เราต้องเน้นส่งผู้เล่นไป J-league ให้มากๆครับ แล้วฟุตบอลไทยจะพัฒนาขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ (และอย่ากลัวที่บอลเยาวชนเราจะแพ้)

จากจำนวน club licensing เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ทีมจากญี่ปุ่นได้ครบทุกทีม(ทั้งลีกหลัก ลีกรอง) มันแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่ทุกทีมของญี่ปุ่นพร้อมทั้งหมด รองลงมาคือเกาหลีและจีน ซึ่งก็ได้เป็นจำนวนเกือบหมดลีก แต่ถ้าเทียบกับฝั่งตะวันตก มีมที่ผ่าน club licens พอๆกับไทยลีกเลย แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานการจัดการลีกของฝั่งอาหรับจะพอๆกับไทย แต่ระดับผู้เล่นและลีกเขาสูงกว่าไทย อย่างไรก็ตามถือว่าไทยโชคดีที่อยู่ฝั่งตะวันออก มีลีกแบบเกาหลี ญี่ปุ่นและจีน ซึ่งมีการจัดการที่สุดยอด และด้วยการที่ไทยเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น โควตาไทยจึงเป็นโควตาท้องถิ่น ทุกสโมสรจึงควรส่งเสริมให้นักเตะไทยไปญี่ปุ่นให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และตัวนักเตะเองก็ต้องพัฒนาฝีเท้าเพื่อจะได้ไปเล่นญี่ปุ่นให้ได้  

สำหรับนักเตะเยาวชน อายุ18-21 ปี ถ้าเป็นไปได้แสดงศักยภาพออกมาให้มากที่สุด จนแมวมองทีมจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น J1 J2 หรือJ3 มาขอยืมตัว ให้ส่งเยาวชนเหล่านั้นไปทันที และไม่ต้องเรียกกลับมาในเกมส์กระชับมิตรหรือระดับอาเซียนอะไรทั้งนั้นครับ อย่ากลัวที่จะแพ้เพื่อนบ้านอาเซียน  ซึ่งกรณีบอลเยาวชนและชุดใหญ่จะเห็นชัดมากจากทีมชาติออสเตรเลีย บอลเยาวชน 16 19 21 ไทย เวียดนาม สามารถที่จะเอาชนะเด็กๆออสเตรเลียได้บ่อยครั้ง แต่สำหรับทีมชาติชุดใหญ่แล้ว (แทบจะ)ผูกปีแพ้เลย (แม้บางเกมส์จะสูสีก็ตาม) เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ นักเตะชุดใหญ่ของออส ไม่ได้เล่นในA-league ไงครับ เยาวชนคนไหนมีแวว ออสจะส่งไปเล่นต่างประเทศทั้งหมด เมื่อกลับมารวมตัวเป็นทีมชาติชุดใหญ่ จึงแข็งแกร่ง ผิดกับสโมสรใน A-league ที่นักเตะท้องถิ่นไม่แกร่งแบบเกาหลีหรือญี่ปุ่น (ใน ACL การเจอทีมจากออสเตรเลีย จึงเป็นงานง่ายที่สุดของสโมสรไทย) ดังนั้นแล้ว เรามีตัวอย่างจากชาติใหญ่ๆของเอเชียให้ศึกษา  นักเตะ  สโมสร แฟนบอล ควรร่วมด้วยช่วยกัน พัฒนาตัวเอง ผลักดัน ส่งเสริมและสนับสนุนสโมสรและนักเตะไทย ให้ไปค้าแข้งในญี่ปุ่นให้มากที่สุดครับ แล้วเราจะขึ้นไปในระดับเอเชียได้ไม่ยากครับ...