Knight of Clues คดีที่ 9 : ศพอันตรธาน [บทปัญหา]

สวัสดีครับทุกท่าน ถึงคราวของนักสืบในโลกกำลังภายในอย่างปิแอร์บ้างครับ เรามาดูกันว่าปิแอร์จะเจอคดีใหม่ในรูปแบบไหน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร

ตอนที่แล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คดีที่ 9 : ศพอันตรธาน

-1-

        บุรษชุดสีฟ้าหันรีหันขวา มองหาเส้นทางรอดของตัวเอง

    เขากำลังหนีคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังไล่ล่าตัวเองอยู่ หากแต่ว่ากลุ่มคนที่ไล่ล่าเขานั้นมิใช่ชาวบ้านปกติทั่วไป หากเป็นเจ้าหน้าที่มือปราบทางการแห่งนครลัวร์ 7 คน

    หากทหารอัศวินมีหน้าที่ปกป้องต่อสู้เพื่อบ้านเมือง เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้คือ ผู้คอยดูแลความสงบสุขของประชาชนในนครลัวร์ เอกลักษณ์สำคัญของเหล่ามือปราบคือ พวกเขาจะสวมใส่เครื่องแบบที่เป็นชุดสีน้ำตาล หมวกทรงสูงที่มีตรามังกรสามหัวแห่งนครลัวร์ พกพาดาบเล่มยาวประจำตัว

    บุรุษชุดฟ้าตัดสินใจวิ่งออกไปยังทางเส้นทางแห่งหนึ่ง ซึ่งเส้นทางนี้ผ่านร้านรวง และสถานประกอบการมากมาย มีผู้คนเดินไปมาอยู่พอสมควร ดูท่าเขาต้องการจะปะปนกับผู้คนเหล่านี้เพื่อหลบสายตาและหลีกหนีไป

    “จะหนีไปไหน ออกุส ยอมให้จับซะดี ๆ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่มือปราบตะโกนบอก  เขาคือ หลุยซ์ หัวหน้ามือปราบของหน่วยที่ไล่ตามมานี้

    โดยเจ้าหน้าที่ทั้งเจ็ดคนนี้ วิ่งไล่ตามออกุสมาหลายกิโลเมตรแล้ว แต่ก็ยังมิอาจจับเขาได้เสียที เพราะออกุสนั้นก็มิใช่ธรรมดา

    ออกุสคือ สุดยอดนักโจรกรรมที่ทางการต้องการตัวที่สุด

    ทางการได้ติดตามล่าตัวออกุสหลังจากที่เขาได้โจรกรรมทรัพย์สินมีค่าของทางการไปหลายชิ้น ด้วยการวางแผนอันเฉียบขาดของหัวหน้ามือปราบอันดับหนึ่งอย่าง หลุยซ์ ทำให้รู้ร่องรอยและติดตามตัวจนสามารถไล่ต้อนออกุสได้

    แต่ออกุสจะอย่างไรก็เป็นนักโจรกรรม แม้จะพลาดไหวตัวไม่ทันเสียท่าให้ทางการรู้ตัว แต่ระดับฝีมือเท้าของเขาแล้ว ก็ยังสามารถวิ่งหนีเหล่ามือปราบที่มีมากหลายสิบจนเหลือไล่ตามเขาเพียงเจ็ดคนได้

    เส้นทางการวิ่งหนีของออกุสทางหลุยซ์หัวหน้ามือปราบก็มิคาดคิด เพราะเส้นทางวกวน สับสนไปมา จนมิอาจวางกำลังไว้ล่วงหน้าได้ แต่ถึงเป็นเช่นนั้นเขาและอีกคนหกที่เหลือก็ถือว่าเป็นระดับสุดยอดมือปราบอยู่แล้ว จะอย่างไรก็ต้องตามจับให้ได้

    ออกุสมิได้หันไปมองพวกเขา ยังคงวิ่งไปเรื่อย ๆ สลับสับเปลี่ยน ใช้ผู้คนที่อยู่ในย่านนั้นเป็นเครื่องมือ

    ด้วยการที่ตัวเองเป็นนักโจรกรรม ก็มิได้มีวิชาต่อสู้ติดตัว การใช้ผู้คนเป็นเครื่องมือของออกุสก็คือการที่ใช้พวกเขาขวางทางมิให้เจ้าหน้าที่มือปราบไล่ตามได้โดยง่าย

    มือปราบทั้งเจ็ดเริ่มทำระยะห่างออกจากกัน บางคนก็วิ่งชนกับผู้คนที่ขวางหน้า บางคนก็พลาดชนกับข้าวของที่ออกุสเคลื่อนย้ายขวางทางไว้ สุดท้ายเหลือมือปราบเพียงแค่สามคนที่ยังตามติดออกุสได้ ซึ่งหลุยซ์หัวหน้ามือปราบก็ยังอยู่ในสามคนนี้

    นักโจรกรรมในชุดฟ้าเหลีอบตาไปดู  เขารับรู้ได้ว่าคงยากแล้วที่จะหนีสามคนที่ตามติดนี้พ้น เขาวิ่งไปได้อีกระยะหนึ่งค่อยชะลอความเร็ว แล้วหันหน้ากลับมา

    “พวกท่านจะจับข้าให้ได้ใช่ไหม” ออกุสกล่าวใส่ทั้งสามทันที

    มือปราบทั้งสามคนยังมิได้กล่าวอะไรทันที คนเราเมื่อวิ่งมาเหนื่อย ๆ อาการเหนื่อยหอบย่อมมี การกล่าววาจาทันที ย่อมมิใช่เรื่องกระทำได้โดยง่าย

    ยกเว้นแค่หลุยซ์ หัวหน้ามือปราบ พละกำลังเขาสูงล้ำกว่าคนอื่น อาการเหนื่อยล้าจึงเบากว่าอีกสองคน เขากล่าวตอบออกุสว่า

    “ออกุส! เจ้ายอมให้จับเสียที จะหนีไปถึงไหน”

    ออกุสมิตอบคำทันใด เขาคลี่ยิ้มบางในอารมณ์ที่ดูเหนือกว่า ค่อยตอบกลับว่า

    “หากข้ายอมให้พวกเจ้าจับ ข้าก็มิใช่ ออกุส ยอดนักโจรกรรมแล้ว ข้ารู้ว่าทางการตั้งค่าหัวข้าไว้ 4 แสนบาที พวกท่านแม้เป็นเจ้าหน้าที่ทางการ แต่หากจับกุมข้าได้ พวกเจ้าก็ได้เงินรางวัลนั้นได้เหมือนกัน”

    หลุยซ์ และมือปราบอีกสองคนก็นิ่ง มันก็เป็นจริงตามที่ออกุสกล่าว ที่พวกเขามุ่งมั่นจะจับออกุสก็เพราะเงินรางวัล 4 แสนบาทีนี้ด้วย

    “ก็รู้ดีนี่ งั้นพวกข้าขอจับกุมเจ้าเลยละกัน ออกุส!!”

    สิ้นคำทั้งสามมือปราบต่างพุ่งเข้าหาออกุส หมายมั่นจะจับกุมให้ได้ ซึ่งในมือของพวกเขาได้ชักดาบซึ่งเป็นอาวุธประจำตำแหน่งมือปราบออกมาด้วย

    แต่ว่าทั้งสามมิได้เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน มือปราบคนหนึ่งพุ่งไปด้านซ้ายของออกุส มือปราบอีกคนพุ่งไปด้านขวา ส่วนหัวหน้ามือปราบหลุยซ์ พุ่งเข้าด้านหน้า

    ทิศทางของออกุสตอนนี้เหลือเพียงด้านหลังตัวเองที่จะหลบหนีแล้ว

    แต่ว่าด้านหลังดันมีผู้คนในย่านนี้ขวางทางพอสมควร ทั้งยังมีรถม้าสองคันขวางทิศทางวิ่งไว้อีกด้วย

    ไวเท่าความคิด ทั้งสามพุ่งตัวเข้าหาอย่างเป็นลำดับราวกับซักซ้อมกันมาก่อน มือปราบด้านขวาพุ่งประชิดเป็นอันดับแรก มือปราบทางด้านซ้ายพุ่งประชิดเป็นอันดับสอง แล้วลำดับสุดท้ายเป็นหลุยซ์ที่พุ่งเติมเข้าไป

    ออกุสไม่ได้เคลื่อนไหวหลบหนีทั้งสามทันที ระยะห่างร่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

    ทว่าเมื่อมือปราบทางด้านขวาของตนเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก ออกุสก็เคลื่อนตัวโดยไม่ฝืนแรงใช้ร่างของเขาเป็นจุดหมุนพลิกตัวเคลื่อนที่เป็นวงกลมหลบหลีกดาบที่ทางนั้นฟันเข้าใส่ไปด้านขวา จังหวะต่อมาก็หมุนตัวอีกรอบ ดันร่างของมือปราบนี้ให้เคลื่อนที่ไปชนกับมือปราบทางด้านซ้ายที่กำลังพุ่งมา และสุดท้ายทั้งสองมือปราบนี้ก็กลายเป็นเครื่องกีดขวางมิให้หลุยซ์เข้ามาใกล้ตนเองได้

    นี่คือ สุดยอดการเคลื่อนไหวของออกุส แม้ว่าเขาจะมิได้มีวิชาต่อสู้อันใด แต่ระดับเขาที่เป็นยอดนักโจรกรรมแล้ว หากไม่มีวิชาต่อสู้ย่อมต้องมีวิชาอื่นติดตัว

    โดยวิธีการเคลื่อนไหวของออกุสมันเป็นสุดยอดวิชาการเคลื่อนตัวแห่งสำนักวิชาต่อสู้ลึกลับ ที่หายไปจากนครลัวร์เมื่อหลายสิบปีก่อน วิชานี้มีชื่อว่า เท้าท่องคลื่น

    เท้าท่องคลื่นถือเป็นวิชาการเคลื่อนที่ที่ร้ายกาจที่สุด ใช้การเคลื่อนไหวแบบวงกลม หมุนวนพลิกตัวแบบไม่ฝืนแรง ราวกับลื่นไหลไปในสายน้ำ

    ผู้สำเร็จวิชานี้ที่มีชื่อเมื่อกาลก่อนนั้นคือ ต้วนยี่ แต่ท่านได้หลีกตัวออกไปจากนครลัวร์พร้อมกับภรรยาของตัวเองเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มิน่ามีผู้อื่นใดที่สำเร็จวิชานี้เหลือแล้วในนครลัวร์

    แต่หารู้ไม่ว่าต้วนยี้ได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่ออกุสที่เขาได้พบเจอจากเหตุการณ์หนึ่ง เป็นเหตุให้ออกุสผู้มิมีความต่อสู้ กลับได้สุดยอดวิชาการเคลื่อนตัวที่ร้ายกาจนี้ติดตัวไว้

    และคงไม่ต้องบรรยายว่าเหตุการณ์ที่ต้วนยี่เจอกับออกุสนั้นเป็นอย่างไร เพราะมันไม่ได้จำเป็นอะไรกับเรื่องราวของออกุสในครั้งนี้เลย

    มือปราบทั้งสามได้แค่มองออกุสที่หลุดรอดการเข้าจับกุมของตน เพราะในตอนนี้ไม่มีโอกาสจะไล่ตามออกุสได้ทันแล้ว ยกเว้นจะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือ

    ซึ่งก็มีผู้อื่นมาช่วยเหลือจริง ๆ

    ออกุสที่กำลังจะเร่งฝีเท้าออกจากที่นี่ต้องหยุดลง เพราะตอนนี้ข้างหน้าเขามีบุรุษคนหนึ่งขวางไว้อยู่

    ชายผู้รัดผมเป็นหางม้า ยืนมองออกุสที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวเกรง เขาสวมใส่อาภรณ์สีเขียวอ่อนสลับกับสีเขียวเข้ม ข้างเอวสะพานด้วยซองหนังที่บรรจุอาวุธชนิดหนึ่งไว้อยู่

    ออกุสรับรู้การขวางหน้าของเขา แต่ระดับผู้มีวิชาเท้าท่องคลื่น ใครจะขวางหน้าก็ไม่สำคัญ การหลบผ่านคนที่ขวางหน้าเขานั้นง่ายยิ่งกว่าการตักอาหารกินเสียอีก

    ทว่า….

    ชายทรงผมหางม้าลดมือลงหยิบอาวุธที่ข้างเอวของตน เข็มยาวเจ็ดนิ้วถูกบรรจุอยู่ที่มือข้างขวาของเขา เพียงพริบตา ไวยิ่งกว่าแสงเข็มยาวเล่มนั้นได้ถูกซัดออกไปทันที

    เข็มบินซัดเข้าใส่ออกุสด้วยความเร็วสูงมากระดับที่ออกุสยังไม่แม้แต่ก้าวออกไปได้ เข็มยาวนี้พุ่งเข้าเสียบกลางตรงกลางหน้าผากเหนือคิ้วเล็กน้อยอย่างแม่นยำ เท่านั้นยังไม่พอ เข็มนี้ยังพุ่งทะลุศีรษะออกุสออกไปด้านหลังอีกด้วย

    เลือดพุ่งออกจากแผลที่หน้าผากไหลออกจากกระเด็นตกไปที่พื้น ร่างของออกุสเองก็ทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหล่ตกพื้นนี้เช่นกัน


(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่