คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
" เหมือนทุกอย่างทำได้ตามเป้าหมาย แต่ทำไมความสุขในการดำเนินชีวิตมันหายไป
รู้สึกไร้จุดหมายในแต่ละวัน ทั้งที่เราก็ทำหน้าที่ในจุดที่คนดีๆเค้าทำกัน หรือจุดหมาย
ที่เราเคยฝันว่าจะไปให้ถึง ที่เคยตั้งเป้าไว้ มันมาถึงไวเกินไปในจุดที่หลายๆคนอยาก
มาถึง มันรู้สึกทุกอย่างที่มันผ่านมาในชีวิต มันได้ทำหมดแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว มันไม่รู้สึกดี
ไม่ตื่นเต้น เฉยๆ "
เอา ตรงนี้มา ยก พิจารณา เลยครับ
ในทางธรรม คำอารัมภบทข้างบนนั่น เราจะเรียกกันสั้นๆว่า " เกิดธรรมสังเวช "
นานๆ มันจะเกิดที ปัญญาธรรมนั้น นานๆ เกิดที ไม่ได้เกิด ทุกขณะจิต แม้นจะ
วิปัสสนาเก่งขนาดไหน ปัญญาธรรม นานๆ จะเกิด ทีนึง
คนที่ เข้าหาธรรมมาก่อนหน้า หรือ ชิงบวชไปก่อน เขาจะอาศัย ธรรมสังเวช นี้
เกิดขึ้นแบบไม่มีเจตนาจงใจตรึกให้เกิด แค่ 4 ครั้ง ก็ จบกิจในการทำสิกขาในพุทธศาสนา
ปุถุชนขาดการสดับ แต่ นานๆ ปรารภด้วยทำนอง " ในงานสันนิบาติ ทุกดวงใจว้าเหว่ "
หรือ ทุกกิจกรรมตั้งเป้าสุขทุกข์ลาภสรรเสริญยอพระลอ มันมีความพร่อง มีจำต้องเลิก
เห็นความผ่านพ้น แต่หาทาง กลับบ้านไม่เจอ เหมือนคนว้าเหว่ เหมือเด็กกำพร้า
ไม่เจอพ่อแม่
นะ
ไม่ต้อง คิดอะไรมาก
ทำการเห็น ธรรมสังเวช ปรากฏในจิต แล้ว ก็ หายไปจากจิต นี่แหละ
ปรากฏยังไง คุณ ก็ทราบ เวลามันถึง จุด มันจะ แหวกออกมา เหลียวหลังแลโลก
หายไปยังไง คุณ ก็ทราบ ยิ่งไปเข้า คอส ก็ โอยยยยยยยยยย นะ อย่าให้พูดเลย
เดี๋ยวจะเข้าใจผิด หาว่า ธรรม ไปขวาง จริงๆ ไม่ได้ขวาง เราแค่ แนะ ดูสิ ดูสิ
พิจารณาไปด้วย ขณะที่ ใช้ชีวิตตา ไออุ่น ยังปรากฏ
รู้สึกไร้จุดหมายในแต่ละวัน ทั้งที่เราก็ทำหน้าที่ในจุดที่คนดีๆเค้าทำกัน หรือจุดหมาย
ที่เราเคยฝันว่าจะไปให้ถึง ที่เคยตั้งเป้าไว้ มันมาถึงไวเกินไปในจุดที่หลายๆคนอยาก
มาถึง มันรู้สึกทุกอย่างที่มันผ่านมาในชีวิต มันได้ทำหมดแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว มันไม่รู้สึกดี
ไม่ตื่นเต้น เฉยๆ "
เอา ตรงนี้มา ยก พิจารณา เลยครับ
ในทางธรรม คำอารัมภบทข้างบนนั่น เราจะเรียกกันสั้นๆว่า " เกิดธรรมสังเวช "
นานๆ มันจะเกิดที ปัญญาธรรมนั้น นานๆ เกิดที ไม่ได้เกิด ทุกขณะจิต แม้นจะ
วิปัสสนาเก่งขนาดไหน ปัญญาธรรม นานๆ จะเกิด ทีนึง
คนที่ เข้าหาธรรมมาก่อนหน้า หรือ ชิงบวชไปก่อน เขาจะอาศัย ธรรมสังเวช นี้
เกิดขึ้นแบบไม่มีเจตนาจงใจตรึกให้เกิด แค่ 4 ครั้ง ก็ จบกิจในการทำสิกขาในพุทธศาสนา
ปุถุชนขาดการสดับ แต่ นานๆ ปรารภด้วยทำนอง " ในงานสันนิบาติ ทุกดวงใจว้าเหว่ "
หรือ ทุกกิจกรรมตั้งเป้าสุขทุกข์ลาภสรรเสริญยอพระลอ มันมีความพร่อง มีจำต้องเลิก
เห็นความผ่านพ้น แต่หาทาง กลับบ้านไม่เจอ เหมือนคนว้าเหว่ เหมือเด็กกำพร้า
ไม่เจอพ่อแม่
นะ
ไม่ต้อง คิดอะไรมาก
ทำการเห็น ธรรมสังเวช ปรากฏในจิต แล้ว ก็ หายไปจากจิต นี่แหละ
ปรากฏยังไง คุณ ก็ทราบ เวลามันถึง จุด มันจะ แหวกออกมา เหลียวหลังแลโลก
หายไปยังไง คุณ ก็ทราบ ยิ่งไปเข้า คอส ก็ โอยยยยยยยยยย นะ อย่าให้พูดเลย
เดี๋ยวจะเข้าใจผิด หาว่า ธรรม ไปขวาง จริงๆ ไม่ได้ขวาง เราแค่ แนะ ดูสิ ดูสิ
พิจารณาไปด้วย ขณะที่ ใช้ชีวิตตา ไออุ่น ยังปรากฏ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไหนๆคุณก็แทกห้องศาสนา...
ลองมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไหมคะ
เราเองก็อายุสามสิบกว่าๆ ชีวิตมีพร้อมยิ่งกว่าพร้อม ไม่มีอะไรขาดเลย หน้าตาดี เพื่อนยังสงสัยว่าทำไมไม่อยากมีคู่ ฐานะทางบ้านดี ไปเที่ยวต่างประเทศประจำปีละ 2 ครั้ง
ปกติเราจะไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดเป็นประจำทุกเดือน ครั้งล่าสุดเราเข้าปฏิบัติกรรมฐานนาน 11 วัน ได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงที่มนุษย์คนนึงพึงจะมีได้ สุดท้ายการที่เรามีอิสระ มีชีวิตเรียบง่าย ปิดมือถือ ครองศีล 8 เพื่อการปฏิบัติธรรม เรามีความสุขมาก ปกติถ้านอนน้อยจะปวดไมเกรน แต่ช่วงเวลาที่ปฏิบัติธรรม มีความสุขมาก ทุกคืนนอนแค่ 2-3 ชม แต่ไม่มีไมเกรนเลยค่ะ เตรียมยาไป ไม่ได้กินเลย
คนเราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ ชีวิตที่เรียบง่ายและสงบปราศจากความวุ่นวาย ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอน เป็นความสุขอันสุดยอด เราทำกรรมฐานอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ขอบคุณแม่พ่อที่ให้ชีวิต ครูอุปัชฌาอาจารย์ที่ให้กรรมฐานแก่เรา สิ่งนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเราแล้ว ไม่มีอะไรจะดีกว่าการได้เจริญกรรมฐานอีกแล้ว ที่ผ่านมาชีวิตเราไขว่คว้าหาอะไรก็ไม่รู้แล้วบอกว่า นั่นคือความสุข แต่จริงๆมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
นับเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมาก มากซะจนเราไม่อยากกลับมา กทม อีกแล้ว สุขนี้มากกว่าไปเที่ยวเมืองนอก มากกว่าได้กระเป๋าแอร์เมส มากกว่าทุกๆสิ่งที่เราเคยเรียกว่าความสุข เลยอยากมาแชร์ให้ฟัง ชีวิตที่ได้ปฏิบัติกรรมฐาน ได้อยู่ในศีล 8 และปราศจากกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ และความอยาก มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง สุดท้ายเราวางแผนชีวิตว่าคงจะทำงานอีกไม่เกิน 10 ปีหลังจากนั้นคงจะย้ายไปอยู่ ตจว เข้าปฏิบัติธรรมไปกว่าจนชีวิตจะสิ้นอายุขัย
ลองมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไหมคะ
เราเองก็อายุสามสิบกว่าๆ ชีวิตมีพร้อมยิ่งกว่าพร้อม ไม่มีอะไรขาดเลย หน้าตาดี เพื่อนยังสงสัยว่าทำไมไม่อยากมีคู่ ฐานะทางบ้านดี ไปเที่ยวต่างประเทศประจำปีละ 2 ครั้ง
ปกติเราจะไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดเป็นประจำทุกเดือน ครั้งล่าสุดเราเข้าปฏิบัติกรรมฐานนาน 11 วัน ได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงที่มนุษย์คนนึงพึงจะมีได้ สุดท้ายการที่เรามีอิสระ มีชีวิตเรียบง่าย ปิดมือถือ ครองศีล 8 เพื่อการปฏิบัติธรรม เรามีความสุขมาก ปกติถ้านอนน้อยจะปวดไมเกรน แต่ช่วงเวลาที่ปฏิบัติธรรม มีความสุขมาก ทุกคืนนอนแค่ 2-3 ชม แต่ไม่มีไมเกรนเลยค่ะ เตรียมยาไป ไม่ได้กินเลย
คนเราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ ชีวิตที่เรียบง่ายและสงบปราศจากความวุ่นวาย ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอน เป็นความสุขอันสุดยอด เราทำกรรมฐานอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ขอบคุณแม่พ่อที่ให้ชีวิต ครูอุปัชฌาอาจารย์ที่ให้กรรมฐานแก่เรา สิ่งนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเราแล้ว ไม่มีอะไรจะดีกว่าการได้เจริญกรรมฐานอีกแล้ว ที่ผ่านมาชีวิตเราไขว่คว้าหาอะไรก็ไม่รู้แล้วบอกว่า นั่นคือความสุข แต่จริงๆมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
นับเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมาก มากซะจนเราไม่อยากกลับมา กทม อีกแล้ว สุขนี้มากกว่าไปเที่ยวเมืองนอก มากกว่าได้กระเป๋าแอร์เมส มากกว่าทุกๆสิ่งที่เราเคยเรียกว่าความสุข เลยอยากมาแชร์ให้ฟัง ชีวิตที่ได้ปฏิบัติกรรมฐาน ได้อยู่ในศีล 8 และปราศจากกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ และความอยาก มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง สุดท้ายเราวางแผนชีวิตว่าคงจะทำงานอีกไม่เกิน 10 ปีหลังจากนั้นคงจะย้ายไปอยู่ ตจว เข้าปฏิบัติธรรมไปกว่าจนชีวิตจะสิ้นอายุขัย
ความคิดเห็นที่ 5
เจ้าชายสิทธัตถะมีราชสมบัติ มีปราสาท 3 ฤดู มีนางสนมนับพัน มีพระมเหสีที่เพียบพร้อม มีพระราชกุมารที่เพิ่งประสูติ มียศอันสูงสุด มีทุกสิ่งที่หลายคนปรารถนาในจุดที่สูงสุด แต่ก็เห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนของว่างเปล่า แล้วเสด็จออกบวช เพื่อแสวงหาความสุขที่แท้จริง
สมัยนี้ ในต่างประเทศมีลูกมหาเศรษฐีที่รวยเป็นพันเป็นหมื่นล้านก็ออกบวช มีเจ้าของธุรกิจหมื่นล้านที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขก็มาค้นพบความสุขตอนฝึกสมาธิ มีลูกมหาเศรษฐีในไทยที่มีชื่อเสียงมีแฟนเป็นดาราก็ออกบวชจนเป็นพระเถระ ทุกวันนี้หน้าตายิ้มแย้มเบิกบานไม่มีแววแห่งความทุกข์
สุขมันเกิดที่ใจ ถ้ารู้วิธีสร้างความสุขด้วยใจได้ จะไม่แสวงหาสุขภายนอกอีกเลย เพราะสุขจากสิ่งภายนอกมันปนมากับทุกข์เสมอ และถ้าเป็นของซ้ำ ๆ กันมันก็น่าเบื่อ แต่สุขภายในนั้นตรงข้ามกัน คือ ยิ่งซ้ำยิ่งสุข
เหมือนที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ในบรรดาผู้ที่นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นสุข พระองค์เป็นหนึ่งในนั้น นี่ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบ แต่สุขจริงจัง ถึงขนาดที่พระอรหันต์บางรูปนั่งอยู่เฉย ๆ ยังอุทานออกมาว่าสุขจริงหนอ ๆ เพราะสุขภายในนั้นไม่มีอะไรย่ำยีได้ เป็นสุขนิรันดร์ เป็นสุขแท้จริง
สมัยนี้ ในต่างประเทศมีลูกมหาเศรษฐีที่รวยเป็นพันเป็นหมื่นล้านก็ออกบวช มีเจ้าของธุรกิจหมื่นล้านที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขก็มาค้นพบความสุขตอนฝึกสมาธิ มีลูกมหาเศรษฐีในไทยที่มีชื่อเสียงมีแฟนเป็นดาราก็ออกบวชจนเป็นพระเถระ ทุกวันนี้หน้าตายิ้มแย้มเบิกบานไม่มีแววแห่งความทุกข์
สุขมันเกิดที่ใจ ถ้ารู้วิธีสร้างความสุขด้วยใจได้ จะไม่แสวงหาสุขภายนอกอีกเลย เพราะสุขจากสิ่งภายนอกมันปนมากับทุกข์เสมอ และถ้าเป็นของซ้ำ ๆ กันมันก็น่าเบื่อ แต่สุขภายในนั้นตรงข้ามกัน คือ ยิ่งซ้ำยิ่งสุข
เหมือนที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ในบรรดาผู้ที่นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นสุข พระองค์เป็นหนึ่งในนั้น นี่ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบ แต่สุขจริงจัง ถึงขนาดที่พระอรหันต์บางรูปนั่งอยู่เฉย ๆ ยังอุทานออกมาว่าสุขจริงหนอ ๆ เพราะสุขภายในนั้นไม่มีอะไรย่ำยีได้ เป็นสุขนิรันดร์ เป็นสุขแท้จริง
แสดงความคิดเห็น
เมื่อผ่านการเดินทางมาสามสิบกว่าๆ มีครบทุกอย่างยกเว้นความสุขมันหายไป
-สุขภาพดี ฟิตเนสจนน้ำหนักลด ยกเวททุกวัน แต่ยังมีพุงเล็กๆอยู่บ้าง55 ไม่ชอบเป็นก้ามปู
-แฟน ไม่มี ครองสถานะโสด มีผู้หญิงเข้ามาคุยเรื่อยๆ แต่ยังไม่พร้อมมีใคร
-ครอบครัว หมายถึงพ่อแม่ มีฐานะปานกลาง มีความสุข มีรายได้จากค่าเช่า มีที่ดินทรัพย์สินที่อยู่ได้สบายยามแก่เฒ่า
-การเงิน มีบ้าน2หลัง ไม่มีหนี้ มีรถขับ ซื้อสด ไม่มีหนี้ มีเงินเก็บหลักล้าน
-การงาน มีงานทำที่มั่นคง งานไม่เครียดมากแต่รับผิดชอบสูง (ขอลบเงินเดือนครับ จะได้ไม่เป็นประเด็น)
-พัฒนาตัวเองทั้งกายและใจ อ่านหนังสือ หากิจกรรมใหม่ๆเรียนรู้ สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันอาทิตย์
-ช่วยเหลือสังคม ใครลำบากมีทุกข์แต่จริงใจพร้อมช่วยเหลืออยู่เสมอ
เหมือนทุกอย่างทำได้ตามเป้าหมาย แต่ทำไมความสุขในการดำเนินชีวิตมันหายไป รู้สึกไร้จุดหมายในแต่ละวัน ทั้งที่เราก็ทำหน้าที่ในจุดที่คนดีๆเค้าทำกัน หรือจุดหมายที่เราเคยฝันว่าจะไปให้ถึง ที่เคยตั้งเป้าไว้ มันมาถึงไวเกินไปในจุดที่หลายๆคนอยากมาถึง มันรู้สึกทุกอย่างที่มันผ่านมาในชีวิต มันได้ทำหมดแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว มันไม่รู้สึกดี ไม่ตื่นเต้น เฉยๆ เช่น
ความอยากท่องเที่ยวไปมาสิบกว่าประเทศจนไม่รู้ว่าจะไปไหน บางทีแค่จิบกาแฟมองผู้คน มองธรรมชาติแค่นั้น บางทีสัมผัสอากาศเย็น เจอหมอกกลับรู้สึกเหงา ,ความรู้สึกอยากทานอาหารอร่อย มันก็แค่นั้น กินเยอะก็อ้วน แค่งานเลี้ยงลูกค้าแต่ล่ะวีคยังแทบไม่อยากไป อยากกินแค่ผัก คงเพราะพอเวทแล้วทำให้ไม่อยากทานเยอะ ,การดูแลครอบครัว สิ่งที่ทำทุกวันนี้ก็ดูแลพ่อแม่ โอนเงินให้ท่านทุกเดือน ดูแลญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงก็มีมากมาย แต่ส่วนนึงก็แต่งงานมีลูกแล้ว แต่ถ้าใครลำบากมาขอก็ช่วยเหลือ ,ความรัก เรื่องนี้คงต้องตั้งอีกกระทู้ คือพูดอย่างไรดี เมื่อเราพร้อม เราก็มีทางเลือกเยอะ ทั้งสุขภาพดีและการเงิน เลือกที่จะคุยกับใครก้อไม่ยากแต่บางทีแค่ไม่อยากสานต่อ อยู่คนเดียวก็ดี สงบดีแต่เหงา มีแฟนก้อสุขอีกแบบแต่ก็จะทุกข์อีกแบบ เรื่องความรักเอาไว้ก่อนเดี๋ยวหัวข้อกระทู้จะผิดวัตถุประสงค์ไป ,ความร่ำรวยมั่งคั่ง เราเป็นคนเรียบง่าย เพราะชีวิตผ่านอะไรมามาก เห็นอะไรมาเยอะจากคนรอบข้าง ทั้งเพื่อนที่ร่ำรวย รายรับหลายแสนต่อเดือน บางคนเคยรวยมาก บางคนรวยแล้วกลับมาลำบาก จนปลง ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ติดหรูแบรนด์เนม แต่ถ้าสวยก็ซื้อบ้าง บางอย่างใช้ของตามตลาดนัด บางอย่างมีแบรนด์ แต่ก็เท่านั้นแหละ ตอนนี้รู้สึกเราก็เก็บออมมาพอสมควร ไม่ต้องการมีร้อยล้านพันล้าน มีเยอะไปก็ทุกข์ มีประมาณนี้ เก็บประมาณนึง ตัวคนเดียวเก็บออมแบบนี้เรื่อยๆ ใช้บ้าง กินบ้าง เลี้ยงเพื่อนบ้าง
ที่อยากต้องการความเห็นเพื่อนๆพี่ๆ ทำไมความสุขในสิ่งที่เรียบง่ายเราหายไป ทำอย่างไรให้กลับคืนมา มันอยู่ที่ใจทั้งนั้นเรารู้ ทั้งที่เมื่อก่อนมันก้อมามีความสุขกับสิ่งที่ง่ายๆ แต่พอมันซ้ำ ซ้ำไปซ้ำมา กลับมีความเหงาเข้ามาแทรก หรือเราต้องหาเป้าหมายในชีวิตที่ใหญ่ที่ใหญ่กว่านี้ ตั้งเป้าหมายอย่างไรดี ช่วยแนะนำหน่อย หรือเพราะเราไม่มีลูก ต้องตั้งใจมีแฟน หาแฟนดีๆ หรือเราพลาดเป้าหมายที่ควรทำอย่างหนึ่งอย่างใดไป หรือยึดหลักการใช้ชีวิตที่ขาดบางสิ่งบางอย่างไป หรือเราจะปล่อยวางได้แล้ว เพื่อนบางคนก็บอกอีกหน่อยเราไปทางธรรมแน่ๆหนีไปบวชแน่ๆ