงอำนาจ
ละตินเดินพ้นประตู.....หลับตาปี๋ หล่อนพูดเบาราวกับลมหายใจ “ตาย........”
~~~
ละตินเปิดประตูร้านเข้ามามองหา “เจ้านาย” แต่ก็มองไม่เห็นเขา คนในร้านไม่หนาตานัก ไม่แปลกที่เขานัดเธอที่ร้านนี้ รสนิยมดีกว่าที่คิด ละตินคิดว่าเขาเป็นคนติดหรู แต่ร้านที่เลือกกลับแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ เมื่อมองออกไปนอกกระจกมองเห็นสวนเล็กๆ เต็มไปด้วยไม้ใบเขียวขจีหลากหลายพันธุ์
“ขอบคุณที่บอกร้านดีๆ ให้รู้จักนะเจ้านาย” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะสบตาพนักงานในร้านแล้วเลือกสั่งอาหารที่ชอบไปสองสามอย่าง ละตินถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้อยู่คนเดียวเงียบๆ หมู่นี้รู้สึกว่าตัวเอง “เครียด” ผิดปกติ แม้งานที่ทำไม่ได้ยากสักนิดและที่ร้านดอกไม้ของเธอก็ไม่มีปัญหา แต่ละตินก็บอกตัวเองไม่ได้ เธอมีเรื่องกังวลหรืออะไรกันแน่?
“หิวเหรอจ๊ะ? หนูละติน” เสียงคุ้นทักเมื่อเขาเดินเข้ามานั่งตรงหน้า
“คุณโท??” ละตินยิ้มเจื่อนเมื่อไม่คิดว่าเขาทักหล่อนแบบนี้ “หนู”??!!!
คนตาหยียิ้มกว้างก่อนจะปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตออก แล้วพับขึ้นมาเรียบร้อย “ร้อนเนอะ!!! สงสัยฝนจะตก นี่พี่เดินมาเลยนะคะ” คนเล่าทำตัวตามสบาย ก่อนจะหันไปมองบริกรที่ยกน้ำมาให้ “ขอเบียร์ครับ” เขาสั่งหน้าตาเฉย
“ยังไม่ทานข้าวเลยเนี่ยนะ” ละตินพูดเบาๆ
“อืม.....ปกติค่ะ แล้วเราเป็นไงบ้าง มีปัญหาเรื่องงานไหมคะ?” คนถามดูจริงจัง
“ไม่มีค่ะ....แต่บางทีรู้สึกเงียบไปหน่อย” ละตินก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองจึงไม่รู้สึกเขินอาย เมื่ออยู่ต่อหน้าชายแปลกหน้าในยามนี้ เอกกวียิ้มจางๆ แล้วนั่งนิ่ง สายตาที่ทอดยาวออกไปนอกกระจกเหมือนคนกำลังเข้าสู่ภวังค์ คนมือสวยยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มช้า“เห็นสวนนั่นไหมคะ? เหมือนที่บ้าน....ที่ญี่ปุ่น”
ละตินพยักหน้ารับ แต่ไม่พูดอะไร เข้าใจว่าอีกคนต้องการความเงียบ ‘เจ้านาย’ ของเธอเหมือนกราฟที่ขึ้นลงได้ตลอดเวลา เมื่อยังไม่รู้จักนิสัยใจคอ ละตินคิดว่าตัวเองควรจะอยู่เงียบๆ
“อ้อ!!! มีคนชมว่าดอกไม้น้องติสวย!!!” น้ำเสียงอีกคนเปลี่ยนไปทันที ทำให้ละตินตกใจ
“อ่ะ.....ค่ะ.....ขอบคุณ”
“ให้แม่.......ไม่ได้ให้สาวที่ไหน” เขาหัวเราะเบาๆ “สาวๆ บางคนไม่ชอบดอกไม้ค่ะ มันไม่มีชีวิตและบางทีไม่มีค่าเลยเพราะไม่มีราคา....เขาว่างั้นนะ หึ!” ชายหนุ่มก้มมองที่โต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “รู้ไหมคะ ทำไมถึงชวนออกมาข้างนอก?”
“ไม่ทราบค่ะ....”
“พี่เห็นเราในฝัน........เมื่อคืน” คนเล่าเงียบไป ก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีก “แปลกดีเนอะ....ฝันถึงคนแปลกหน้าที่ไม่ค่อยได้พูดกันด้วยซ้ำ.....ฝันยาวมาก” เขาหัวเราะร่วน
ละตินยิ้มจางๆ ให้ พูดอะไรไม่ออก......
คนแปลกหน้าของละติน ดูสับสนและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน หากแม้นคำทำนายมีโอกาสเป็นไปได้แม้เพียงสักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ใครเล่าจะบอกได้ว่าบุคคลที่ทองสิบบอกเป็น “เขาที่อยู่ตรงหน้านี้” หรือไม่?
ในเวลานี้....ละตินรู้สึกเหมือนตัวเองงมงายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อตัวเองรู้สึกมีส่วนร่วมกับคนตรงหน้า คำบอกเล่าเรื่องความฝันของชายหนุ่มเมื่อครู่......เกี่ยวกับเธอเพราะมันคือพรหมลิขิต แต่เจ้าตัวก็ยังพยายาม ‘หนี’!
“คงเห็นหน้า.....แล้วรอดอกไม้ก็เลยฝันค่ะ” ละตินยิ้มจางๆ ให้
“ไม่ใช่หรอก.....พี่เห็นภาพที่ไม่เคยเห็น” เขาปฏิเสธจริงจัง “เลยอยากถามเรา....ว่าเคยพบกันหรือเปล่า? เคยเห็นพี่ที่ไหนมาก่อนไหมคะ? เช่นตามห้าง or Pub” เขาพูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษเพราะแน่ใจ คนฟังรู้เรื่อง
“ไม่เคยเลยค่ะ.....ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลย” ‘ใจ’ อยากจะพูดอีก ว่าตั้งแต่เทวราชย์จากไป เธอก็ไม่เคยคิดจะเดินทางไปที่ไหนๆ อีกเลย แต่ก็คิดว่าไม่ควรพูด คนที่เป็นเจ้านายคงไม่ปล่อยอะไรให้ผ่านไปเฉยๆ เมื่อคนที่เล่าเป็นลูกน้องของเขา ละตินไม่อยากให้เขามองว่าเธอ ‘อ่อนแอ’
“พี่ก็ไม่เคยนะคะ....แต่ทำไมฝัน พอฝันแล้วก็......อยากมาทำงานเร็วๆ เหมือนอยากเล่า แต่ก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง.....แต่ช่างเถอะ!!! ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน”
อาหารถูกยกมาให้นานแล้ว แต่ละตินไม่กล้ารับประทานก่อนเขา เพราะตัวเขาเองไม่ยอมสั่งอาหารเลยด้วยซ้ำ “ไม่ทานด้วยกันคะ?” หล่อนนึกเป็นห่วง
“เดี๋ยวสั่งจ้ะ....ติทานก่อนเถอะ พี่จะนั่งที่นี่อีกนาน” เขาพูดยิ้มๆ ก่อนจะนั่งจ้องคนตรงหน้านิ่ง
ตายาวที่มองมาทำให้อีกคนหน้าร้อนผ่าว เอกกวีมองหล่อนเหมือนเด็กๆ แววตาเป็นมิตรนัก
“พี่จะพูด....ติไม่ต้องตอบก็ได้จ้ะ” เขาบอกช้า ก่อนจะหยิบส้อมของตัวเองมาจิ้มผักสดในจานเข้าปาก คนตรงหน้าดูเหมือนคุ้นเคยกันมานาน เขาทำตัวตามสบายและดูสนิทกับคนอื่นได้เร็ว จนละตินอดทึ่งไม่ได้ คำว่า ‘ท่ามาก’ มองไม่เห็นในคน คนนี้ ในเวลานี้ หากใครไม่รู้......คงคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพียงเพื่อน ไม่ก็คนรักของละตินแน่นอน หญิงสาวมองไปรอบกาย กลัวเหลือเกิน....หากคนในออฟฟิศมาพบเข้า คนที่จะเดือดร้อน.....ไม่ใช่ใคร??!! มีแต่เธอเท่านั้นละติน.......
หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา.....คนเชิญมาก็คือเอกกวี!!!
ก็แค่กินข้าว......กับเจ้านาย???!!!
“ถอนหายใจทำไมอ่ะ??!!” คนถามๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นไม่มีผิด!! ละตินยิ้มเจื่อนก่อนจะส่ายหน้า
ทำไมกินข้าวแล้วเหนื่อยขนาดนี้.........กลัวจริงๆ “หัวใจ”
“อืม.....ไม่มีอะไรค่ะ ปกติไม่ค่อยทานข้าวกับคนอื่น ติเลยทำตัวไม่ถูก” เธออธิบาย
“อ๋อ...ก็จริงค่ะ เราพบกันไม่กี่ครั้ง แต่เข้าฝันพี่ได้นี่เก่ง!! ตบมือ!!” เขาตบมือจริงๆ “พี่ทานข้าวกับคนแปลกหน้าทุกวันบางคนไม่แปลกหน้า.....แต่ก็ไม่เคยรู้สึกสนิทใจเหมือนคุยกับบางคน” เขายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง
“บางคน” ที่ว่า ก้มหน้าเขี่ยอาหารในจานเงียบ เอกกวีมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คิดว่าจะไม่บอกหล่อน เรื่องความฝัน แต่ก็อดใจไม่ไหว.....
แววตาที่หญิงสาวมองมาที่เขา ตั้งแต่พบหน้ากันวันแรก......แตกต่างจากคนอื่นที่มองเขา
หลายคนหากไม่ชื่นชมต่อหน้า......ก็แสดงออกเกินไป แต่ผู้หญิงคนนี้.....มองผ่าน แต่หากเมื่อได้สบตา.....วูบหนึ่งแห่งแววตานั้น สะท้อนความในใจ หล่อนมีคำถาม......ที่ไม่ต้องการคำตอบจากเขา แล้วหล่อนอยากได้อะไร????
“อยากได้อะไร.....ละติน?” คนถามเลื่อนลอย
“คะ?! อยากได้อะไรนะคะ?”
เอกกวีเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลุด!! “โอ.....ไม่มีอะไร ยังไม่หิวค่ะ อิ่มเบียร์!! ฮ่าๆ” เขาหัวเราะปากกว้าง “กินๆ กินข้าวนะคะ พี่ไม่กวนแล้ว” เขารีบพูดก่อนจะมองออกไปข้างนอกกระจกแทน
บางอย่าง....ในเมื่อมันบอกไม่ได้ว่าคืออะไร เอกกวีก็เลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัวเอง นอกกระจก....พ้นกำแพงของร้านมีเรื่องราวและผู้คนมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนแปลกหน้า หากเอาทุกสิ่งมาไว้ในหัว เขาคงเป็นบ้า แต่เมื่อหันมาตรงหน้า หญิงสาวเลื่อนแก้วน้ำมาให้ใกล้ตัว.....
ชายหนุ่มสบตาหล่อน.....เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกัน
ฉันอยู่ใต้ท้องฟ้า ขอให้เธออยู่ที่เดิม โดย ภูระริน ตอนที่ 3
รถแท็กซี่ของคิมหันต์กำลังจะจอดที่หน้าบริษัทให้ในตอนเช้า ชายหนุ่มแตะเบรกกะทันหันทำให้ทั้งสองคนหัวแทบคะมำ!! “โอ.......ขับรถได้เจ๋งมาก.....บีเอ็ม....แซงได้เยี่ยมมากเลยโว้ย!!” คิมหันต์สวดไล่คนขับคันหน้า
“โอ้ย!! คิดว่าตายแล้ว!!” ละตินถอนหายใจเฮือกใหญ่
“อย่าให้มีมั่งนะ รถใหม่ซิ่งสะใจ.....รถเก่าขี้เมาขับ!!! วู้!!” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะค่อยๆ จอดให้ “ให้มารับไหมเจ๊??”
“ไม่ต้องจ้ะ.....ไม่รู้จะกลับกี่โมง” ละตินหอบดอกไม้ลงจากหลังรถไป ก่อนจะยิ้มให้คิมหันต์ หล่อนชี้มือไปที่เจ้าของรถคู่กรณีที่กำลังเดินคุยโทรศัพท์มือถือผ่านไปอย่างรีบร้อน
“Boss......” คิมหันต์อ่านปากอีกคน ก่อนที่เขาจะนั่งนิ่ง ดูชายหนุ่มที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลนัก
ชายร่างโปร่ง ผิวขาวใส ผมปัดด้วยเจลขึ้นสูงเดินไปไม่เหลียวหลัง เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปและกางเกงสแล็คสีดำทำให้ร่างนั้นราศีจับ คิมหันต์รู้สึกถึงพลังบางอย่าง ไม่บอกก็รู้.......อำนาจเขาเหลือล้นด้วยท่าทางที่มั่นใจ
อ่านจากปากไกลๆ พูดภาษาอะไรของเขา??!!
อีกคนกำลังเดินตามไปช้าๆ เพราะกำลังหอบดอกไม้เดินอย่างระมัดระวัง หล่อนทิ้งระยะห่าง ไม่ให้คนข้างหน้ารู้ตัว…. ภาพนั้นทำให้คิมหันต์ใจหาย.....
ละตินจะหนีอำนาจเจ้านายพ้นได้อย่างไร และหากเมื่อ “มีใจ” ชีวิตข้างหน้าของพี่สาวต่างสายเลือด จะพบกับศึกครั้งใหญ่แน่นอน คนต่างชาติ.....ใช่หรือไม่???
~~~
ละตินวางดอกไม้ไว้ที่โต๊ะ ทำให้คนที่เพิ่งมาถึงมองอยู่เงียบๆ โชคดีที่คนที่นี่ไม่ชอบตั้งคำถาม หากแต่ที่ทำกันคือยิ้มให้กันน้อยๆ แล้วแยกย้ายกันเข้าล็อกของตัวเอง เหมือนทุกคนที่นี่เป็นใบ้ นายและหัวหน้าเท่านั้นที่พูดจา ส่วนใหญ่ละตินจึงทำได้แค่ยิ้มกราด มนุษย์งานเริ่มต้นทำหน้าที่ ไร้การพูดจา ถูกใจละตินดีหรอก แต่บางทีก็รู้สึก
จะหาเพื่อนสักคนได้หรือไม่และอย่างไรกัน?
“น้อง....ดอกไม้ของเราเหรอ? เอามาทำไมกัน?” เสียงคุณการะเกดหยุดทักเมื่อกำลังจะเดินผ่าน
“เอ่อ.....”
“เอามาทำไมกัน คุณโทเขาแพ้เกสรดอกไม้เราไม่รู้ก็อย่าซี้ซั้วเอามา!!! เป็นอะไรไปเราจะรับผิดชอบไหวไหม??” คนพูดไม่เว้นช่องว่างให้ใครได้อธิบาย “รู้ถึงหูคุณผู้หญิงล่ะเธอกระเด็นแน่!!”
“คือ.....ดิฉัน!!” ละตินลุกขึ้นยืนทันที หวังจะแก้คำครหาทั้งหมด
“เอาไปทิ้งเลยนะ อย่ามาจีบกันแถวนี้ ไร้สาระที่สุด!!” คนพูดเสียงดังไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนหันมามอง
“เอาไปทิ้งในห้องผม.......ขอบคุณครับ” เอกกวีพูดหน้านิ่งแล้วเดินผ่านไปทันที
การะเกดหันไปมอง หล่อนอ้าปากอยากจะพูดแต่ไม่ทัน!!
ร่างโปร่งเดินเร็ว แล้วทุกคนก็ได้ยินอีกประโยคตามมา “ละตินซัง...come on...คุณการะเกดผมไม่สะดวกคุย...กลับไปก่อนครับ” การะเกดอ้าปากค้างอีกครั้ง!!
ละตินสบตาหล่อนนิ่งไม่ขยับกาย จนเมื่อเสียงอีกคนเตือนเบาๆ “ละตินจ๊ะ...ถ้าถูกเรียกอย่าช้าเกิน 5 นาที ไม่งั้นจะโกรธมาก” แววตาพยักหน้าให้อย่างเมตตา
หญิงสาวยิ้มเจื่อนให้อีกคน “คือ....คุณเอกกวีเธอสั่งค่ะ.....ดิฉันแค่ถือมาให้” หล่อนพยายามอธิบาย
การะเกดเชิดหน้าแล้วเดินจากไปทันที “ทำไมไม่รีบบอกฉัน!! ชักช้าน่ารำคาญ เด็กอะไร??!!” หล่อนบ่นทิ้งท้าย หลายคนในห้องแอบอมยิ้มอย่างสะใจกับการกระทำของเจ้านายผู้เฉียบขาด
คนแก่ขี้โวยวาย โดนซะบ้าง!
~~~
ละตินรีบหอบช่อดอกไม้เดินเข้าไปในห้องของเอกกวี นึกขอบคุณเขาในใจที่มาได้ทันเวลา หากแต่เมื่อก้าวเข้าไปหัวใจของหญิงสาวก็เต้นรัวราวกับกลอง ภาพตรงหน้าน่าดูเหลือเกิน......
เอกกวีนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดนิ่ง แว่นสายตากรอบสีดำทำให้คนผิวขาวผ่องดูสดใสยิ่งกว่าเดิม ไรผมและเคราสีเขียวรำไรขับใบหน้าคนตาหยีที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้งดงาม....
“โดนแต่เช้าเลย......”เขาหัวเราะเบาๆ “นั่งครับ.......” คำสั่งฟังดูเมตตายิ่งนัก
“เอ่อ......คุณโทแพ้......” ละตินนึกกังวล
“พี่...........” เขาบอกเบาๆ ก่อนจะหันไปจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีก
“เอ่อ.....พี่โทแพ้ดอกไม้”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังทันที ก่อนจะเอนพิงพนักเก้าอี้สีดำมองคนข้างหน้าอย่างเอ็นดู
“ถ้าผึ้งแพ้ดอกไม้.....ก็ตายกันพอดี!!!” เขายักคิ้วให้ “ตอนเด็กๆ ใช่ แต่ตั้งแต่พี่กินผึ้ง.....หายเลยรู้ไหม??” คนเล่าพูดเหมือนคนอารมณ์ดีเสียเต็มประดา มันช่างต่างกับสีหน้าคนที่ละตินเห็นตรงลานจอดรถมากเหลือเกิน
“คนนอก.....ไม่รู้อะไรหรอก!!” เขาหมายถึงการะเกดผู้ไม่ค่อยถูก ‘เชิญ’ มาพบหน้าบ่อยนัก
“จริง....เหรอคะ?” เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน ละตินนึกในใจ
“จริงค่ะ......ให้ดอกไม้ผู้หญิงมาเป็นร้อยช่อ.....พี่ไม่เคยแพ้ใครสักคน!!!” เขายังหัวเราะสนุก “อย่าคิดมากเลยนะ.....เขาห้ามเพราะห่วงพี่หรอก.....เสียแต่พูดแรงไปหน่อย” ชายหนุ่มอยากให้ทุกคนรักกัน แม้อีกคนจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่
“ค่ะ....ไม่คิดอะไรค่ะ......ได้ยินก็เป็นห่วงเหมือนกัน แต่เห็นสั่งน่ะค่ะ”
“ครับ.....ดีแล้ว ไม่มีใครเพอร์เฟก ดีกับเขาไว้ค14รับแล้วทุกอย่างจะดีเอง ซื้อคนไม่ได้ ให้เอาใจให้แทนนะ” คนสอนดูฉลาดและเข้าใจพูดให้คนอื่นคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย ละตินยิ้มจางๆ ให้ก่อนจะขอตัวออกไป
“กินข้าวกันนะคะ....พี่โทรอที่ร้านดวง......เที่ยงสิบห้า”
ละตินเดินไปใกล้ประตูแล้ว คิดว่าชายหนุ่มพูดโทรศัพท์ จึงไม่ได้สนใจ
“บอกคุณ.....ละติน”
เมื่อได้ยินหญิงสาวจึงหันมา แต่อีกคนหันหลังให้ เขาลุกไปหยิบแฟ้มเสียแล้ว “รวย....เลี้ยงข้าวน้องๆ บ่อยๆ อย่าคิดมาก ไม่มีใครว่า.....ไม่ต้องสนใจ” เสียงคนบอกราบเรียบ.....ทรงอำนาจ
ละตินเดินพ้นประตู.....หลับตาปี๋ หล่อนพูดเบาราวกับลมหายใจ “ตาย........”
~~~
ละตินเปิดประตูร้านเข้ามามองหา “เจ้านาย” แต่ก็มองไม่เห็นเขา คนในร้านไม่หนาตานัก ไม่แปลกที่เขานัดเธอที่ร้านนี้ รสนิยมดีกว่าที่คิด ละตินคิดว่าเขาเป็นคนติดหรู แต่ร้านที่เลือกกลับแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ เมื่อมองออกไปนอกกระจกมองเห็นสวนเล็กๆ เต็มไปด้วยไม้ใบเขียวขจีหลากหลายพันธุ์
“ขอบคุณที่บอกร้านดีๆ ให้รู้จักนะเจ้านาย” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะสบตาพนักงานในร้านแล้วเลือกสั่งอาหารที่ชอบไปสองสามอย่าง ละตินถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้อยู่คนเดียวเงียบๆ หมู่นี้รู้สึกว่าตัวเอง “เครียด” ผิดปกติ แม้งานที่ทำไม่ได้ยากสักนิดและที่ร้านดอกไม้ของเธอก็ไม่มีปัญหา แต่ละตินก็บอกตัวเองไม่ได้ เธอมีเรื่องกังวลหรืออะไรกันแน่?
“หิวเหรอจ๊ะ? หนูละติน” เสียงคุ้นทักเมื่อเขาเดินเข้ามานั่งตรงหน้า
“คุณโท??” ละตินยิ้มเจื่อนเมื่อไม่คิดว่าเขาทักหล่อนแบบนี้ “หนู”??!!!
คนตาหยียิ้มกว้างก่อนจะปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตออก แล้วพับขึ้นมาเรียบร้อย “ร้อนเนอะ!!! สงสัยฝนจะตก นี่พี่เดินมาเลยนะคะ” คนเล่าทำตัวตามสบาย ก่อนจะหันไปมองบริกรที่ยกน้ำมาให้ “ขอเบียร์ครับ” เขาสั่งหน้าตาเฉย
“ยังไม่ทานข้าวเลยเนี่ยนะ” ละตินพูดเบาๆ
“อืม.....ปกติค่ะ แล้วเราเป็นไงบ้าง มีปัญหาเรื่องงานไหมคะ?” คนถามดูจริงจัง
“ไม่มีค่ะ....แต่บางทีรู้สึกเงียบไปหน่อย” ละตินก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองจึงไม่รู้สึกเขินอาย เมื่ออยู่ต่อหน้าชายแปลกหน้าในยามนี้ เอกกวียิ้มจางๆ แล้วนั่งนิ่ง สายตาที่ทอดยาวออกไปนอกกระจกเหมือนคนกำลังเข้าสู่ภวังค์ คนมือสวยยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มช้า“เห็นสวนนั่นไหมคะ? เหมือนที่บ้าน....ที่ญี่ปุ่น”
ละตินพยักหน้ารับ แต่ไม่พูดอะไร เข้าใจว่าอีกคนต้องการความเงียบ ‘เจ้านาย’ ของเธอเหมือนกราฟที่ขึ้นลงได้ตลอดเวลา เมื่อยังไม่รู้จักนิสัยใจคอ ละตินคิดว่าตัวเองควรจะอยู่เงียบๆ
“อ้อ!!! มีคนชมว่าดอกไม้น้องติสวย!!!” น้ำเสียงอีกคนเปลี่ยนไปทันที ทำให้ละตินตกใจ
“อ่ะ.....ค่ะ.....ขอบคุณ”
“ให้แม่.......ไม่ได้ให้สาวที่ไหน” เขาหัวเราะเบาๆ “สาวๆ บางคนไม่ชอบดอกไม้ค่ะ มันไม่มีชีวิตและบางทีไม่มีค่าเลยเพราะไม่มีราคา....เขาว่างั้นนะ หึ!” ชายหนุ่มก้มมองที่โต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “รู้ไหมคะ ทำไมถึงชวนออกมาข้างนอก?”
“ไม่ทราบค่ะ....”
“พี่เห็นเราในฝัน........เมื่อคืน” คนเล่าเงียบไป ก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีก “แปลกดีเนอะ....ฝันถึงคนแปลกหน้าที่ไม่ค่อยได้พูดกันด้วยซ้ำ.....ฝันยาวมาก” เขาหัวเราะร่วน
ละตินยิ้มจางๆ ให้ พูดอะไรไม่ออก......
คนแปลกหน้าของละติน ดูสับสนและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน หากแม้นคำทำนายมีโอกาสเป็นไปได้แม้เพียงสักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ใครเล่าจะบอกได้ว่าบุคคลที่ทองสิบบอกเป็น “เขาที่อยู่ตรงหน้านี้” หรือไม่?
ในเวลานี้....ละตินรู้สึกเหมือนตัวเองงมงายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อตัวเองรู้สึกมีส่วนร่วมกับคนตรงหน้า คำบอกเล่าเรื่องความฝันของชายหนุ่มเมื่อครู่......เกี่ยวกับเธอเพราะมันคือพรหมลิขิต แต่เจ้าตัวก็ยังพยายาม ‘หนี’!
“คงเห็นหน้า.....แล้วรอดอกไม้ก็เลยฝันค่ะ” ละตินยิ้มจางๆ ให้
“ไม่ใช่หรอก.....พี่เห็นภาพที่ไม่เคยเห็น” เขาปฏิเสธจริงจัง “เลยอยากถามเรา....ว่าเคยพบกันหรือเปล่า? เคยเห็นพี่ที่ไหนมาก่อนไหมคะ? เช่นตามห้าง or Pub” เขาพูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษเพราะแน่ใจ คนฟังรู้เรื่อง
“ไม่เคยเลยค่ะ.....ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลย” ‘ใจ’ อยากจะพูดอีก ว่าตั้งแต่เทวราชย์จากไป เธอก็ไม่เคยคิดจะเดินทางไปที่ไหนๆ อีกเลย แต่ก็คิดว่าไม่ควรพูด คนที่เป็นเจ้านายคงไม่ปล่อยอะไรให้ผ่านไปเฉยๆ เมื่อคนที่เล่าเป็นลูกน้องของเขา ละตินไม่อยากให้เขามองว่าเธอ ‘อ่อนแอ’
“พี่ก็ไม่เคยนะคะ....แต่ทำไมฝัน พอฝันแล้วก็......อยากมาทำงานเร็วๆ เหมือนอยากเล่า แต่ก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง.....แต่ช่างเถอะ!!! ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน”
อาหารถูกยกมาให้นานแล้ว แต่ละตินไม่กล้ารับประทานก่อนเขา เพราะตัวเขาเองไม่ยอมสั่งอาหารเลยด้วยซ้ำ “ไม่ทานด้วยกันคะ?” หล่อนนึกเป็นห่วง
“เดี๋ยวสั่งจ้ะ....ติทานก่อนเถอะ พี่จะนั่งที่นี่อีกนาน” เขาพูดยิ้มๆ ก่อนจะนั่งจ้องคนตรงหน้านิ่ง
ตายาวที่มองมาทำให้อีกคนหน้าร้อนผ่าว เอกกวีมองหล่อนเหมือนเด็กๆ แววตาเป็นมิตรนัก
“พี่จะพูด....ติไม่ต้องตอบก็ได้จ้ะ” เขาบอกช้า ก่อนจะหยิบส้อมของตัวเองมาจิ้มผักสดในจานเข้าปาก คนตรงหน้าดูเหมือนคุ้นเคยกันมานาน เขาทำตัวตามสบายและดูสนิทกับคนอื่นได้เร็ว จนละตินอดทึ่งไม่ได้ คำว่า ‘ท่ามาก’ มองไม่เห็นในคน คนนี้ ในเวลานี้ หากใครไม่รู้......คงคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพียงเพื่อน ไม่ก็คนรักของละตินแน่นอน หญิงสาวมองไปรอบกาย กลัวเหลือเกิน....หากคนในออฟฟิศมาพบเข้า คนที่จะเดือดร้อน.....ไม่ใช่ใคร??!! มีแต่เธอเท่านั้นละติน.......
หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา.....คนเชิญมาก็คือเอกกวี!!!
ก็แค่กินข้าว......กับเจ้านาย???!!!
“ถอนหายใจทำไมอ่ะ??!!” คนถามๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นไม่มีผิด!! ละตินยิ้มเจื่อนก่อนจะส่ายหน้า
ทำไมกินข้าวแล้วเหนื่อยขนาดนี้.........กลัวจริงๆ “หัวใจ”
“อืม.....ไม่มีอะไรค่ะ ปกติไม่ค่อยทานข้าวกับคนอื่น ติเลยทำตัวไม่ถูก” เธออธิบาย
“อ๋อ...ก็จริงค่ะ เราพบกันไม่กี่ครั้ง แต่เข้าฝันพี่ได้นี่เก่ง!! ตบมือ!!” เขาตบมือจริงๆ “พี่ทานข้าวกับคนแปลกหน้าทุกวันบางคนไม่แปลกหน้า.....แต่ก็ไม่เคยรู้สึกสนิทใจเหมือนคุยกับบางคน” เขายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง
“บางคน” ที่ว่า ก้มหน้าเขี่ยอาหารในจานเงียบ เอกกวีมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คิดว่าจะไม่บอกหล่อน เรื่องความฝัน แต่ก็อดใจไม่ไหว.....
แววตาที่หญิงสาวมองมาที่เขา ตั้งแต่พบหน้ากันวันแรก......แตกต่างจากคนอื่นที่มองเขา
หลายคนหากไม่ชื่นชมต่อหน้า......ก็แสดงออกเกินไป แต่ผู้หญิงคนนี้.....มองผ่าน แต่หากเมื่อได้สบตา.....วูบหนึ่งแห่งแววตานั้น สะท้อนความในใจ หล่อนมีคำถาม......ที่ไม่ต้องการคำตอบจากเขา แล้วหล่อนอยากได้อะไร????
“อยากได้อะไร.....ละติน?” คนถามเลื่อนลอย
“คะ?! อยากได้อะไรนะคะ?”
เอกกวีเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลุด!! “โอ.....ไม่มีอะไร ยังไม่หิวค่ะ อิ่มเบียร์!! ฮ่าๆ” เขาหัวเราะปากกว้าง “กินๆ กินข้าวนะคะ พี่ไม่กวนแล้ว” เขารีบพูดก่อนจะมองออกไปข้างนอกกระจกแทน
บางอย่าง....ในเมื่อมันบอกไม่ได้ว่าคืออะไร เอกกวีก็เลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัวเอง นอกกระจก....พ้นกำแพงของร้านมีเรื่องราวและผู้คนมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนแปลกหน้า หากเอาทุกสิ่งมาไว้ในหัว เขาคงเป็นบ้า แต่เมื่อหันมาตรงหน้า หญิงสาวเลื่อนแก้วน้ำมาให้ใกล้ตัว.....
ชายหนุ่มสบตาหล่อน.....เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกัน