🌟~มาลาริน~👌👌ลดความยากจนรุนแรงใน5 ประเทศอาเซียน ไทยบรรลุเป้าหมายแล้ว เวิลด์แบงก์สนับสนุนปฏิรูป ชมไทยแก้ปัญหาความยากจน

กระทู้คำถาม
เวิลด์แบงก์สนับสนุนปฏิรูป ชมไทยแก้ปัญหาความยากจน




รายงานของธนาคารโลก (World Bank) ซึ่งเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ให้เห็นว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ที่ประสบความสำเร็จและมีพลวัตทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา จำเป็นต้องจัดการปัญหาและความ ท้าทายที่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะสามารถประคองก้าวแห่งการพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ส่วนประเทศไทย นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่น่าชื่นชมในแง่การขจัดปัญหาความยากจน แต่ควรเร่งแก้ อุปสรรคในระดับโครงสร้างเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและกระจายรายได้อย่างทั่วถึง

“Riding the Wave: An East Asian Miracle for the 21st Century” เป็นรายงานฉบับแรกในชุดนี้ ซึ่งระบุว่า ในช่วงกว่า 25 ปีที่ผ่านมา การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและกระจายประโยชน์ครอบ คลุมทุกภาคส่วนของสังคม ทำให้ประชากรของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกว่า 1,000 ล้านคนสามารถขยับสถานะหลุดพ้นจาก ความยากจน และ 60% ของประชากร มีสถานะทางการเงินที่เลี้ยงตัวเองได้อย่างมั่นคง ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาค มีสัดส่วนประชากรที่เป็นชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ธนาคารโลกแนะไทยเร่งปรับปรุงคุณภาพการศึกษา


ในส่วนของประเทศไทย ธนาคารโลก ระบุถึงเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างชื่นชมว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศตัวอย่างด้านการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นผลจากการมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดี ทำให้ไทยขยับสถานะขึ้นเป็นประเทศรายได้ปานกลางในระดับสูง (upper middle income economy) และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จกับกระบวนการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต รายงานของธนาคาร โลกเกี่ยวกับภาพรวมประเทศไทย ระบุว่าในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ไทยมีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม สามารถขยับสถานะจากประเทศรายได้ตํ่า เป็นรายได้ปานกลางระดับสูงภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ชั่วอายุคน กลายเป็นหนึ่งในประเทศ ที่มีการหยิบยกเป็นตัวอย่างเสมอในแง่ของความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงและสามารถลดความยากจนลงได้อย่างชัดเจน

ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยโตแรงระหว่างปี 2503-2539 นั้น อัตราเติบโตเฉลี่ยของจีดีพีอยู่ที่ปีละ 7.5% แต่หลังช่วงวิกฤติเศรษฐกิจของเอเชียระหว่างปี 2542-2548 การเติบโตก็ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ยปีละ 5% ถึงกระนั้นก็ยังกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานใหม่หลายล้านตำแหน่ง ประชาชนได้รับสวัสดิการทั่วถึงมากขึ้น เยาวชนได้เข้าสู่โครงการเรียนฟรีจำนวนมากขึ้น และแทบจะทุกคน อยู่ภายใต้ระบบประกันสุขภาพขณะที่มีการขยายสวัสดิการสังคมรูปแบบอื่นๆ อย่างครอบคลุมมากขึ้น แม้ว่าระหว่างปี 2548-2558 ไทยจะมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยที่ปีละ 3.5% และลดลงมาที่ เฉลี่ยปีละ 2.3% ระหว่างปี 2557-2559 แต่สุดท้ายแล้วเศรษฐกิจไทยก็เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนโดยคาดว่าปีนี้ (2560) จีดีพีของไทยจะขยายตัวที่อัตรา 3.5% และเพิ่ม ขึ้นต่อเนื่องเป็น 3.6% ในปี 2561



จำนวนคนยากจนในประเทศไทยลดลงอย่างมากในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จาก 67% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2529 เหลือเพียง 7.2% ในปี 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราสูงและราคาสินค้าเกษตรขยับตัวสูงขึ้น (ตามเกณฑ์ “เส้นความยากจน” หรือ poverty line ของธนาคารโลกนั้น “ยากจนระดับรุนแรง” คือผู้ที่มีรายได้ต่อวันตํ่ากว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ “ยากจนปานกลาง” คือผู้มีรายได้ต่อวันตํ่ากว่า 3.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ) อย่างไรก็ตาม ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมลํ้าทางสังคมยังเป็นความท้า ทายสำคัญสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ราคาสินค้าเกษตรตกตํ่าและมีปัญหาความแห้งแล้ง สถิติในปี 2557 ชี้ว่า กว่า 80% ของประชากรไทย 7.1 ล้านคนที่อยู่ในข่ายยาก จน เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ ประชากร 6.7 ล้านคน อยู่เหนือเส้นความยากจนเพียง 20% และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถดถอยกลับไปอยู่ในสถานะยากจนได้อีก ส่วนความเหลื่อมลํ้าทางราย ได้ครัวเรือนและการบริโภคยังเป็นปัญหาใหญ่ที่พบเห็นได้ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหนือ และภาคใต้ตอนล่างสุด

การฟื้นตัวและอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าไทยจะขจัดอุปสรรคการเติบโตซึ่งเป็นอุปสรรคในระดับโครงสร้างได้รวดเร็วเพียงใด และควรจะต้องกระจายความเจริญอย่างทั่วถึง รายงานระบุว่า โอกาสที่จะเร่งกระแสการเติบโตต่อไปในอนาคตนั้นมีมากมาย เช่น ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจมากขึ้น เพิ่มปริมาณการค้าด้วยการปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก ขยายการลงทุนด้วยการดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนมาทดแทนการลงทุนของภาครัฐให้มากขึ้น และด้วยการ ปรับปรุงคุณภาพงานบริการของภาครัฐทั่วประเทศ ทั้งหมดนี้จะช่วย สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงขึ้น มีดุลยภาพมากขึ้น ช่วยขจัดความยากจนและกระจายรายได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า เป้าหมายการปฏิรูปในหลากหลายด้านที่ไทยกำหนดเอาไว้เพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว (developed country status) ในระยะ 20 ปี (2560-2579) จำเป็นต้องอาศัยการปฏิรูปที่ดี มีการลงมือ ปฏิบัติอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ในการขยับสถานะ จากประเทศรายได้ปานกลางสู่การเป็นประเทศรายได้สูงนั้น ธนาคาร โลกพร้อมสนับสนุนและเห็นว่าไทยจำเป็นอย่างมากที่จะต้องกระทำสิ่งเหล่านี้ คือ 1) พลิกฟื้นสมรรถนะในการแข่งขันที่ทรุดลงให้กลับคืนมา 2) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐ และ 3) ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาและเพิ่มทักษะให้แก่บุคลากร

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,323 วันที่ 17 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560

http://www.thansettakij.com/content/242515

ปลื้มใจแทนลุงตู่และลุงสมคิดนะคะ...ธนาคารโลก (World Bank) ชมไทยแก้ปัญหาความยากจน

สุดยอดค่ะ...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่