นับว่าเราๆ ท่านๆ ในที่นี้โชคดีไม่น้อยที่ได้เห็นและสัมผัสกลิ่นไอของการเมืองในยุคก่อน คือยุคก่อน 24 มิถุนายน 2475 ลงไปเรื่อยๆ จนถึงนู่น...ยุคที่กรุงศรีอยุธยาเริ่มตั้งไข่ กลิ่นไอและเหตุการณ์ของการเมืองในยุคนั้นหลงเหลือให้เราได้เห็นและจินตนาการได้บางส่วน
ผมคิดว่าใต้หล้าฟ้าเมืองไทยแห่งนี้ คงไม่มีปุถุชนชาวบ้านธรรมดาๆ คนไหนมีบารมีสูงส่งเท่าป๋าเปรมแล้ว ตำแหน่งอันสูงสุดทั้ง “เกียรติ” และทั้ง “ศักดิ์” ป๋าเคยนั่งครองมาแทบทั้งสิ้น แม้แต่ตำแหน่งสูงสุดคือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ราชรถก็ไปเกยเทียบป๋ามาแล้ว และเมื่อมองบทบาทของป๋าทะลุผ่านมิติแห่งเวลาย้อนไปถึง
สมเด็จเจ้าพระยามหาสุริยวงศ์ (ช่วง บุญนาค)ในยุค ร.๕ แล้วจากนั้นทะลุทะลวงผ่านไปถึงท่าน
เจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ในยุคของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ(อยุธยาตอนปลาย)อีกทอดหนึ่ง จะเห็นว่าบทบาทและอิทธิพลของป๋าเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าบุคคลทั้งสองท่านเลยเมื่อเทียบกันแบบปอนต์ต่อปอนด์
ในอดีตและปัจจุบัน มีนายทหารรุ่นน้องจำนวนไม่น้อยที่พยายามจะ “วัดรอยเท้า” ของป๋า......สุดท้ายนายทหารเหล่านั้นต่างก็ติดหล่มอยู่ในรอยเท้าของป๋าแค่นั้นเอง นับจากนี้ไป....เชื่อว่าไม่มีชาวบ้านธรรมดาๆ หรือนายทหารคนไหนจะรุ่งโรจน์เท่าป๋าเปรมได้แล้ว ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดป๋าอย่างไร? นี่คือข้อเท็จจริง
พลเอกเปรมเริ่มฉายแววเด่นมาตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่สองแล้ว ทั้งๆ ที่ตำแหน่งป๋ายังอยู่ที่ “พลโท” แต่เวลาป๋าไปไหนมาไหนก็จะมีมวลชนต้อนรับนำนวนมากไม่แพ้ “พี่เบิร์ด” และแทบจะดังกว่าผบทบ. ด้วยซ้ำ เพราะมีมือดีด้านการตลาดอย่าง “ปลัดฮิ” พิศาล มูลศาสตรสาธร ทุกก้าวย่างในกองทัพและบนถนนการเมืองของป๋ามีการวางแผนและยึดมั่นในแผนนั้นอย่างคัมภีรภาพ ไม่รีบร้อน...หนักแน่นค่อยเป็นค่อยไป ตัวอย่างเช่น ป๋าเป็นนายทหารม้า มีความฝันว่าอยากจะตั้งและเห็นกองกำลังพลหารม้าด้วยตัวเอง แม้จะมีอำนาจบารมีเต็มเปี่ยมช่วงเป็นนายก แต่ป๋า...ก็ไม่บุ่มบ่ามตั้ง
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่คนแย่งชิงกันจะเป็นจะตายให้ได้เพื่อการครอบครอง แต่ป๋าปฏิเสธน้าชาติท่ี่นำใส่พานมายื่นให้อย่างไม่ยี่หระ “ผมพอแล้ว” เล่นเอาน้าชาติเงิบไปเลย และเป็นที่น่าสังเกตุว่าตำแหน่งต่างๆ ที่ป๋าได้รับหลังจากนั้นดูจะสูงส่งกว่าตำแหน่งนายกด้วยซ้ำ
อย่างที่บอก...มีนายทหารรุ่นน้องหลายคนแล้วพยายามจะวัดรอยเท้าป๋า แต่สุดท้ายก็ติดหล่มอยู่ภายใต้รอยเท้าของป๋า ที่ตัวสูงตัวใหญ่หน่อยอย่างพลเอกสุจินดา หรือพ่อใหญ่จิ๋ว ก็สามารถปีนป่ายตะเกียกตะกายพ้นจากรอยเท้าของป๋าได้อย่างทุลักทุเล แต่นายทหารที่ทั้งเตี้ยทั้งสั้นนี่สิ......ถึงใช้เวลาที่เหลือของชีวิตปีนป่ายออกจากรอยเท้าป๋า...แต่ยังก็ไม่พ้น
เหมือน “มะขาม” กับ “สะตอ” แม้จะเป็นฝักเหมือนกัน เมื่อวางฝักมะขามกับฝักสะตอเคียงกัน มะขามทั้งฝักใหญ่เท่าแค่สะตอสองลูก!!...
Rerun:…..รอยเท้านี้หรือ ใครฤาจะหาญวัด??..../วัชรานนท์
ผมคิดว่าใต้หล้าฟ้าเมืองไทยแห่งนี้ คงไม่มีปุถุชนชาวบ้านธรรมดาๆ คนไหนมีบารมีสูงส่งเท่าป๋าเปรมแล้ว ตำแหน่งอันสูงสุดทั้ง “เกียรติ” และทั้ง “ศักดิ์” ป๋าเคยนั่งครองมาแทบทั้งสิ้น แม้แต่ตำแหน่งสูงสุดคือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ราชรถก็ไปเกยเทียบป๋ามาแล้ว และเมื่อมองบทบาทของป๋าทะลุผ่านมิติแห่งเวลาย้อนไปถึง สมเด็จเจ้าพระยามหาสุริยวงศ์ (ช่วง บุญนาค)ในยุค ร.๕ แล้วจากนั้นทะลุทะลวงผ่านไปถึงท่านเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ในยุคของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ(อยุธยาตอนปลาย)อีกทอดหนึ่ง จะเห็นว่าบทบาทและอิทธิพลของป๋าเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าบุคคลทั้งสองท่านเลยเมื่อเทียบกันแบบปอนต์ต่อปอนด์
ในอดีตและปัจจุบัน มีนายทหารรุ่นน้องจำนวนไม่น้อยที่พยายามจะ “วัดรอยเท้า” ของป๋า......สุดท้ายนายทหารเหล่านั้นต่างก็ติดหล่มอยู่ในรอยเท้าของป๋าแค่นั้นเอง นับจากนี้ไป....เชื่อว่าไม่มีชาวบ้านธรรมดาๆ หรือนายทหารคนไหนจะรุ่งโรจน์เท่าป๋าเปรมได้แล้ว ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดป๋าอย่างไร? นี่คือข้อเท็จจริง
พลเอกเปรมเริ่มฉายแววเด่นมาตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่สองแล้ว ทั้งๆ ที่ตำแหน่งป๋ายังอยู่ที่ “พลโท” แต่เวลาป๋าไปไหนมาไหนก็จะมีมวลชนต้อนรับนำนวนมากไม่แพ้ “พี่เบิร์ด” และแทบจะดังกว่าผบทบ. ด้วยซ้ำ เพราะมีมือดีด้านการตลาดอย่าง “ปลัดฮิ” พิศาล มูลศาสตรสาธร ทุกก้าวย่างในกองทัพและบนถนนการเมืองของป๋ามีการวางแผนและยึดมั่นในแผนนั้นอย่างคัมภีรภาพ ไม่รีบร้อน...หนักแน่นค่อยเป็นค่อยไป ตัวอย่างเช่น ป๋าเป็นนายทหารม้า มีความฝันว่าอยากจะตั้งและเห็นกองกำลังพลหารม้าด้วยตัวเอง แม้จะมีอำนาจบารมีเต็มเปี่ยมช่วงเป็นนายก แต่ป๋า...ก็ไม่บุ่มบ่ามตั้ง
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่คนแย่งชิงกันจะเป็นจะตายให้ได้เพื่อการครอบครอง แต่ป๋าปฏิเสธน้าชาติท่ี่นำใส่พานมายื่นให้อย่างไม่ยี่หระ “ผมพอแล้ว” เล่นเอาน้าชาติเงิบไปเลย และเป็นที่น่าสังเกตุว่าตำแหน่งต่างๆ ที่ป๋าได้รับหลังจากนั้นดูจะสูงส่งกว่าตำแหน่งนายกด้วยซ้ำ
อย่างที่บอก...มีนายทหารรุ่นน้องหลายคนแล้วพยายามจะวัดรอยเท้าป๋า แต่สุดท้ายก็ติดหล่มอยู่ภายใต้รอยเท้าของป๋า ที่ตัวสูงตัวใหญ่หน่อยอย่างพลเอกสุจินดา หรือพ่อใหญ่จิ๋ว ก็สามารถปีนป่ายตะเกียกตะกายพ้นจากรอยเท้าของป๋าได้อย่างทุลักทุเล แต่นายทหารที่ทั้งเตี้ยทั้งสั้นนี่สิ......ถึงใช้เวลาที่เหลือของชีวิตปีนป่ายออกจากรอยเท้าป๋า...แต่ยังก็ไม่พ้น
เหมือน “มะขาม” กับ “สะตอ” แม้จะเป็นฝักเหมือนกัน เมื่อวางฝักมะขามกับฝักสะตอเคียงกัน มะขามทั้งฝักใหญ่เท่าแค่สะตอสองลูก!!...