ทริปหนีแม่แว๊นไปเที่ยวม่อนน้องแกะ บนดอยอินทนนท์

กระทู้สนทนา

บันทึกนักเดินทาง เที่ยวภูเขา ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์ One Day Trip เที่ยวเชิงอนุรักษ์

สวัสดีค่ะ ในที่สุดก็ได้ลองเขียนกระทู้สักที เย่! เคยแต่อ่านของคนอื่นรีวิวเวลาจะไปเที่ยวนู่นนี่นั่น วันนี้พอมีโอกาสก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง บอกเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกที่เขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ เราไปเมื่อวันที่ 14 ธ.ค พึ่งมีโอกาสมาเขียนกระทู้(+รอยืนยันตัวตนของเว็บอีกสองวันเพราะว่าใส่รูปไม่ได้ กว่าจะได้ลง

) ถ้าไปตอนนี้น่าจะหนาวน่าดู กระทู้นี้เน้นเขียนไปตามฟีลไปเรื่อยๆไม่เน้นสาระข้อมูลอะไรมากค่ะ เหมือนมาเล่าเรื่องตัวเองมากกว่า รูปไม่ค่อยเยอะมากเพราะไม่อยากลงรูปที่ถ่ายตัวเอง เราบอกตามที่เรารู้ ถ้าพิมพ์ผิดข้อมูลผิดอะไรยังไงเราต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะเราค่อนข้างพูดไม่รู้เรื่องถ้าสับสนอะไรยังไงทักได้ถามได้ค่าาาา 555555
*คำเตือน-มันยาวมาก*
           ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตัวว่าเราเป็นคนเชียงใหม่และตอนนี้ก็เป็นนักศึกษาอยู่ ทริปนี้เป็นทริปค่อนข้างกระทันหันใช้เวลาคิดคืนเดียววางแพลนแล้วไปเลยตอนเช้า จริงๆเรากะเพื่อนคิดไว้แล้วว่าปิดเทอมจะไปเที่ยวแต่ก็รอวันว่างที่ตรงกันซึ่งก็คุยกันแค่นั้นพอถึงวันอยู่ๆเพื่อนก็ทักมาบอกจะไปเที่ยวพรุ่งนี้ คือแบบ เราก็เออไปดิไรงี้ เรากับเพื่อนไปกันแค่2คนค่ะเลยเอามอไซค์ไป(อันนี้แม่ไม่รู้ ห้ามฟ้องแม่!) คันที่ใช้ปกติทุกวันเลย เราหาข้อมูลในเว็บ+ถามพี่ที่เคยมีปสก.ขี่มอไซด์ไปเที่ยว เอาให้แน่ใจไปเลยว่าโอเค(ไม่โอก็ต้องไปเพราะตกลงกับเพื่อนไว้แล้ว55555) ถึงเป็นคนเชียงใหม่ก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเชียงใหม่นะคะ เพราะวันๆก็อยู่หน้ามอหลังมอ ห้าง คนเดิน วนๆไป ก็เลยต้องหาข้อมูลซึ่งก็ได้มาเยอะพอสมควรส่วนมากมาจากพี่ที่รู้จัก เราต้องคิดเยอะหน่อยเพราะว่าเป็นคนขี่ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลประมาณร้อยกว่าโลจากในเมือง ตอนแรกเรากังวลมากว่ารถจะไหวมั้ยเพราะรถที่เราใช้เป็นscoopyที่ใช้มานานแล้วกลัวขึ้นดอยไม่ไหว แต่โชคดีที่พึ่งไปเปลี่ยนล้อมาแล้วล้อรถเราเป็นแบบล้อใหญ่ๆก็เลยโอเคในระดับนึง พี่เขาแนะนำว่าให้เช็คลมยางให้ดีๆ เราก็เช็คตั้งแต่ออกจากหอซึ่งอยู่หลังมช.+เติมน้ำมันเต็มถัง ระยะทางค่อนข้างไกลหากใครจะไปอยากให้เป็นคนขี่รถแข็งจะดีกว่าค่ะ
          เราตกลงกะเพื่อนไว้ว่าจะเจอกันที่กาดฝรั่งและทานข้าวเช้าที่นั่นซึ่งเป็นทางผ่านเพราะเพื่อนอยู่บ้านที่นอกเมือง เราเดินทางโดยใช้ถนนทางหลวงที่เป็นเส้นไปหางดงและไปจอมทอง(รู้สึกเหมือนจะทางหลวง1009มั้งถ้าจำไม่ผิด) ก็ขี่ตรงไปเรื่อยๆตามถนนอะ ใช้เวลาค่อนข้างนาน 2-3 ชม. แล้วแต่สปีดของแต่ละคน ถ้าอยากชมหรือแวะข้างทางก็ค่อยๆขี่ เราขี่ 2 ชม.ก็ถึงม่อนน้องแกะ เพราะเป็นคนขี่เร็ว+ตอนนั้นเจอคนที่ขี่ไปเที่ยวเหมือนกันแล้วเหมือนแข่งกันอะ แบบสลับกันแซงสนุกมากกก5555 แต่ไม่แนะนำนะมันอันตรายเพราะเป็นถนนใหญ่ พอขี่ไปเรื่อยๆเจอเมืองบ้างถนนโล่งๆบ้างวันนั้นรถไม่ค่อยเยอะก็ขี่สะดวกหน่อย คือขี่ไปเรื่อยๆแล้วจะมีแยกที่ต้องเลี้ยวไปดอยอินทนนท์ ก่อนถึงแยกจะมีปั๊มปตท.ใหญ่ที่ใหญ่สุดตั้งแต่ขี่ออกจากเมืองมาอยู่ เราก็แวะพักคือตอนขี่จะไม่รู้สึกไรแต่พอลงรถปุ๊ปอะโคตรหนาว ก่อนออกก็เช็คลมยาง+น้ำมันแล้วก็ซื้อของซื้อน้ำแล้วแต่เลย ออกจากปั๊มพอถึงแยกที่ไปดอยก็เลี้ยวขวา เราก็ไม่รู้หรอกว่าแยกอยู่ไหนก็อาศัยขี่ไปตามเพื่อนบอกเพราะเพื่อนเคยไปจำทางได้ ใครจะไปเราแนะนำเปิดกูเกิ้ลแมพไปเลยไม่ยากเพราะทางไม่ซับซ้อนคือตรงแบบเรื่อยๆเเล้วก็มีเลี้ยวตรงทางไปดอย
          พอเลี้ยวไปทางขึ้นดอยข้างทางก็ยังเป็นหมู่บ้านขี่ไปเรื่อยๆจนเจอทางแยกซึ่งมีสองทาง ทางซ้ายไปแม่กลวงมั้งถ้าจำไม่ผิด อีกทางไปดอยอินทนนท์ เราก็เลี้ยวขวาขี่ไปเรื่อยๆจะเจอด่านตรวจเก็บค่าเข้า ผ.ญ. 40 เด็ก 20 นศ. 20 ค่าจักรยานยนต์ 20. รถยนต์เท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้ สรุปเรากะเพื่อนเสียคนละ 30บาท ก่อนขึ้นไปเราก็ถามเจ้าหน้าที่ว่าม่อนน้องแกะ+น้ำตกไปทางไหน เขาก็บอกขึ้นไปประมาณ 23 กม. เลยตลาดม้งมีทางขึ้นอยู่ทางซ้ายซึ่งเป็นทางไปคอยผาตั้ง ส่วนน้ำตกก็มีระหว่างทางก่อนที่จะไปถึงทางขึ้นไปม่อนน้องแกะ เรากะเพื่อนก็เลยสรุปว่าไปหาน้องแกะก่อนแล้วค่อยแวะน้ำตกตอนกลับ ดีลเลย เพราะเพื่อนอยากไปหาน้องแกะมากกกกกกน้องแกะจึงสำคัญที่สุด ทริปนี้เลยเกิดขึ้นมาได้! ก่อนขึ้นก็เข้าห้องน้ำอะไรตรงด่านให้เรียบร้อยเพราะว่าระหว่างทางจนกว่าจะถึงหมู่บ้านม้งไม่มีน้ำแล้ว
        หลังจากผ่านด่านตรวจแล้วก็จะเริ่มเจอภูเขา ต้นไม้มากขึ้น ตอนนั้นประมาณ 9 โมง อากาศเย็นๆ ช่วงที่ต้นไม้เยอะๆจะเย็นยะเยือก แต่พอผ่านแดดก็เฉยๆ ทางขึ้นไม่ยาก ขี่สบายๆเลย บรรยากาศดี ข้างทางสวย บางช่วงที่ผ่านจะเห็นน้ำตกเป็นสายคือใจเราอยากแวะเที่ยวมากเพราะเราอยากเที่ยวน้ำตก แต่ต้องขี่ต่อเพราะว่าจุดหมายคือน้องแกะไม่งั้นวันนี้เที่ยวไม่ครบที่ตั้งไว้ คือหลักๆจะเที่ยวม่อนน้องแกะและคิดว่าน่าจะนาน ต้องเผื่อเวลาแวะน้ำตก คือเรากับเพื่อนไปเที่ยวแบบone-day trip เวลาจะน้อย และยิ่งน้อยไปอีกเพราะเพื่อนต้องกลับก่อน 5 โมงเย็น(เพราะหนีแม่มาเที่ยว55555 อย่าบอกแม่มันนน) ขี่รถมาซักพักใหญ่เจอตลาดม้งทางขวามือขี่ผ่านให้มองหาทางขึ้นไปผาตั้งจะอยู่ทางซ้ายขี่ไปตามทาง ตรงนี้แหละจะยากสุดของการเดินทางเลยเพราะว่าทางโค้งไปมาแบบโค้งหักเลยต้องระวังรถสวนด้วยเพราะทางแคบ บางจุดก็ชัน แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก สนุกดี(แต่คนซ้อนอาจจะไม่สนุก5555) ตอนขึ้นก็นานพอสมควรแต่ข้างทางสวยมาก ช่วงแรกจะเห็นมีแม่น้ำข้างทางด้วย ขึ้นไปอากาศเย็นมากข้างทางจะมีต้นสนอะเรียงกันสวย เห็นท้องฟ้าภูเขาตามทาง ก่อนถึงพระตำหนักดอยผาตั้งจะมีทางแยกทางซ้ายลงไปม่อนน้องแกะ

(อันนี้ตรงแถวจุดชมวิวไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมากมาย)

ตอนแรกไม่รู้ก็ขี่ขึ้นไปข้างบนจุดชมวิวก่อน คืองงมากว่าน้องแกะอยู่ไหนเดินไปจุดชมวิว วิวสวย ได้ยินเสียงแกะร้องก็เอ้ะ น้องอยู่ไหนไม่รู้แต่ได้ยินมาจากข้างล่างเลยรีบขี่รถลงไปข้างล่างตรงทางแยก พอเข้าไปก็เจอฟาร์มแกะ น้องอยู่คอก(ที่เป็นรั้วกันไม่รู้เรียกคอกรึป่าว) คือดีใจเหมือนน้องเรียกร้องเราให้เรามาหา55555 (คือน้องร้องกันตลอดอะฟังแล้วตลกมาก ) ถ่ายรูปกันซักพักก็สงสัยว่าถ่ายกะน้องใกล้ๆไม่ได้หรอเพราะว่าน้องอยู่ในรั้วอะ แต่ที่เราเคยเห็นคนถ่ายรูปกันคืออยู่ใกล้มาก เราเลยไปถามคนที่เขาดูแลเขาบอกว่าตอนนี้ปล่อยน้องแกะบางส่วนไปกินหญ้าตรงข้างบนดอยผาตั้ง คือข้างบนจะมีพระตำหนัก เขาปล่อยน้องไปกินแถวข้างหลังพระตำหนักซึ่งตรงนั้นจะมีเนินอยู่ เราก็ขึ้นไปอีกรอบ ตอนนั้นคือได้อยู่ใกล้น้องแบบfull hd เลย แต่น้องแกะเฉยมากอะ หยิ่งมาก กินหญ้าอย่างเดียวเหมือนพรุ่งนี้จะไม่มีหญ้าอีกแล้วบนโลกนี้ (อันนี้เวอร์ไป555) แต่แบบน้องไม่สนใจเราจริงๆ เข้าไปใกล้เดินหนี อยากถ่ายแบบนั่งใกล้ๆน้องก็ไม่หันมามองก้มๆๆๆกินๆๆๆ เราก็ถ่ายไปเรื่อยๆมันเป็นเนินก็สวยดี แต่ตอนนั้นก็11โมงเกือบๆเที่ยงก็เริ่มร้อนเลยหยุดถ่ายรูปเพราะได้มามากพอละ คนดูแลก็กำลังจะต้อนน้องแกะกลับเพราะเขาจะไปกินข้าว ได้เจอน้องแกะเพื่อนเราก็พอใจแล้ว

ก่อนลงดอยเราตกใจเพราะขี่ขึ้นมาไม่ได้ดูน้ำมันรถเลยเห็นอีกทีจะถึงขีดแดงแล้ว คือตอนขี่มาตั้งแต่เมืองถึงปั๊มสุดท้ายก่อนขึ้นดอยยังไม่ลงครึ่งถังเลย คงเป็นเพราะขึ้นดอย+รถเก่าเลยเปลืองน้ำมัน ดีที่ก่อนขึ้นม่อนน้องแกะระหว่างทางมีร้านขายของ มีที่เติมน้ำมันของชาวบ้านแบบหยอดเหรียญเราก็แวะเติม ถือว่ายังพอมีแต้มบุญเหลือ จากนั้นตอนเที่ยงเราคิดว่าจะลงไปกินข้าวที่น้ำตกวชิรธารแต่เจอร้านข้างทางก่อนเลยแวะเพราะมีขนมจีนเพื่อนอยากกินเราเลยเสนอแวะร้านนั้น ผลคือความประทับใจติดลบอะ คืออาหารแบบจืดๆ สำหรับเราเฉยๆ แต่เพื่อนคือน้ำเงี้ยวมีเลือดสามชิ้นกับน้ำใสๆ มีร้านกาแฟข้างๆเจ้าของเดียวกันก็แบบเดียวกันน้ำคือ0 รู้งี้ไปกินที่น้ำตกดีกว่า อันนี้เสียคนละร้อยซึ่งราคากับอาหารไม่ไปด้วยกันเลยT^T
ขี่ลงดอยมาสักพักก็เจอทางเข้าไปน้ำตกวชิรธารเข้าไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว เป็นนำตกทีใหญ่มากและเล่นไม่ได้เพราะน้ำแรงมาก เดินไปถ่ายรูปใกล้ๆคือละอองน้ำมาแบบสตรีมจนเปียกถ้าเอาสบู่ไปด้วยก็คงอาบน้ำเสร็จเลย(เวอร์ไป555) คือเราอยากเล่นน้ำตกคิดว่ามันจะเล่นได้เสียดาย ก็เลยนั่งกินเบอร์เกอร์ที่ซื้อมาตั้งแต่ตรงเอาท์เล็ทกะจะเอามากินบนดอย มันหลายชม.จนขนมปังแข็งไม่อร่อยเลย แต่ก็ต้องกินเอาบรรยากาศ55555

ออกจากน้ำตกวชิรธารประมาณบ่ายครึ่ง-บ่ายสอง ก็กะว่าจะลงดอยกลับละเพราะจะไปแวะที่เก๊าไม้รีสอร์ทซึ่งเป็นทางผ่านตอนขาไปเพื่อนอยากแวะถ่ายรูป แต่พอขี่ลงมาเจอเเม่น้ำที่ข้างทางเหมือนเป็นจุดพักรถหรืออะไรคือมันมีลานจอดรถกว้างๆซึ่งเห็นมีเด็กแว๊นมาเล่นยกล้อกัน-.- ตรงลำธารก็คล้ายๆน้ำตกนำ้ค่อนข้างเชี่ยว มีสะพานไม้ให้ข้ามไปอีกฝั่งแต่บอกเลยสะพานไม่น่าไว้ใจ5555 คือมันเป็นไม้ท่อนเล็กๆอะและน้ำไหลแรงมากถึงมันไม่ลึกแต่ถ้าตกลงไปก็คงไหลยาว555 แต่มันสวยนะถ่ายรูปเพลินๆนำ้ๆเย็นๆ ไปๆมาๆถึงขั้นถอดรองเท้าลงไปเเช่น้ำเล่นเลย ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนค่อนข้างสงบถ้ามีโอกาสมาปิกนิกเล่นน้ำก็คงดี

หลังจากนี้ก็ขี่รถกลับยาวแล้วแวะเก๊าไม้รีสอร์ทซึ่งตอนเเรกจะไม่แวะเเล้วเพราะว่าแวะตรงลำธารนานไปหน่อย คือตัองทำเวลากลับไปให้ถึงกาดฝรั่งก่อน 5 โมงเย็นซึ่งออกจากธารน้ำ้ก็บ่าย3แล้ว แต่ตอนขี่กลับรู้สึกว่าทำเวลาได้ดีเราเลยแวะที่รีสอร์ทเพราะนานๆทีจะได้ออกมานอกเมืองก็เลยอยากแวะ เห็นคนมาถ่ายรูปที่นั่นเยอะแยะ ตรงทางเข้ารีสอร์ทจะมีป้อมยามเขาจะให้บัตรมาให้เราเอาไปปั๊มที่ร้านกาแฟข้างใน(คือต้องซื้อ)แล้วเอามาให้ตอนออก เข้าไปเราก็ซื้อแตงโมปั่น1แก้วแล้วก็ถ่ายรูปแถวนั้นแต่ก็ไม่ได้ถ่ายมากถ่ายแต่น้ำ จริงๆในนั้นมีให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลย มีพื้นหลังสวยๆเยอะ เเล้วแถวนั้นจะมีเตาเผาใหญ่ๆที่เอาไว้ทำยาสูบซึ่งก่อด้วยอิฐแต่ตอนนี้ไม่ใช้แล้ว ถ่ายรูปก็สวยไปอีกแบบ