สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยนะ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การไปแบ็คแพ็คในอินเดียของเราในปีที่ผ่านมาดู เป็นฉบับลุย ๆ จน ๆ ทั้งการเดินทางคนเดียวและกับเพื่อน หลัก ๆ คือแชร์ความโง่ของตัวเอง กลโกงต่าง ๆ ที่เราเจอ และความเจ็บแสบที่อินเดียทำกับเราไว้พร้อมทริคดี ๆ ที่จะทำให้เราอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ยังไงก็ดี ขอออกตัวไว้ก่อนว่าถึงแม้อินเดียจะทำกับเราไว้เจ็บแสบหลายครั้ง แต่มันก็มีด้านสวยงามเยอะแยะถึงทำให้เรากลับไปหลายครั้ง และก็ยังคิดจะอยากกลับไปอยู่ดี และบางครั้งเรื่องพวกนี้แหละก็ทำให้การเดินทางสนุกและมีอะไรให้จดจำ
โดยจะขอเล่าตามลำดับการเดินทางของเรา ตามนี้จ้า
ทริปแรก: 12 - 26 มีนาคม 2560 [15 วัน]
Delhi - Jaipur - Jaisalmer- Jodhpur - Agra - Ajmer - Pushkar - Ajmer - Lucknow - Varanasi - Kolkata
เดลี - ชัยปุระ - จัยซาลแมร์ - โยธาปุระ - อัครา - อัจแมร์ - พุชการ์ - อัจแมร์ - ลัคนาว- พาราณสี - กัลกัตตา

ทริปที่สอง: 26 สิงหาคม - 2 กันยายน 2560 [8 วัน]
Udaipur - Mumbai - Goa
อุทัยปุระ - มุมไบ - กัว

ทริปสาม: 27 ตุลาคม - 23 พฤศจิกายน 2560 [28 วัน]
Jaipur - Pushkar - Ajmer - Jaipur - Mumbai - Amritsar - Manali - Haridwar - Rishikesh - Delhi
ทริปแรก - ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอในอินเดีย
[เดินทางผญ 2 คน] ไม่มีอินเทอร์เนตใช้งานระหว่างเดินทาง , 1 รูปีประมาณ 0.52 บาทไทย คิดง่าย ๆ คือหารสอง
(1) จอง airport transfer ไว้แต่ไม่ได้ขึ้น
เราเดินทางจากกรุงเทพไปถึงเดลีด้วยสายการบิน Spice jet ซึ่งเป็นสายการบินโลวคอสของอินเดีย ด้วยความที่เป็นโลวคอสจึงมีการเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งที่ Kolkata ทำให้เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรกที่นั่น และเปลี่ยนเครื่องมาลงเดลี และสิ่งนี้นี่เองทำให้เราคลาดกับรถที่นัดไว้ เพราะเกทที่เราไปถึงคือ Domestic Terminal ไม่ใช่ International แม้จะแจ้งเที่ยวบินให้ทราบแล้วแต่ก็มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน อีกทั้งสนามบิน Indira Gandhi นั้นมีความยิ่งใหญ่มากและแยกโซนสองส่วนแยกกันอย่างชัดเจนจนไม่สามารถเดินไปได้ ตอนนั้นเราไม่ได้เปิดโรมมิ่งไปจึงใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะแต่ด้วยสำเนียงและภาษา จึงไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง หลังจากคุยกันสามครั้งและรอนานกว่าสองชั่วโมง เราจึงเรียกแท็กซี่ไปราคา 700 รูปี แพงกว่าที่จองไว้แค่ 100 รูปี
คำแนะนำ : ถ้าจะใช้บริการ airport transfer ให้นัดแนะให้ดี และเช็คเที่ยวบินว่าถ้ามีการเปลี่ยนเครื่องอาจจะลงคนละเทอร์มินอลกัน (แต่ไม่เสมอไปทีเดียว เพราะบางสายการบินใหญ่ ๆ อย่าง Air India จะลงที่ international เสมอเพราะเป็นสายการบินที่มีการเปลี่ยนเครื่องออกนอกประเทศ) อีกทั้งขอเบอร์คนขับรถ เพราะเบอร์ที่เราได้มาคือเบอร์ของโรงแรมทำให้สื่อสารผ่านคนที่สามจึงมีความเข้าใจที่สับสน
ปล.สำหรับเที่ยวบินของ Spice Jet ที่ต้องเปลี่ยนเครื่อง เราต้องเช็คอินแล้วโหลดกระเป่าใหม่ ซึ่งเวลาระหว่างสองไฟท์มีเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แอบเสียวเหมือนกัน ฝรั่งที่นั่งไฟล์ทเดียวกันกันมาก็วิ่งวุ่น เพราะแถววีซ่าออนไลน์ค่อนข้างใช้เวลา เราโชคดีหน่อยขอวีซ่าแบบเล่มมาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ลุ้นกันพอสมควร
(2) โดนหลอกพาไปเอเจนซี่ทัวร์

เราไม่ได้มีแผนการเดินทางที่แน่นอนและไม่ได้จองตั๋วอะไรมาก่อน จึงพยายามเดินจากโรงแรมไปจองตั๋วที่สถานีรถไฟซึ่งอยู่ไม่ไกล ระหว่างนั้นมีริคชอว์ (คล้ายกับรถตุ๊ก ๆ บ้านเรา) พยายามถามและเรียกให้เราขึ้นรถ ซึ่งปกติเราก็ปฏิเสธตลอด จนมีคันหนึ่งมาทักเราบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมที่เราพัก เห็นเราอยู่ที่ล็อบบี้ จำไม่ได้หรอ คือ คนอินเดียก็หน้าเหมือน ๆ กันหมด เราจำไม่ได้จริง ๆ นางถามเราว่าจะไปไหน นางเลิกงานจะกลับบ้านพอดี จะพาไปให้ฟรีทางเดียวกัน และเราก็พลาดโดนนางพาไปเอเจนซี่จนได้ และพวกเอเจนซี่พวกนี้จะชอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาลเสมอ สังเกตได้จะติดป้าย Gov. Tourist Agency อันนี้ไม่จริงเด้อ
(3) โดนโก่งราคาค่าซิมการ์ด ใช้การไม่ได้
หลังถูกพาไปเอเจนซี่ก็จำใจเข้าไปเพราะนางกดดัน ก็ฟังขายทัวร์ไป เขาเขียนแผนให้หมดเลยว่าไปไหนวันไหนดี และจะจองรถให้หมด ซึ่งเราไม่ต้องการ จึงหาทางเลี่ยงออกมาโดยละม่อม บอกต้องการซื้อซิมการ์ดพอเพื่อจะได้หาข้อมูลเองได้ นางไปเรียกเพื่อนที่ขายร้านข้าง ๆ มา โดยปกติซิมการ์ดที่นี่ต้องลงทะเบียนก่อน และต้องกรอกเอกสารซึ่งต้องใช้รูปถ่าย 2x2 นิ้วเท่าวีซ่า เราก็ทำทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นแล้วจะใช้เวลา 24-48 ชั่วโมงในการรอการลงทะเบียนและตรวจสอบเสร็จสิ้น เราก็จ่ายเงินซึ่งตอนจ่ายคนที่เอาซิมมาให้บอกราคาหนึ่ง ขณะที่เอเจนซี่หันบอกเราอีกราคาหนึ่ง แต่เราทำไรไม่ได้และต้องการจ่ายเพื่อออกไปจากที่นั่นเร็วที่สุด สุดท้ายเสียเงิน และเราก็ย้ายเมืองในวันถัดมา ผ่านไปเกิน 48 ชม. ซิมการ์ดยังใช้การไม่ได้ โทรไปศูนย์ก็ไม่ได้ผล และเราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลับไปตามก็ไม่ได้แล้ว
คำแนะนำ: ถ้าใครจะไประยะสั้นให้เปิดโรมมิ่งไปหรือซื้อซิมสำหรับไปต่างประเทศอย่าง จะสะดวกกว่า แต่ถ้าไปนานแล้วจะซื้อซิมให้ซื้อในช็อปของค่ายนั้น ๆ อย่างเราการเดินทางครั้งถัดไปเคยใช้ Sim2Fly ของ AIS ซึ่งใช้สัญญาของ Airtel 399 บาท เน็ต 4 GB ได้นาน 8 วัน
กับอีกครั้งซื้อซิมของ Vodafon 359 รูปี ได้เน็ตวันละ 1 GB ใช้งานได้ 28 วัน คุ้มมาก สัญญาต่างกันบ้างแล้วแต่พื้นที่บางครั้งอีกเจ้าหนึ่งก็ดีกว่า สลับกันไป
(4) โดนหลอกไปเอเจนซี่อีกครั้ง และเสียตังค์ซื้อตั๋วจนได้
งงมั้ย ทำไมถึงโดนได้หลายครั้งแบบนี้
หลังจากกลับมาได้แล้วเราก็เดินกลับไปสถานีรถไฟอีกครั้ง แต่คนที่นี่ทำงานเป็นขบวนการ ที่หน้าสถานีจะมีคนรอคุณเต็มไปหมดและขัดขวางไม่ให้คุณเข้าไปข้างในได้ โดยตอนนั้นหกโมงเย็นแล้วทุกคนจะบอกคุณว่าเค้าเตอร์ขายตั๋วปิดแล้ว และพรุ่งนี้ 13 มีนา เป็นเทศกาล Holy ซึ่งทุกอย่างจะปิดหมด ถ้าคุณไม่อยากติดอยู่ที่นี่ต้องไปซื้อตั๋วข้างนอก เราก็ไม่อยากจะเชื่อและพยายามเดินหนี แต่จะมีคนของขบวนการนี้เต็มไปหมด ไม่ว่าคุณเดินไปไหนในสถานี ทุกคนจะพูดเหมือนกันแบบนี้และทำหน้าเสียใจกับเรา จนเราเริ่มสับสนและเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งหลายคนก็เริ่มคล้อยตามและเดินออกจากสถานีตามคนพวกนี้ไปอยู่หลายกลุ่ม และไปจบลงที่เดียวกัน
เราจะขออธิบายความยุ่งยากของการจองตั๋วรถไฟอินเดียออนไลน์ให้ฟังคร่าว ๆ ซึ่งสร้างความยากลำบากในการเข้าถึงโดยนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
1. การจะจองตั๋วได้นั้นคุณต้องมี account ของ IRCTC เว็บทางการของการรถไฟ
https://www.irctc.co.in/
ซึ่งการจะได้ account ที่ สามารถใช้การได้นั้นต้องมีเบอร์โทรศัพท์อินเดีย หรือไม่ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมถ้าเป็น tourist ประมาณหนึ่งร้อยบาทซึ่งเราพยายามอยู่หลายครั้งแต่ระบบเหมือนจะยังไม่เสถียรและไม่รองรับบัตร international ทำให้ไม่สามารถมีแอคเค้าที่สมบูรณ์ได้ แม้จะกดจองจากเว็บ agency อื่น ๆ เช่น cleartrip สุดท้ายก็จะไม่ได้รับการยืนยันอยู่ดี เว็บเหล่านี้จึงมีเพียงเพื่อการเช็ครอบรถไฟ ซึ่งหน้าตา front end ดูง่ายกว่าเว็บทางการมาก

2. ที่นั่งรถไฟจะมีหลายคลาสตั้งแต่รถนั่งไม่มีแอร์ชั้น 3, 2, sleepers, รถแอร์ AC chair car, AC tier 3, AC tier และ First class และจะมีหลาย quota
- General quota แทบจะเต็มอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่จองก่อนล่วงหน้านาน ๆ
- Tourist quota จะจองได้แค่ AC tier 2 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งราคาสูงอยู่แล้วและจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมทำให้แพงกว่าจองแบบปกติ
- Agency quota แม้การจองแบบธรรมดาจะเต็ม แต่เอเจนซี่มักจะหาที่ให้คุณได้เสมอเพราะมีโควตาในส่วนของเขา และยังมีการจองตั๋วแบบเหมาหลายเส้นทาง อันนี้เอเจนซี่เปิดเว็บให้เราดูเลย ว่านางกดได้ ขณะที่เราเช็คเองเต็มแล้ว จริงเท็จประการใดไม่ทราบแน่
3. เมื่อตั๋วเต็มแล้ว บางครั้งจะสามารถจองได้อยู่โดยหน้าเว็บจะขึ้น waiting list ไว้ และจะขึ้นว่ามีคนเราอยู่แล้วอีกกี่คน แต่ถ้าอยากเพิ่มโอกาสการได้ตั๋ว คุณสามารถเลือก Tatkal ได้ นี่คือระบบที่จะให้คุณจ่ายเงินเพิ่มขึ้น แต่จะให้โอกาสเพิ่มขึ้นโดยการแยกออกจาก waiting list ปกติ
หลังจากที่ได้เห็นความยุ่งยากและซับซ้อนของระบบรถไฟอินเดียและ บวกกับการพูดจาหว่านล้อมโดยเอเจนซี่แล้ว คุณอาจพอเข้าใจทำไมเราถึงเสียเงินให้กับพวกเขา ซึ่งจริง ๆ เขาจะจองตั๋วให้เราทั้งทริปแล้ว แต่ตอนนั้นพอเรียกสติกลับมาได้ เลยเสียไปครึ่งเดียว สติค่ะสติๆ
คำแนะนำ: ถ้าสามารถผ่าน account ของ IRCTC ได้สำเร็จ ให้จองออนไลน์ผ่านเว็บโดยตรงหรือ Cleartrip จะสะดวกมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็อาจจะซื้อตั๋วก่อนผ่านเอเจนซี่ไทย หรือขอคำแนะนำผ่านโรงแรม บางแห่งอาจมีบริการจองให้ได้ แต่ทั้งสองแบบล้วนมีค่าธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ
หรือวิธีที่คลาสสิกที่สุดคือ ซื้อที่เค้าเตอร์ในสถานี โดยเวลาเปิดทำการวันธรรมดาคือ 8:00 - 20:00 จะมีพักบ้างเป็นบางช่วง และ 9:00 - 14:00 วันเสาร์อาทิตย์ อาจต้องเผื่อเวลาหน่อย และจองล่วงหน้าก่อนยิ่งดี เพราะคนค่อนข้างเยอะตลอดเวลา เค้าเตอร์ค่อนข้างเยอะและสับสน บางเค้าเตอร์จองไม่ได้ ขายแต่ตั๋วทั่วไปไม่มีที่นั่งก็มี และแต่ละสถานีก็ต่างกันไป และเจ้าหน้าที่ทำงานช้ามาก เตรียมพาสปอร์ตไปด้วยให้พร้อม หาทางเข้าสถานีให้ได้ อย่าสนทนากับใครก็ตามที่เดินมาถาม สามารถเช็ครอบรถได้ก่อนในเว็บไซต์ และแอพพลิเคชัน Cleartrip, makemytrip, ixigo อันหลังนี้สามารถเช็ค live status หรือสถานะการเดินรถได้ด้วย ว่ารถไฟที่เราจะนั่งนั่นมาถึงสถานีรึยังและออกตรงตามกำหนดรึเปล่า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 ปี กับอินเดีย 3 ครั้ง รวมทริคการเดินทางและสิ่งที่ควรระวัง Ep.2
https://pantip.com/topic/37214388
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความนี้คัดแต่เนื้อ ๆ เน้น ๆ มา อาจไม่ได้ลงรายละเอียดแต่ละสถานที่มากเท่าไหร่ ถ้ามีข้อสงสัยสอบถามได้ค่า
หรือสนใจอ่านบันทึกแบบเต็ม ๆ ยาว ๆ ได้ใน Storylog
https://storylog.co/Mamong/book/592990502e656380345f1bf9
หรือในเพจ จะมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องเล่าความน่ารักระหว่างทางที่เจอได้
www.facebook.com/mameowmon ฝากด้วยค่าาาา
[CR] 1 ปี กับอินเดีย 3 ครั้ง รวมทริคการเดินทางและสิ่งที่ควรระวัง
โดยจะขอเล่าตามลำดับการเดินทางของเรา ตามนี้จ้า
ทริปแรก: 12 - 26 มีนาคม 2560 [15 วัน]
Delhi - Jaipur - Jaisalmer- Jodhpur - Agra - Ajmer - Pushkar - Ajmer - Lucknow - Varanasi - Kolkata
เดลี - ชัยปุระ - จัยซาลแมร์ - โยธาปุระ - อัครา - อัจแมร์ - พุชการ์ - อัจแมร์ - ลัคนาว- พาราณสี - กัลกัตตา
ทริปที่สอง: 26 สิงหาคม - 2 กันยายน 2560 [8 วัน]
Udaipur - Mumbai - Goa
อุทัยปุระ - มุมไบ - กัว
ทริปสาม: 27 ตุลาคม - 23 พฤศจิกายน 2560 [28 วัน]
Jaipur - Pushkar - Ajmer - Jaipur - Mumbai - Amritsar - Manali - Haridwar - Rishikesh - Delhi
ทริปแรก - ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอในอินเดีย
[เดินทางผญ 2 คน] ไม่มีอินเทอร์เนตใช้งานระหว่างเดินทาง , 1 รูปีประมาณ 0.52 บาทไทย คิดง่าย ๆ คือหารสอง
(1) จอง airport transfer ไว้แต่ไม่ได้ขึ้น
เราเดินทางจากกรุงเทพไปถึงเดลีด้วยสายการบิน Spice jet ซึ่งเป็นสายการบินโลวคอสของอินเดีย ด้วยความที่เป็นโลวคอสจึงมีการเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งที่ Kolkata ทำให้เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรกที่นั่น และเปลี่ยนเครื่องมาลงเดลี และสิ่งนี้นี่เองทำให้เราคลาดกับรถที่นัดไว้ เพราะเกทที่เราไปถึงคือ Domestic Terminal ไม่ใช่ International แม้จะแจ้งเที่ยวบินให้ทราบแล้วแต่ก็มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน อีกทั้งสนามบิน Indira Gandhi นั้นมีความยิ่งใหญ่มากและแยกโซนสองส่วนแยกกันอย่างชัดเจนจนไม่สามารถเดินไปได้ ตอนนั้นเราไม่ได้เปิดโรมมิ่งไปจึงใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะแต่ด้วยสำเนียงและภาษา จึงไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง หลังจากคุยกันสามครั้งและรอนานกว่าสองชั่วโมง เราจึงเรียกแท็กซี่ไปราคา 700 รูปี แพงกว่าที่จองไว้แค่ 100 รูปี
คำแนะนำ : ถ้าจะใช้บริการ airport transfer ให้นัดแนะให้ดี และเช็คเที่ยวบินว่าถ้ามีการเปลี่ยนเครื่องอาจจะลงคนละเทอร์มินอลกัน (แต่ไม่เสมอไปทีเดียว เพราะบางสายการบินใหญ่ ๆ อย่าง Air India จะลงที่ international เสมอเพราะเป็นสายการบินที่มีการเปลี่ยนเครื่องออกนอกประเทศ) อีกทั้งขอเบอร์คนขับรถ เพราะเบอร์ที่เราได้มาคือเบอร์ของโรงแรมทำให้สื่อสารผ่านคนที่สามจึงมีความเข้าใจที่สับสน
ปล.สำหรับเที่ยวบินของ Spice Jet ที่ต้องเปลี่ยนเครื่อง เราต้องเช็คอินแล้วโหลดกระเป่าใหม่ ซึ่งเวลาระหว่างสองไฟท์มีเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แอบเสียวเหมือนกัน ฝรั่งที่นั่งไฟล์ทเดียวกันกันมาก็วิ่งวุ่น เพราะแถววีซ่าออนไลน์ค่อนข้างใช้เวลา เราโชคดีหน่อยขอวีซ่าแบบเล่มมาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ลุ้นกันพอสมควร
(2) โดนหลอกพาไปเอเจนซี่ทัวร์
เราไม่ได้มีแผนการเดินทางที่แน่นอนและไม่ได้จองตั๋วอะไรมาก่อน จึงพยายามเดินจากโรงแรมไปจองตั๋วที่สถานีรถไฟซึ่งอยู่ไม่ไกล ระหว่างนั้นมีริคชอว์ (คล้ายกับรถตุ๊ก ๆ บ้านเรา) พยายามถามและเรียกให้เราขึ้นรถ ซึ่งปกติเราก็ปฏิเสธตลอด จนมีคันหนึ่งมาทักเราบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมที่เราพัก เห็นเราอยู่ที่ล็อบบี้ จำไม่ได้หรอ คือ คนอินเดียก็หน้าเหมือน ๆ กันหมด เราจำไม่ได้จริง ๆ นางถามเราว่าจะไปไหน นางเลิกงานจะกลับบ้านพอดี จะพาไปให้ฟรีทางเดียวกัน และเราก็พลาดโดนนางพาไปเอเจนซี่จนได้ และพวกเอเจนซี่พวกนี้จะชอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาลเสมอ สังเกตได้จะติดป้าย Gov. Tourist Agency อันนี้ไม่จริงเด้อ
(3) โดนโก่งราคาค่าซิมการ์ด ใช้การไม่ได้
หลังถูกพาไปเอเจนซี่ก็จำใจเข้าไปเพราะนางกดดัน ก็ฟังขายทัวร์ไป เขาเขียนแผนให้หมดเลยว่าไปไหนวันไหนดี และจะจองรถให้หมด ซึ่งเราไม่ต้องการ จึงหาทางเลี่ยงออกมาโดยละม่อม บอกต้องการซื้อซิมการ์ดพอเพื่อจะได้หาข้อมูลเองได้ นางไปเรียกเพื่อนที่ขายร้านข้าง ๆ มา โดยปกติซิมการ์ดที่นี่ต้องลงทะเบียนก่อน และต้องกรอกเอกสารซึ่งต้องใช้รูปถ่าย 2x2 นิ้วเท่าวีซ่า เราก็ทำทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นแล้วจะใช้เวลา 24-48 ชั่วโมงในการรอการลงทะเบียนและตรวจสอบเสร็จสิ้น เราก็จ่ายเงินซึ่งตอนจ่ายคนที่เอาซิมมาให้บอกราคาหนึ่ง ขณะที่เอเจนซี่หันบอกเราอีกราคาหนึ่ง แต่เราทำไรไม่ได้และต้องการจ่ายเพื่อออกไปจากที่นั่นเร็วที่สุด สุดท้ายเสียเงิน และเราก็ย้ายเมืองในวันถัดมา ผ่านไปเกิน 48 ชม. ซิมการ์ดยังใช้การไม่ได้ โทรไปศูนย์ก็ไม่ได้ผล และเราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลับไปตามก็ไม่ได้แล้ว
คำแนะนำ: ถ้าใครจะไประยะสั้นให้เปิดโรมมิ่งไปหรือซื้อซิมสำหรับไปต่างประเทศอย่าง จะสะดวกกว่า แต่ถ้าไปนานแล้วจะซื้อซิมให้ซื้อในช็อปของค่ายนั้น ๆ อย่างเราการเดินทางครั้งถัดไปเคยใช้ Sim2Fly ของ AIS ซึ่งใช้สัญญาของ Airtel 399 บาท เน็ต 4 GB ได้นาน 8 วัน
กับอีกครั้งซื้อซิมของ Vodafon 359 รูปี ได้เน็ตวันละ 1 GB ใช้งานได้ 28 วัน คุ้มมาก สัญญาต่างกันบ้างแล้วแต่พื้นที่บางครั้งอีกเจ้าหนึ่งก็ดีกว่า สลับกันไป
(4) โดนหลอกไปเอเจนซี่อีกครั้ง และเสียตังค์ซื้อตั๋วจนได้
งงมั้ย ทำไมถึงโดนได้หลายครั้งแบบนี้
หลังจากกลับมาได้แล้วเราก็เดินกลับไปสถานีรถไฟอีกครั้ง แต่คนที่นี่ทำงานเป็นขบวนการ ที่หน้าสถานีจะมีคนรอคุณเต็มไปหมดและขัดขวางไม่ให้คุณเข้าไปข้างในได้ โดยตอนนั้นหกโมงเย็นแล้วทุกคนจะบอกคุณว่าเค้าเตอร์ขายตั๋วปิดแล้ว และพรุ่งนี้ 13 มีนา เป็นเทศกาล Holy ซึ่งทุกอย่างจะปิดหมด ถ้าคุณไม่อยากติดอยู่ที่นี่ต้องไปซื้อตั๋วข้างนอก เราก็ไม่อยากจะเชื่อและพยายามเดินหนี แต่จะมีคนของขบวนการนี้เต็มไปหมด ไม่ว่าคุณเดินไปไหนในสถานี ทุกคนจะพูดเหมือนกันแบบนี้และทำหน้าเสียใจกับเรา จนเราเริ่มสับสนและเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งหลายคนก็เริ่มคล้อยตามและเดินออกจากสถานีตามคนพวกนี้ไปอยู่หลายกลุ่ม และไปจบลงที่เดียวกัน
เราจะขออธิบายความยุ่งยากของการจองตั๋วรถไฟอินเดียออนไลน์ให้ฟังคร่าว ๆ ซึ่งสร้างความยากลำบากในการเข้าถึงโดยนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
1. การจะจองตั๋วได้นั้นคุณต้องมี account ของ IRCTC เว็บทางการของการรถไฟ https://www.irctc.co.in/
ซึ่งการจะได้ account ที่ สามารถใช้การได้นั้นต้องมีเบอร์โทรศัพท์อินเดีย หรือไม่ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมถ้าเป็น tourist ประมาณหนึ่งร้อยบาทซึ่งเราพยายามอยู่หลายครั้งแต่ระบบเหมือนจะยังไม่เสถียรและไม่รองรับบัตร international ทำให้ไม่สามารถมีแอคเค้าที่สมบูรณ์ได้ แม้จะกดจองจากเว็บ agency อื่น ๆ เช่น cleartrip สุดท้ายก็จะไม่ได้รับการยืนยันอยู่ดี เว็บเหล่านี้จึงมีเพียงเพื่อการเช็ครอบรถไฟ ซึ่งหน้าตา front end ดูง่ายกว่าเว็บทางการมาก
2. ที่นั่งรถไฟจะมีหลายคลาสตั้งแต่รถนั่งไม่มีแอร์ชั้น 3, 2, sleepers, รถแอร์ AC chair car, AC tier 3, AC tier และ First class และจะมีหลาย quota
- General quota แทบจะเต็มอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่จองก่อนล่วงหน้านาน ๆ
- Tourist quota จะจองได้แค่ AC tier 2 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งราคาสูงอยู่แล้วและจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมทำให้แพงกว่าจองแบบปกติ
- Agency quota แม้การจองแบบธรรมดาจะเต็ม แต่เอเจนซี่มักจะหาที่ให้คุณได้เสมอเพราะมีโควตาในส่วนของเขา และยังมีการจองตั๋วแบบเหมาหลายเส้นทาง อันนี้เอเจนซี่เปิดเว็บให้เราดูเลย ว่านางกดได้ ขณะที่เราเช็คเองเต็มแล้ว จริงเท็จประการใดไม่ทราบแน่
3. เมื่อตั๋วเต็มแล้ว บางครั้งจะสามารถจองได้อยู่โดยหน้าเว็บจะขึ้น waiting list ไว้ และจะขึ้นว่ามีคนเราอยู่แล้วอีกกี่คน แต่ถ้าอยากเพิ่มโอกาสการได้ตั๋ว คุณสามารถเลือก Tatkal ได้ นี่คือระบบที่จะให้คุณจ่ายเงินเพิ่มขึ้น แต่จะให้โอกาสเพิ่มขึ้นโดยการแยกออกจาก waiting list ปกติ
หลังจากที่ได้เห็นความยุ่งยากและซับซ้อนของระบบรถไฟอินเดียและ บวกกับการพูดจาหว่านล้อมโดยเอเจนซี่แล้ว คุณอาจพอเข้าใจทำไมเราถึงเสียเงินให้กับพวกเขา ซึ่งจริง ๆ เขาจะจองตั๋วให้เราทั้งทริปแล้ว แต่ตอนนั้นพอเรียกสติกลับมาได้ เลยเสียไปครึ่งเดียว สติค่ะสติๆ
คำแนะนำ: ถ้าสามารถผ่าน account ของ IRCTC ได้สำเร็จ ให้จองออนไลน์ผ่านเว็บโดยตรงหรือ Cleartrip จะสะดวกมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็อาจจะซื้อตั๋วก่อนผ่านเอเจนซี่ไทย หรือขอคำแนะนำผ่านโรงแรม บางแห่งอาจมีบริการจองให้ได้ แต่ทั้งสองแบบล้วนมีค่าธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ
หรือวิธีที่คลาสสิกที่สุดคือ ซื้อที่เค้าเตอร์ในสถานี โดยเวลาเปิดทำการวันธรรมดาคือ 8:00 - 20:00 จะมีพักบ้างเป็นบางช่วง และ 9:00 - 14:00 วันเสาร์อาทิตย์ อาจต้องเผื่อเวลาหน่อย และจองล่วงหน้าก่อนยิ่งดี เพราะคนค่อนข้างเยอะตลอดเวลา เค้าเตอร์ค่อนข้างเยอะและสับสน บางเค้าเตอร์จองไม่ได้ ขายแต่ตั๋วทั่วไปไม่มีที่นั่งก็มี และแต่ละสถานีก็ต่างกันไป และเจ้าหน้าที่ทำงานช้ามาก เตรียมพาสปอร์ตไปด้วยให้พร้อม หาทางเข้าสถานีให้ได้ อย่าสนทนากับใครก็ตามที่เดินมาถาม สามารถเช็ครอบรถได้ก่อนในเว็บไซต์ และแอพพลิเคชัน Cleartrip, makemytrip, ixigo อันหลังนี้สามารถเช็ค live status หรือสถานะการเดินรถได้ด้วย ว่ารถไฟที่เราจะนั่งนั่นมาถึงสถานีรึยังและออกตรงตามกำหนดรึเปล่า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 ปี กับอินเดีย 3 ครั้ง รวมทริคการเดินทางและสิ่งที่ควรระวัง Ep.2
https://pantip.com/topic/37214388
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความนี้คัดแต่เนื้อ ๆ เน้น ๆ มา อาจไม่ได้ลงรายละเอียดแต่ละสถานที่มากเท่าไหร่ ถ้ามีข้อสงสัยสอบถามได้ค่า
หรือสนใจอ่านบันทึกแบบเต็ม ๆ ยาว ๆ ได้ใน Storylog
https://storylog.co/Mamong/book/592990502e656380345f1bf9
หรือในเพจ จะมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องเล่าความน่ารักระหว่างทางที่เจอได้
www.facebook.com/mameowmon ฝากด้วยค่าาาา